แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: [1] 2 3 ... 653
1
ทนายกฤษฎางค์ แถลงชี้แจงสาเหตุ “บุ้ง ทะลุวัง” เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เพราะมีการใส่ท่อช่วยหายใจในหลอดอาหาร แทนที่จะใส่หลอดลม

จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือบุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ซึ่งอดอาหารประท้วง หลังถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งมีอาการวิกฤตหัวใจหยุดเต้น จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดยแพทย์ได้ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต (CPR) แต่ไม่เป็นผลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (18 พ.ค.) ที่ วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า สาเหตุที่ น.ส.เนติพรเสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยหลังการเสียชีวิต ญาติไม่ได้รับรายงานการรักษา แต่เท่าที่ดูอาการของ น.ส.เนติพร 5 วันย้อนหลัง พอบ่งชี้ได้ถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาล รวมทั้งได้ขอภาพเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิด ซึ่ง รมว.และอธิบดี ยืนยันว่า มี และได้ตรวจสอบภาพแล้ว ก่อนนำไปแถลงให้สื่อมวลชนรับทราบ แต่กลับไม่ได้มอบให้กับทนายความ โดยอ้างกฎกระทรวง แม้พี่สาวของน.ส.เนติพร จะมอบให้ทนายความไปขอวงจรปิด ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องให้คุณพ่อ หรือคุณแม่ ไปรับเอง ซึ่งเรื่องนี้ย้อนแย้งกับการนำข้อมูลภาพวงจรปิดไปแถลงให้สื่อฟังหลายครั้ง โดยไม่ได้ขออนุญาตครอบครัวผู้ตายด้วยซ้ำ

ทนายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ประเด็นหลักคือรายงานการรักษาจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติที่ส่งมาให้ ระบุว่า น.ส.เนติพร มาถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เวลา 09.30 น. ซึ่งไม่หายใจและไม่มีสัญญาณชีพ วัดค่าลมหายใจเป็นศูนย์ และที่สําคัญมีการตรวจพบว่า การรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อนมาถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ นั้น มีการทําที่ผิดพลาด คือใส่ท่อช่วยหายใจผิดตําแหน่ง โดยใส่ในหลอดอาหารแทนที่จะใส่ในหลอดลม เพื่อนําออกซิเจนเข้าไปช่วยในการหายใจ ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยืนยันว่านี่คือหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทําให้บุ้งเสียชีวิต และมีเรื่องที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือแพทย์พบสารบางอย่าง ซึ่งตนยังไม่ขอเปิดเผยตอนนี้ รอผลวิเคราะห์แยกแยะอย่างเอียดก่อน และเพราะเหตุนี้หรือไม่ทางราชทัณฑ์จึงไม่ยอมส่งรายการการรักษาของ น.ส.เนติพร

ทั้งนี้ตนไม่อยากบอกว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ห่วย แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้เกิดข้อกังขาหลายอย่างและถือเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะ น.ส.เนติพรเสียชีวิตภายใต้การควบคุมของราชทัณฑ์ ส่วนใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนั้นตนไม่ทราบ นอกจากนี้แพทย์ตรวจพบว่า มีค่าบางอย่างที่พุ่งสูงผิดปกติ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้แพทย์ตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะตนไม่ต้องการใส่ร้ายใคร แต่อยากบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจว่า ทํากันถึงขนาดนี้เลยหรือ

ทนายกฤษฎางค์ กล่าวทิ้งท้ายถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่า อย่าหลอกลวงให้ “ตะวัน”เซ็นเอกสารใดๆ หรือให้การใดๆ เพราะเด็กยังอยู่ในอาการเสียใจและอาการอ่อนแรงเป็นอย่างมาก และที่สําคัญ “ตะวัน” ถือเป็นพยาน ดังนั้นอยากให้ครอบครัวและเพื่อนช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้ดี เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับตะวันหรือไม่ แต่เชื่อว่าตอนนี้อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ปลอดภัยแน่นอน

18 พ.ค. 2567  ทีมข่าวอาชญากรรม
https://mgronline.com/crime/detail/9670000042991

2
ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น ได้ก่อกระแสทำให้เกิดความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจากหลายภาคส่วน ซึ่งเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องพิเคราะห์สถานการณ์ที่แท้จริงนี้ให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ได้มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดมา 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติเพื่อออกมา  “ควบคุมกัญชาทั้งระบบอย่างเข้มข้น” เพราะด้วยปัญหาทางการเมืองมากกว่าปัญหาข้อเท็จจริง

 การปลดล็อกกัญชาได้ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย หรือแพทย์แผนไทยประยุกต์สามารถจ่ายยากัญชาได้สะดวกขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยก็สามารถจะปลูกกัญชาเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้

 อีกทั้งยังมีคนสุจริตซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีผลิตภัณฑ์กัญชาที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยาจำนวนมาก เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มผสมกัญชาหรือกัญชง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ยาที่ทำจากน้ำมันหรือสารสกัดกัญชาและกัญชง ตำรับยาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม ฯลฯ

นอกจากนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการบางรายสามารถส่งออกช่อดอกกัญชงหรือสารสกัดจากกัญชงไปยังต่างประเทศเพื่อทำไปผสมเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย

แต่ก็ยังมีผู้ที่ดำเนินธุรกิจกัญชาอย่าง  “ผิดกฎหมาย” เช่น การเปิดร้านกัญชาอย่างผิดกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาต การจำหน่ายกัญชาให้เด็กและเยาวชน การลักลอบการนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศ การเปิดให้มีการสูบกัญชาในร้านเพื่อนันทนาการ ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะปัญหา 2 ปัจจัยสำคัญคือ

1.มีกฎหมายหลายฉบับที่ใช้สำหรับการควบคุม “ชั่วคราว” นานเกินไป โดยในระหว่างการรอกฎหมายกัญชา กัญชงทั้งระบบ ได้มีการควบคุมกัญชาอยู่แล้วหลายฉบับ เช่น การประกาศให้ช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม โดยอาศัย พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542, พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2518, พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม กฎหมายควบคุมกัญชา  “ชั่วคราว” เพื่อเอามาใช้ไปพลางๆ ก่อนนั้น แต่เนื่องจากมีบทลงโทษทางกฎหมายที่ไม่รุนแรงเพียงพอและกลไกที่แยกหลายส่วนงาน จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายควบคุมกัญชาอย่างเป็นระบบและมีบทลงโทษที่รุนแรงในการกระทำความผิดทั้งหมดด้วย การใช้กฎหมายชั่วคราวในการควบคุมกัญชานานเกินไป ทำให้ผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายมีวิวัฒนาการ เห็นช่องว่างและจุดอ่อน ตลอดจนอัตราโทษทางกฎหมายที่ไม่รุนแรง จึงหาช่องทางในการกระทำความผิดมากขึ้น

 2.ถึงแม้จะมีการใช้กฎหมายชั่วคราวในการควบคุมกัญชา แต่หากมีการ “บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง” ปัญหาก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้   โดยเฉพาะผู้ที่จำหน่ายให้เด็กและเยาวชน ผู้ที่ลักลอบนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศ ชาวต่างชาติที่มาเปิดร้านขายกัญชาอย่างผิดกฎหมาย หรือมีผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสกัดกัญชา(ซึ่งเป็นยาเสพติด) เปิดขายอย่างผิดกฎหมาย ย่อมต้องถูกปิดกิจการ หรือมีบทลงโทษทางกฎหมายไปแล้วทั้งสิ้น

 แต่ “การปล่อยปละละเลย” ให้มีการกระทำผิดจำนวนมากนั้น ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์กัญชาอย่างใหญ่หลวง ก็เพื่อจะหวังความชอบธรรมทางการเมืองในการ “นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” มากกว่าหรือไม่?

แต่คำถามข้างต้นคงยังไม่สำคัญกับปัญหาในประเด็นที่ว่า หาก  “เปลี่ยนแนวทาง” จากการทำกฎหมายกัญชา กัญชงออกมาต่างหากมาเป็น  “การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” เราจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรบ้าง?
 หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่า หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแล้ว แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้าน จะสามารถใช้กัญชาจ่ายให้กับคนไข้ได้เหมือนเดิม เพราะคิดว่ารัฐบาลแม้จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแต่ยังให้ใช้ทางการแพทย์ได้

  หลายคนฝันหวานไปว่าหากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแล้ว ฟาร์มกัญชาของตัวเองจะขายดีขึ้น เพราะไม่ให้ชาวบ้านปลูกแล้ว ต้องซื้อกัญชาจากผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น
ทั้ง 2 ประเด็นข้างต้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างยิ่ง เพราะในที่สุดแล้วการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จะทำให้แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านจะไม่สามารถจำหน่ายกัญชาให้กับคนไข้ได้เหมือนเดิม คงเหลือแต่  “ยากัญชานำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพงเพราะได้จดสิทธิบัตรแล้ว” และแพทย์แผนปัจจุบันพร้อมจะจ่ายกัญชาเหล่านี้ด้วย

 หรือจะเหลือแต่กัญชาของฟาร์มผู้ที่มีเส้นสายของกลุ่มทุนใหญ่พวกพ้องนักการเมืองไม่กี่รายเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิผูกขาดการค้าขายกัญชาให้กับประชาชน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ได้โปรดติดตามเนื้อหาดังนี้

ในวงการกัญชาทางการแพทย์นั้น แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือ หมอพื้นบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพหลัก ที่มีโอกาสจะ “จำหน่าย” กัญชาหรือน้ำมันกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ให้กับคนไข้ได้มากที่สุด

เพราะสามารถก้าวข้ามการผูกขาดยากัญชาของชาติที่มีสิทธิบัตรที่ต้องซื้อมาในราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายในรูปแบบของตำรับยาแพทย์แผนไทย หรือ การปรุงยาเฉพาะรายให้กับคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ตามพระราชบัญญัติ วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 ซึ่งทำให้เป็นวิชาชีพที่สำคัญเพราะสามารถจำหน่ายกัญชาให้คนไข้ได้ตามลักษณะความสมดุลของธาตุของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันได้ด้วย
หากพิจารณาจากประกาศของสภาการแพทย์แผนไทย ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานและกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2563 ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 ได้ครอบคลุมทุกวิธีการใช้กัญชาในหลายรูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอน ซึ่งรวมถึง การสกัดด้วยเหล้าหรือแอลกอฮอล์แล้วรับประทาน, การตำเป็นผงบดละเอียดละลายน้ำกระสายยาให้กิน, การบดเป็นผงอัดเม็ด, การทำเป็นเม็ดแคปซูล, ยาประสมแล้วเผาไฟใช้ควันรม, ยาประสมแล้วมวนบุหรี่สูบเอาควัน ฯลฯ[1]
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกัญชามีสารที่ออกฤทธิ์ทางจิตประสาทด้วยแล้ว จึงต้องมีความระมัดระวังด้วยการ ค่อยๆ ให้จากน้อยที่สุดและเพิ่มปริมาณไปเรื่อยๆ ด้วยเพราะตัวรับสารกัญชาของแต่ละคนไม่เท่ากัน และไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนอะไรในโลกนี้ ก็ต้องมีวิธีการไปในทิศทางเดียวกัน

ตัวอย่างยากัญชาสกัดที่ทำโดยหมอพื้นบ้านหรือแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกก่อนการแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น น้ำมันเดชา น้ำมันกัญชาตำรับเมตตาโอสถ น้ำมันกัญชาตำรับการุณย์โอสถ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เรียนรู้มาจากการใช้น้ำมันกัญชาจริงจากชาวบ้านทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยการแพทย์แผนไทยที่มีลักษณะยืดหยุ่นปรับได้ตามลักษณะของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกันสอดคล้องไปกับวิถีของการใช้กัญชาอย่างลงตัวที่สุด แต่เนื่องด้วยเพราะกัญชาหากปลูกในประเทศย่อมมีราคาที่ไม่แพงเท่ากับยากัญชาต่างชาติ วิถีของการแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน จึงกลายเป็นคู่แข่งตามธรรมชาติของบริษัทยากัญชาของต่างชาติที่หวังจะนำมาขายในประเทศไทยในราคาแพงๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ยากัญชาที่มีสิทธิบัตรของต่างชาตินั้น ต่างปลูกในเรือนปิดเกือบทั้งหมดทำให้มีการลงทุนอย่างมหาศาลที่คนไทยหรือวิสาหกิจชุมชนทั่วไปไม่สามารถจะไปลงทุนได้ หรือหากมีผู้ลงทุนในประเทศได้ก็จะเป็นกลุ่มทุนใหญ่ในประเทศไทยไม่กี่รายที่จะมีศักยภาพเป็นผู้ผลิตให้ยากัญชาที่มีสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติได้เท่านั้น

นอกจากนั้นในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ก็มีการควบคุมมาตรฐานเรื่องกัญชากันเองเพื่อการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ป่วยและประชาชน โดยสภาการแพทย์แผนไทยได้ควบคุมมาตรฐานโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 ด้วย

โดยสภาการแพทย์แผนไทยได้มีการออกประกาศสภาการแพทย์แผนไทยหลายฉบับในการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของการดำเนินกิจการเกี่ยวกับกัญชาในทางการแพทย์แผนไทยด้วยความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมถึง ผู้ปลูกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย[2], ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แผนไทย[3], สถานบริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทย[4], ผู้ให้บริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทย[5], ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แผนไทย[6], มาตรการและบทลงโทษผู้กระทำความผิดในการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต[7]

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 ได้มีราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงนามโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากกัญชาหรือกัญชง ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2567 โดยมีสาระสำคัญปรากฏอยู่ในข้อ 3 และ ข้อ 4 ความว่า

 “ข้อ 3 ให้ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งมีลักษณะเป็นตำรับยาที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ผสมอยู่ และได้รับอนุญาตให้ผลิตเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคได้

 ข้อ 4 ให้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งมีลักษณะเป็นตำรับยาที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ผสมอยู่ และได้รับอนุญาตให้ผลิตเพื่อการศึกษาวิจัย เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เพื่อการเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้”[6]

ประกาศกระทรวงสาธารณสุขมีความหมายซ่อนปมเอาไว้ 2 ประการ

ประการแรก ห้าม “สกัดยาที่มาจากกัญชาหรือกัญชง” ทั้งสิ้นในการใช้ทางการแแพทย์ ให้ใช้ได้ในรูปอื่นที่เป็นตำรับยาที่ห้ามสกัด ไม่ว่าจะมีสารเมา (THC)อยู่หรือไม่ก็ตาม หรือปริมาณเท่าใดก็ตาม ซึ่งจากเดิมแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ สามารถสกัดและใช้ได้ตามกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย และประกาศของสภาการแพทย์แผนไทย รวมถึงการปรุงยาเฉพาะรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสารสกัดกัญชามีปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก

สำหรับประเด็นนี้อาจจะอ้างว่า ปัจจุบันนี้ตำรับยาที่เป็นน้ำมันกัญชาเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่กระทรวงสาธารณสุขยอมรับนั้น ไม่นับเป็นยาเสพติดแล้วแพทย์แผนไทยจะสามารถจ่ายได้ แต่ในความเป็นจริงเมื่อเป็นยาเสพติด ก็ไม่สามารถผลิตหรือสกัดเองได้ ต้องรอภาครัฐอนุมัติเท่านั้น และไม่สามารถปรุงยาเฉพาะรายได้ด้วย

ประการที่สอง ปัจจุบันยาเสพติดให้โทษประเภท 5 มีพืชเหลือเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ พืชฝิ่น และเห็ดขี้ควาย หากแต่การเขียนเช่นนี้เป็นการรองรับ พืชกัญชาที่กำลังจะเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ตามมาใช่หรือไม่

  ผลคือ…จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายยาเสพติดเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายยากัญชาตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแบบดั้งเดิมได้ ไม่สามารถสกัดเองได้ แม้จะไม่มีสารเมา THC หลงเหลือก็ตาม และไม่สามารถทำการปรุงยาเฉพาะรายด้วยการสกัดยาจากกัญชา หรือกัญชงได้ด้วย

 เพราะหากกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประมวลกฎหมายยาเสพติดไม่ได้อนุญาตให้แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้านจ่ายยาเองได้ตามอำเภอใจ

 หากแต่กัญชาเมื่อเป็นยาเสพติดแล้ว จะต้องผ่านเภสัชกรแผนปัจจุบัน และจะต้องมีเภสัชกรแผนปัจจุบันอยู่ในสถานบริการนั้นตลอด 24 ชั่วโมงด้วย ทั้งๆ ที่เภสัชกรแผนปัจจุบัน ไม่ได้วินิจฉัยและมีลักษณะการจ่ายยาสกัดสมุนไพรเหมือนกับรูปแบบของการแพทย์แผนไทยเลย

 นี่คือการกีดกั้นทางวิชาชีพแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านในการ “จำหน่ายกัญชา” หรือไม่
ดังปรากฏตามมาตราประมวลกฎหมายยาเสพติดดังนี้

“มาตรา 40 ให้ผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ประเภท 3 หรือประเภท 5 หรือผู้รับอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ประเภท 3 หรือประเภท 4 ต้องจัดให้มี “เภสัชกรอยู่ประจำ” ควบคุมกิจการตลอดเวลาทำการซึ่งระบุไว้ในใบอนุญาต พร้อมทั้งต้องดูแลให้เภสัชกรได้ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดในกฎกระทรวง“[9]

ดังนั้นถ้ากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็เตรียมปิดฉากการใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทยได้เลย นอกจากไม่สามารถสกัดยากัญชาหรือกัญชงหรือปรุงยาเฉพาะรายตามแนวทางของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยได้แล้ว ยาที่มีกัญชาตามตำรับในแนวทางการแพทย์แผนไทยยังต้องจ่ายโดยเภสัชกรแผนปัจจุบันเท่านั้นอีกด้วย

  นี่คือการตัดตอนและทำลายการจ่ายยากัญชาด้วยการพึ่งพาตัวเองของการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านใช่หรือไม่ และการจ่ายโดยเภสัชกรแผนปัจจุบันนั้นก็เพื่อปูทางไปสู่ยาสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติใช่หรือไม่

 ด้วยเหตุผลนี้ใช่หรือไม่ จึงมีการวางแผนกันที่จะเอากัญชาเป็นยาเสพติด แทนที่จะออกกฎหมายควบคุมกัญชากัญชงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา?

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

อ้างอิง

[1] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่องเกณฑ์มาตรฐานและกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556, เล่ม 137 ตอนพิเศษ ง 162 ง, 15 กรกฎาคม 2563 หน้า 27
https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/565896/630715_27_162งพิเศษ.pdf?sequence=1

[2] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่อง ข้อกำหนดการขึ้นทะเบียนและให้การรับรองมาตรฐานผู้ปลูกกัญชาให้แพทย์แผนไทยใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2566, เล่ม 140 ตอนพิเศษ ง 231 ง, 19 กันยายน 2566 หน้า 9
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D231S0000000000900.pdf

[3] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่อง ข้อกำหนดการขึ้นทะเบียนและให้การรับรองมาตรฐานผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ พ.ศ. 2566, เล่ม 140 ตอนพิเศษ ง 231 ง, 19 กันยายน 2566 หน้า 8
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D231S0000000000800.pdf

[4] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่องข้อกำหนดการขึ้นทะเบียนและให้การรับรองมาตรฐานสถานบริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2566 เล่ม 140 ตอนพิเศษ ง 231 ง, 19 กันยายน 2566 หน้า 7
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D231S0000000000700.pdf

[5] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่อง ข้อกำหนดการขึ้นทะเบียนและให้การรับรองมาตรฐานผู้ให้บริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2566 เล่ม 140 ตอนพิเศษ ง 231 ง, 19 กันยายน 2566 หน้า 6
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D231S0000000000600.pdf

[6] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่อง ข้อกำหนดทะเบียนรายชื่อและหลักเกณฑ์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แผนไทย สำหรับการให้บริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทยโดยผู้ที่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต พ.ศ. 2566, เล่ม 140 ตอนพิเศษ 231 ง, 19กันยายน 2566 หน้า 5
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D231S0000000000500.pdf

[7] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่อง ข้อกำหนดการควบคุม การให้บริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ศ. 2566, เล่ม 140 ตอนพิเศษ 231 ง, 19 กันยายน 2566 หน้า 4
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D231S0000000000400.pdf

[8] ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดจากัญชาหรือกัญชง ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2567, เล่ม 141 ตอนพิเศษ 110 ง, 22 เมษายน 2567 หน้า 14
https://narcotic.fda.moph.go.th/media.php?id=623323537364623360&name=NC_035%20ประกาศ%20สธ%20ยส.5ที่มิใช่สารสกัดกัญชาหรือกัญชง%20ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือเสพเพื่อการวิจัยได้.pdf

[9] ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564, เล่ม 138 ตอนที่ 73 ก, วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564, หน้า 31
https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/073/T_0001.PDF

17 พ.ค. 2567 ผู้จัดการออนไลน์

3
“หมอธีระวัฒน์” ตอกย้ำโควิดเกิดจากแล็บที่สหรัฐฯ หนุนหลัง เผย “อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิดหมอใหญ่ “เฟาซี” ฐานโกหกสภาคองเกรส หลังสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ยอมรับให้ทุนสถาบันวิจัยอู่ฮั่น สร้างไวรัสชนิดใหม่ที่แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น ก่อนโควิดแพร่ระบาดปลายปี 2562

ในขณะเดียวกัน Elon Musk ประกาศ ต้องเอาโทษ Anthony Fauci ตัวการใหญ่ในเรื่องนี้ให้ได้

อีลอน มัสก์ เรียกร้องให้จับกุมและดำเนินคดีกับนายแพทย์ แอนโธนี เฟาซี เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ NIH เข้ามาเคลียร์กับสภาคองเกรส และยอมรับว่าให้ทุนสนับสนุนการวิจัย แก่สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น

ขณะเดียวกัน องค์กร EcoHealth alliance มีความผิด และพยายามจะกลบเกลื่อนปิดบังหลักฐานในการส่งผ่านทุนให้สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น และ รัฐบาลสหรัฐ department of Health and Services ตัดสินให้ยุติทุนใดๆให้องค์กรนี้ รวมทั้งให้ถอดถอนสิทธิ์ขององค์การนี้ (disbarment)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์ ดังกล่าว ได้อ้างถึงคำให้การของนายแพทย์แอนโทนี่ เฟาซี่ ต่อสภาคองเกรส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งนายเฟาซี่ได้ให้การว่า NIH ไม่ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบันวิจัยที่อู่ฮั่นในการวิจัยไวรัส gain of function แต่อย่างใด

ทั้งนี้ การเรียกร้องของนายอีลอน มัสก์ ให้ดำเนินคดีนายเฟาซี่นั้น ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นข้อหาใด แต่ข้อหาที่ชัดเจนที่สุดคือข้อหาให้การเท็จและโกหกต่อสภาคองเกรส ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี

18 พ.ค. 2567  ผู้จัดการออนไลน์

4
“หมอธีระวัฒน์” เผยโควิดหลุดมาจากห้องแล็บเป็นเรื่องจริง โดยฝีมือของอดีต ผอ.สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ร่วมกับ “หมอใหญ่เฟาซี” และอีกหลายคน ผ่านเงินทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่มี Eco Health Alliance ซึ่งได้พัฒนาเชื้อไวรัสร่วมกับสถาบันวิจัยอู่ฮั่น เป็นตัวกลาง ล่าสุดถูกรัฐสภาสหรัฐสอบสวนและสั่งยุติการให้เงินสนับสนุนแล้ว

วันนี้(18 พ.ค.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์พิเศษสาขาประสาทวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ว่า ความชั่วปรากฏ พฤษภาคม 2024 ความจริงปรากฏชัดจากที่ถูกป้ายสี “โควิดมาจากห้องแล็บ (lab leak)” ว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องจริง

และเปิดเผยการปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยม ของผู้ที่เป็นหัวหน้าองค์กร เช่น NIH Francis Collins (นายฟรานซิส คอลลินส์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ของสหรัฐอเมริกา) ที่ abuse ใช้อำนาจในทางที่ผิดในสหรัฐ ทำลายนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอหลักฐานของกำเนิดโควิดจริงๆ

และทั้งนี้ยังมีโขลงของผู้มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง Fauci (นายแอนโทนี เฟาซี อดีตหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19) และกลุ่มที่บิดเบือน รวมไปถึงหัวหน้า CDC ซึ่งหน่วยงานของสหรัฐ NIH CDC USAID DARPA ผ่านเงินทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ลงมาที่ตัวกลาง Eco Health Alliance ของ Peter Daszak และทำการวิจัยและพัฒนาไวรัสโควิดกับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น จนสำเร็จก่อนที่จะเกิดระบาดโควิดในปลายปี 2019 รวมทั้ง NIH ถือสิทธิบัตรครอบครองวัคซีนโควิดก่อนหน้าปี 2018 ด้วยซ้ำ

15 พฤษภาคม 2024 องค์กร Eco Health Alliance ถูกตัดสินจากหลักฐานที่รัฐสภาสืบสวนสอบสวนมาตลอด ยุติเงินทุนที่ได้รับที่นำไปใช้สำหรับตัวเองและส่งผ่านไปให้องค์กรอื่นและประเทศอื่นเก็บไวรัสจากสัตว์ป่าและรายงานข้อมูลมาเพื่อสร้างไวรัสใหม่ และอยู่ในกระบวนการที่องค์กรนี้จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ (disbarment)

คนอื่นๆ ที่เป็นตัวการในเรื่องนี้กำลังถูกทยอยจัดการตามลำดับ และใครที่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตหลาย 10 ล้านคนทั่วโลก และยังเกี่ยวโยงไปถึงวัคซีนโควิดและการปกปิดผลกระทบผลข้างเคียงของวัคซีน

จับตาดูองค์กรใหญ่และหน่วยงานโรงเรียนแพทย์สถาบันในประเทศไทยที่รับเงินทำธุรกิจข้ามชาติจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ทั้งๆ ที่รู้ถึงเรื่องเหล่านี้และอันตรายที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะขึ้นถ้ายังคงทำต่อ แต่เห็นแก่เงินเป็นสรณะ

องค์กรและบุคคลต่างๆ เหล่านี้จะเป็นกลุ่มเดียวกันที่พยายามปิดบังผลกระทบของวัคซีนที่ทำให้ตายและพิการและมีผลในระยะยาว

หลักฐานที่นำมากล่าวนี้มีมากมายและเป็นบันทึกของรัฐสภาสหรัฐจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

18 พ.ค. 2567  ผู้จัดการออนไลน์

5
หมอเรวัต ชี้ เคสบุ้ง ใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องคือหายนะ ยัน เป็นมาตรฐาน ต้องสอบให้ผ่านก่อน ถ้าไม่ผ่านคือการทำลายชีวิต

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นพ.เรวัต วิศรุตเวช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของบุ้ง เนิตพร ว่า หากการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตรวจพบว่า มีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องทางคือไม่ผ่านเข้าทางหลอดลม แต่เป็นทางหลอดอาหารซึ่งในหลายกรณีก็อาจใส่ให้ถูกต้องได้ยาก แต่ประเด็นสำคัญต้องพิสูจน์ให้รู้ว่า ใส่ผิดหรือถูก ซึ่งตรวจสอบได้ไม่ยาก เพราะถ้าใส่ถูกช่องทาง ต้องได้ยินเสียงลมเข้าไปในปอดเมื่อบีบลมผ่านท่อด้วยการใช้หูฟัง ( Stethoscope) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการใส่ท่อช่วยหายใจ หากมีการใส่ผิดก็ต้องรีบดึงออกแล้วใส่ใหม่ทันที  เพราะฉะนั้นถ้าใส่ผิดช่องทางแล้วผู้ปฏิบัติยังไม่รู้ และไม่พิสูจน์ให้แน่ใจมันคือหายนะ เป็นวิกฤตที่ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน เพราะปอดจะไม่ได้รับอ๊อกซิเจนเลย

ในประเด็นนี้กรมราชทัณฑ์อาจต้องตรวจสอบ ทั้งมาตรฐานของระบบ และมาตรฐานของบุคลากร การใส่ท่อช่วยหายใจให้ถูกช่องทางคือมาตรฐานที่ต้องสอบให้ผ่านก่อน  ถ้าไม่ผ่านคือการทำลายชีวิต แพทยสภาในฐานะสภาวิชาชีพควรต้องใช้สถานการณ์นี้ร่วมแสดงบทบาทตรวจสอบมาตรฐานวิชาชีพเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ

มติชน
19พค2567

6
สารพิษจากบุหรี่ไฟฟ้า ที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้มากกว่า และส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว แถมยังไม่สามารถช่วยให้สามารถเลิกบุหรี่จริงได้

บุหรี่ไฟฟ้า กลายเป็นสิ่งที่น่ากังวล หลังจากกลุ่มวัยรุ่นหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายที่น้อยกว่าบุหรี่มวน และเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเลิกบุหรี่ได้

ความเป็นจริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้าหลายๆ ยี่ห้อมีสารนิโคตินที่มากเท่ากับการสูบบุหรี่มวนถึง 20-50 มวน และสามารถเสพติดได้ง่ายกว่าบุหรี่จริงถึง 10 เท่าตัว อย่างไรก็ตามทั้งบุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่มวน ต่างมีอันตรายเหมือนกันทั้งคู่ดังนี้

ความอันตรายจากบุหรี่มวน
-หลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน
-โรคปอด และระบบทางเดินหายใจ
-โรคเกี่ยวกับกระดูก และกล้ามเนื้อ
-โรคหัวใจและหลอดเลือด
-ระบบสืบพันธุ์ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
-ฟันเหลือง หรือมะเร็งในปาก

ความอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า
-อันตรายต่อสมอง : ทำให้เซลล์ประสาทเกิดความเปราะบาง และอ่อนไหวได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการลมชัก รวมถึงการทำให้โครงสร้างสมองมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในเด็ก และวัยรุ่น
-อันตรายต่อหลอดเลือด : หลอดเลือดอุดตัน รวมถึงทำให้เสื่อมสภาพได้ไวขึ้น มีความยืดหยุ่นที่ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สมองตีบ และหัวใจวายได้
นอกจากนี้ยังสร้างอันตรายต่อสุขภาพด้านอื่นๆ เช่น เกิดปัญหาช่องปาก, มะเร็งปอด, ความดันโลหิตสูง, ผิวหนังหมองคล้ำ และสภาวะทางเพศหย่อน และเสื่อมลง

สารพิษในบุหรี่ไฟฟ้า
-นิโคติน เป็นสารที่สามารถทำร้ายสมอง ทําให้เซลล์สมองอักเสบ ยิ่งในคนอายุต่ำกว่า 25 ปี จะกระทบต่อพัฒนาการสมอง
-ฟอร์มาลดีไฮด์ หนึ่งในสารที่ทำอันตรายต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ และเซลล์เยื่อบุทั่วร่างกาย เสี่ยงเกิดมะเร็งหากได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานาน
-โพรไพลีนไกลคอน สารที่สามารถทําร้ายดวงตา ทําลายชั้นของเหลวบนผิวดวงตา อาจทําให้จอประสาทตาเสื่อมได้
-กลีเซอลีน สามารถแทรกซึมเข้ากระแสเลือด ทําให้วิงเวียน คลื่นไส้ ปวดหัวได้ฉับพลัน
-สารหนู สามารถส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด หากได้รับปริมาณมาก มีผลต่อการขยายและการแข็งตัวของหลอดเลือด เสี่ยงภาวะเลือดไหลไม่หยุด

ปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายสำหรับประเทศไทย ใครที่ถือครองถือว่าต้องมีโทษตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้.

ข้อมูล : สสส.


Thairath Online
16พค2567

7
Beach Atlas เปิด 100 อันดับชายหาดที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2024 ภายใต้ Golden Beach Award 2024 จากการเลือกที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกภูมิภาค

โดยเกณฑ์การคัดเลือก นอกจากหาดทรายละเอียดและน้ำทะเลสีฟ้าใสแล้ว ยังมีตัวเลือกอื่นๆ เช่นคุณค่าต่อชุมชนท้องถิ่น DEI ข้อเสนอด้านไลฟ์สไตล์ และความสำคัญทางวัฒนธรรม ซึ่งกระบวนการคัดเลือกมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง และอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วโลกมาลงคะแนนเสียงและช่วยจัดอันดับ

จากผลสำรวจพบว่า 'โบรา โบรา' จากเฟรนช์พอลินีเชีย ครองแชมป์ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก เนื่องจากหาดที่เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด ที่ทุกคนดำดิ่งลงสู่ผืนน้ำที่ใสดุจคริสตัลในเวลากลางวัน และถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงามในตอนกลางคืนได้

ส่วนอันดับสองได้แก่ 'หาดโบลเดอร์ส' จากแอฟริกาใต้ ที่นอกจากชายหาดที่สวยงามแล้ว ยังมีเพนกวินสายพันแอฟริกาใต้มากมายให้ชื่นชม ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงาม

ในขณะที่ประเทศไทย ‘อ่าวมาหยา’ ติดอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียน เนื่องจากมีน้ำทะเลสีฟ้าใส หน้าผาอันน่าทึ่ง และหาดทรายขาวสวยงาม ในขณะที่ ‘ชายหาดพัทยา’ ติดอันดับ 12 และ ‘หาดไร่เลย์’ อันดับ 66

SPOTLIGHT
www.amarintv.com
14 พค 2567

8
สาธารณสุขอุดรธานี เผยยังเอาผิดแดนธรรมดึงพลังรักษาโรค ไม่ได้ เพราะยังไม่มีใครได้รับความเสียหาย

วันนี้ (17 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีน้องหญิงและอาจารย์ เปิด แดนธรรมสุขาววะดี ในพื้นที่กว่า 11 ไร่ ที่บ้านโนนตาแสง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ดึงพลังบุญจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ มาทำการรักษาโรคให้แก่คนที่ศรัทธาและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.อุดรธานี , สาธารณสุข อ.บ้านผือ และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปพบกับน้องหญิงและอาจารย์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แค่สังเกตุการณ์และเก็บข้อมูลในเรื่องสถานที่และสอบถามรักษาโรคให้แก่ประชาชน

อย่างไรตอนนี้เจ้าหน้าที่ฯยังทำอะไรไม่ได้ ได้แค่สำรวจและสอบถามเท่านั้น อีกอย่างยังไม่มีประชาชนที่เสียหายจากการรักษาโรค จึงได้แค่เก็บข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ก่อน

ขณะที่น้องหญิงและอาจารย์ ก็ให้นักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวเรื่องนี้สามารถบอกอาการเจ็บป่วยของตนเองมาได้เลย แล้วจะดึงพลังบุญจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์มารักษาให้ ส่วนเรื่องเปิดแดนธรรมไม่ใช่เป็นการหลอกประชาชน เป็นความเชื่อ บอกแล้วว่าไม่ได้บังคับให้มาและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา และยังยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ยืนยันไม่ได้ทำอะไรผิดและในเรื่องนี้ก็มีงานวิจัยของ ดร.วิภาณุดา ออกมาแล้ว

ล่าสุด นพ.สมชาย โชติปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี เปิดเผยว่าจากกรณีมีชายหญิงคู่หนึ่ง เปิดแดนธรรมฯรักษาโรคอ้างดึงพลังบุญจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ฯลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ว่าการรักษาโรคกรณีดังกล่าวจะส่งต่อประชาชนที่มารับบริการหรือไม่ เราดูแล้วไม่ใช่สถานประกอบการตาม พ.ร.บ.และไม่พบการใช้ยาต่อจิตประสาท เป็นแค่มานั่งไหว้สวดมนต์เป็นเรื่องของความเชื่อ

ตอนนี้ตนได้รายงานให้ผู้ตรวจและปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ทราบแล้ว เราทำได้แค่เฝ้าระวังเท่านั้น ตอนนี้ได้บูรณาการกันหลายฝ่ายทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผุ้ใหญ่บ้าน จากนี้ไปให้เฝ้าระวังตลอด เผื่อมีเหตุที่ไม่คาดคิดจากการรักษาและจะทำความเข้าใจกับประชาชนที่เข้ามารับการรักษา ตอนนี้ยังไม่พบความเสียหายที่เกิดจากการรักษาแต่อย่างใด.

Amarin TV News
17 พ.ค.67

9
สสจ.บึงกาฬ แจงปมรพ.ขาดแคลนหมอต้องใช้พยาบาลตรวจ-จ่ายยาแทน คาดเดือนมิ.ย.แพทย์พร้อมให้บริการ ล่าสุดยกเลิกคำสั่ง เหลือให้พยาบาลตรวจคัดกรองอย่างเดียว

สืบเนื่องจากประเด็นข่าวของโรงพยาบาลชื่อดัง จังหวัดบึงกาฬ ขาดแคลนแพทย์ โดยเหลือแพทย์เพียง 1 คน ในช่วงระยะเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2567 นั้น

ล่าสุดวันที่ 16 พ.ค.2567 ดร.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า  ได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทาง สสจ.บึงกาฬ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้คือ ปกติรพ.ดังกล่าว มีแพทย์ประจำอยู่ 5 คน ปลายเดือนพ.ค.จะมีแพทย์ลาออก 1 คน ลาศึกษาต่อ 3 คน จึงเหลือแพทย์ประจำ 1 คน

เนื่องจากช่วงเวลาเดือนพ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่แพทย์โยกย้ายไปศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทาง ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ต้องมีการบริหารจัดการ หมุนเวียนแพทย์จากโรงพยาบาลอื่น ในจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดข้างเคียง อาทิ สกลนคร มาให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยในช่วงระยะเวลา 5 วันดังกล่าว

ซึ่งอยู่ในแผนการบริหาร อัตรากำลังของสสจ.บึงกาฬ ที่ได้เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว ในปี67 กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยจัดสรรแพทย์ใช้ทุนจบใหม่ให้เขตสุขภาพที่ 8 ในจำนวนมากที่สุด เป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับทั้ง 12 เขตสุขภาพทั่วประเทศ

คือ จัดสรรแพทย์จำนวน 252 คน เพิ่มขึ้น 74 คน เมื่อเทียบกับปี66 ที่จัดสรรแพทย์มาบรรจุจำนวน 178 คน ทำให้ทุกจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 มีจำนวนแพทย์ใช้ทุนจบใหม่ที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 มิ.ย.67 อย่างเพียงพอ

นอกจากนั้น จังหวัดบึงกาฬยังได้รับการสนับสนุนแพทย์ใช้ทุนปีที่1 เพิ่มเติมจากจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร มาปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลชุมชน ในจังหวัดบึงกาฬทั้ง 7 แห่ง เพิ่มขึ้นเท่าตัว สสจ.บึงกาฬ จึงมีความเชื่อมั่นที่จะสามารถให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ให้ทำหน้าที่ตรวจและสั่งจ่ายยาแทนแพทย์ กรณีผู้ป่วยเรื้อรัง เช่นโรคเบาหวาน ความดัน ก็ให้จ่ายยาเดิมได้ แต่วันนี้ก็ได้ยกเลิกให้พยาบาลทำหน้าที่แทนแพทย์แล้ว และให้ทำหน้าที่คัดกรองผู้ป่วยอย่างเดียว จึงขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการที่รพ.ดังกล่าว ได้มีความเชื่อมั่น และไว้วางใจกับบุคลากรทางการแพทย์เหมือนเดิม

https://www.khaosod.co.th
16 พ.ค.2567

10
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. อัปเดตข่าวดีสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) โดย สปสช. ร่วมกับ สภาเภสัชกรรม อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพื่อลดความแออัดของสถานพยาบาลในการให้บริการและเพิ่มการเข้าถึงบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ภายใต้นวัตกรรมระบบบริการใหม่ที่ชื่อว่า "บริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ"

กรณีผู้มีสิทธิบัตรทองทุกคน เมื่อมีอาการเจ็บ ไข้ ไอ ปวด หรืออาการเจ็บป่วยเล็กน้อยใน 16 กลุ่มอาการต่าง ๆ ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ สามารถเข้ารับยาที่ร้านยาได้ทันทีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงแสดงบัตรประชาชนใบเดียว ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการกับ สปสช.

กรณีเด็กเล็กให้แสดงสำเนาสูติบัตร หรือใบเกิดคู่กับบัตรประชาชนของผู้ปกครองได้

ทั้งนี้ สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ จากสติกเกอร์หน้าร้านที่มีคำว่า "ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย" ที่ติดไว้บริเวณหน้าร้านยาดังกล่าวโดยจะได้รับการดูแลจากเภสัชกร ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่ประจำอยู่ในร้านยาที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั่วประเทศ พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ การจ่ายยา และติดตามอาการหลังรับยา 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมงของการจ่ายยา
หากพบว่า มีอาการรุนแรงขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงก็จะแนะนำให้ไปรักษาที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิของผู้ป่วยเพื่อเข้าสู่การรักษาต่อไป

เจ็บป่วย 16 กลุ่มอาการ มีอะไรบ้าง ?

1.ปวดหัว
2.เวียนหัว
3.ปวดข้อ
4.เจ็บกล้ามเนื้อ
5.ไข้
6.ไอ
7.เจ็บคอ
8.ปวดท้อง
9.ท้องผูก
10.ท้องเสีย
11.ถ่ายปัสสาวะขัด, ปัสสาวะลำบา, ปัสสาวะเจ็บ
12.ตกขาวผิดปกติ
13.อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน
14.บาดแผล
15.ความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตา
16.ความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับหู

ขั้นตอนการเข้ารับบริการ

1.คนไข้ติดต่อไปยัง สปสช. ผ่านสายด่วน จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการรับบริการที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นใกล้บ้าน
2.ดูรายชื่อร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ สปสช. หรือ สังเกตสติกเกอร์ติดหน้าร้านยาภายใต้ชื่อ "ร้านยาคุณภาพของฉัน" ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย

ที่มา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

Thansettakij
16 พค 2567

11
สิงห์อมควันต้องรู้! สถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีที่ไหนบ้าง เปิดโทษทางกฎหมาย สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ

ห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ประกาศออกมาอย่างชัดเจน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562

นอกจาก โรงพยาบาล แล้ว ยังมีสถานที่ไหนอีกบ้างที่เป็นเขต "ห้ามสูบบุหรี่" อมรินทร์ทีวีออนไลน์ ขอรวบรวมไว้เป็นข้อมูลเพื่อป้องกันเหตุ "สูบผิดที่" ซึ่งต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย

จาก ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำาหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานที่ทางาน และยานพาหนะให้ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะ เป็นเขตปลอดบุหรี่ หรือ เขตสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ พ.ศ. 2561 ระบุไว้ว่า

เขตปลอดบุหรี่ 100% รวมทั้งระยะ 5 เมตร จากทางเข้า - ออกของสถานที่

กำหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้เป็น "เขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด" ไม่ว่าจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งระยะ 5 เมตร จากทางเข้า - ออกของสถานที่ ได้แก่
1.1 สถานบริการสาธารณสุขและส่งเสริมสุขภาพ
- คลินิก สหคลินิก โรงพยาบาล รวมถึงสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
- คลินิก โรงพยาบาลสัตว์ รวมถึงสถานพยาบาลสัตว์ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์
- สถานีอนามัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานบริการสุขภาพทุกประเภท

1.2 สถานศึกษา หรือสถานที่เพื่อการเรียนรู้และฝึกอบรม
- สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัย
- สถานศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
- สถานกวดวิชา สถนที่สอยกีฬา ดนตรี ขับร้อง การแสดง ศิลปะป้องกันตัว ศิลปะภาษา และสถานที่ที่ประกอบกิจการในลักษณะเดียวกัน

1.3 สถานที่สาธารณะอื่นๆ
- สถานรับดูแลหรือสงเคราะห์เด็ก ผู้เยาว์ หรือสมาคมมูลนิธิ หรือสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน
- สนามเด็กเล่น หรือสถานที่ให้บริการสำหรับเด็กในลักษณะเดียวกัน

 
เขตปลอดบุหรี่ 100 % ไม่รวม ระยะ 5 เมตร จากทางเข้าออกของสถานที่
- สถานบริการเพื่อสุขภาพ เช่น นวด สปา อบสมุนไพร
- สถานศึกษา หรือสถานที่เพื่อ การเรียนรู้และฝึกอบรม เช่น สถานฝึกอบรม อุทยานการ เรียนรู้ ศูนย์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ สถานที่จัดแสดง ศิลปวัฒนธรรม ห้องสมุดสาธารณะ
- สถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
- สถานที่ออกกาลังกายทั้งในร่ม และกลางแจ้ง
- สถานที่ให้บริการ ร้านค้า และสถานบันเทิง ปั๊มน้ำามัน ฯลฯ
- สถานที่จัดงานเลี้ยง ตลาด ศาสนสถาน สวนสาธารณะ สวนสนุก
- ยานพาหนะ และป้ายรถประจำทาง (ไม่ใช่สถานีขนส่งโดยสาร)

เขตปลอดบุหรี่ 100 % แต่สามารถจัดเขตสูบบุหรี่ได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข คือ
- สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
- สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
- ท่าอากาศยาน

เขตปลอดบุหรี่ ในพื้นที่เฉพาะส่วนที่ระบุ รวมถึงจากประตู หน้าต่าง ทางเข้า-ออก หรือช่องระบายอากาศ เป็นระยะทาง 5 เมตร
- พื้นที่ภายในอาคารและดาดฟ้าอาคาร ห้างสรรพสินค้า สถานที่ทำงานเอกชน โรงงานอุตสาหกรรรม อุทยานประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
- พื้นที่ภายในและดาดฟ้า อาคาร โรงเรือน และบริเวณชานชลา ได้แก่ สถานีขนส่ง ผู้โดยสาร สถานีรถไฟ ท่าเรือโดยสาร
- โถงพักคอย ห้องหรือสถานที่สาหรับใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทางเดินภายในอาคารโรงเรือน อาคารชุด ห้องเช่า โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ
- ร้านอาหารที่ไม่มีระบบปรับอากาศ

บทกำหนดโทษ (มาตรา 67 - 70)
1. ผู้ใดสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
2. ผู้ดําเนินการผู้ใดไม่จัดให้เขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ มีสภาพและลักษณะตามที่กฎหมายกําหนด ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
3. ผู้ดําเนินการผู้ใดไม่จัดให้มีเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ตามลักษณะและวิธีการในการแสดงตามที่กฎหมายกําหนด
ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
4. ผู้ดําเนินการผู้ใดไม่ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน ควบคุมดูแล ห้ามปรามหรือดําเนินการอื่นใด เพื่อไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่
ปรับไม่เกิน 3,000 บาท


Amarin TV News
14พค2567

12
รวม 10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลกในปี 2024 ที่จัดอันดับโดย Banana Boat

ชายหาด คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยวิวทิวทัศน์สีฟ้าครามสุดลูกหูลูกตา พร้อมหาดทรายขาวสุดนุ่มนวล เสียงคลื่นที่เงียบสงบ นอกจากนี้ชายหาดในแต่ละประเทศต่างมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งที่พัก กิจกรรม ความสวยงาม และวิวทิวทัศน์ที่เป็นจุดเด่นที่แตกต่าง

โดยในแต่ละปี จะมีการจัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางหลายพันคนที่เสนอชื่อชายหาดที่พวกเขาชื่นชอบ จากนั้นองค์กรจะจำกัดรายชื่อให้แคบลงด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ความเป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์โดยรอบ กิจกรรม ธรรมชาติ และคำนึงถึงสิ่งต่างๆ องค์รวมโดยรอบ เช่น น้ำนิ่งพอที่จะลงเล่นได้หรือไม่ หรือมีชายหาดอันงดงามที่คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป
โดยการจัดอันดับนี้ได้นำชายหาดที่ดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับขององค์กรต่างๆ มารวบรวมเพื่อจัดอันดับอื่นๆ อีกครั้ง ซึ่งจะมีการจัดอันดับของ TripAdvisor ที่ให้ Praia da Falésia ใน Olhos de Água ประเทศโปรตุเกส เป็นชายหาดที่ดีที่สุดในโลกเมื่อต้นปีนี้ และรวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ หาด Ghajn Tuffieha Bay ของมอลตา ก็ได้รับเลือกให้เป็นชายหาดที่สวยที่สุดในยุโรปโดย European Best Destinations อย่างไม่เป็นทางการ

ทั้งหมดจึงเป็น 10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลกในปี 2024 ที่จัดอันดับโดย Banana Boat

10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024
อันดับที่ 1: อ่าวทรังค์ (Trunk Bay) หมู่เกาะเวอร์จิน ประเทศสหรัฐอเมริกา
อันดับที่ 2 : กาลามาริโอลู (Cala Mariolu) ประเทศอิตาลี
อันดับที่ 3 : อ่าวมีดส์ (Meads Bay) ประเทศแองกวิลลา
อันดับที่ 4 : หาดเอนตาลูลา (Entalula) ประเทศฟิลิปปินส์
อันดับที่ 5 : หาดโวตูมี (Voutoumi) ประเทศกรีซ
อันดับที่ 6 : อ่าวเทอร์ควอยซ์ (Turquoise Bay) ประเทศออสเตรเลีย
อันดับที่ 7: พิงก์บีช (Pink Beach) ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับที่ 8 : อันเซ จอร์จัต (Anse Georgette) ประเทศเซเชลส์
อันดับที่ 9 : กรีนลากูน (Green Lagoon) ประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย
อันดับที่ 10 : เกาะฮอร์สชู (Horse Shoe Island, เกาะเกือกม้า) ประเทศเมียนมา

ข้อมูล : Forbes

Thairath Online
16 พค 2567

13
เกียว​โด​นิวส์​ (15​ พ.ค.)​ ข้อมูลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวบรวมเมื่อวันอังคาร ระบุว่า มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปในญี่ปุ่นประมาณ 68,000 คน​ เสียชีวิตตามลำพังที่บ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ตัวเลขเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม​ มีผู้เสียชีวิต “อย่างโดดเดี่ยว” ทั่วประเทศ 21,716 ราย เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนดังกล่าว หรือ 17,034 ราย มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

หน่วยงานตำรวจคาดว่าจะรวบรวมข้อมูลต่อไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ ในขณะที่ประเทศกำลังต่อสู้กับสังคมสูงอายุอย่างรวดเร็ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับความโดดเดี่ยวทางสังคมและความเหงาในหมู่ผู้คนในญี่ปุ่น รวมถึงการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2566​ ที่ผ่านมา

การตายอย่างโดดเดี่ยวหมายถึงการที่บุคคลหนึ่งเสียชีวิตโดยไม่มีใครเห็น โดยมีช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปก่อนที่จะพบศพ

ข้อมูลระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม​ การเสียชีวิตในบ้านของกลุ่มคนที่อยู่ตามลำพัง รวมถึงกรณีการฆ่าตัวตาย พบว่ากลุ่มผู้ที่มีอายุ 85 ปีขึ้นไป​ มีจำนวนสูงสุดที่ 4,922 คน

ในบรรดาผู้ที่มีอายุ 75 ถึง 79 ปี มีรายงานผู้เสียชีวิต 3,480 ราย ขณะที่ผู้ที่มีอายุ 80 ถึง 84 ปีเสียชีวิตเพียงลำพัง 3,348 ราย ผู้ที่มีอายุระหว่าง 70 ถึง 74 ปี รวม 3,204 ราย รองลงมาคือ 2,080 รายในช่วงอายุ 65 ถึง 69 ปี


15 พ.ค. 2567  ผู้จัดการออนไลน์


14
ครูบาอริยชาติ มอบรถพยาบาลให้ รพ.พร้าว แทนคันที่ประสบอุบัติเหตุ ชนดับ 5 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นสาวท้องแก่ คนแห่โฟกัสทะเบียนป้ายแดง

เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ (14 พ.ค.) ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณ บ้านใหม่แสงแก้ว ม.11 ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย พระภาวนารัตนญาณวิ. (ครูบาอริยชาติ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะ จ.เชียงราย และเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีมอบรถพยาบาลจำนวน 1 คันให้กับโรงพยาบาลพร้าว จังหวัดเชียงราย แทนรถพยาบาลคันเก่าที่ประสบอุบติเหตุถูกรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาดำ ทะเบียน ผห 5347 เชียงใหม่ ที่ฝ่าฝนมาด้วยความไวพุ่งชนระหว่างส่งตัวผู้ป่วยห้องคลอด (น.ส.ภูษณิศา หนึ่งในผู้เสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์) ไปที่ รพ.สันทราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ถึง 5 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย มีนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารรสุขจังหวัดเชียงรายเป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายแพทย์นพดล บุญเฉลย รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพร้าวนำคณะเข้ารับมอบ

นายแพทย์นพดล บุญเฉลย รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพร้าวเผยว่า รถพยาบาลของโรงพยาบาลพร้าวประสบอุบัติเหตุในปี 2567 ถึง 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ม.ค.เมื่อรถพยาบาลไปชนท้ายรถบรรทุกบริเวณ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าว เป็นผลทำให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเสียชีวิต ในขณะที่รถพยาบาลพังเสียหายจนใช้การไม่ได้ ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริการด้านสุขภาพดังนั้นการพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินจึงมีความสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของผู้ป่วยสิ่งสำคัญคือ อุปกรณ์การช่วยชีวิตและยานพาหนะรถพยาบาล

โครงการมอบรับพยาบาลทั่วประเทศจำนวน 108 คัน โดยความเมตตาพระภาวนารัตนญาณวิ. (ครูบาอริยชาติ) ทำให้โรงพยาบาลพร้าวได้รับมอบรถพยาบาลคันใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งมีความทันสมัยและมีอุปกรณ์ครบครันมีมูลค่าคันละประมาณ 2.5 ล้านบาท ช่วยสร้างขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในการส่งต่อผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุผู้ป่วยฉุกเฉินให้เพิ่มประสิทธิภาพและดูแลประชาชนให้ปลอดภัย

สำหรับพิธีการมอบรถพยาบาลคันใหม่ให้กับโรงพยาบาลพร้าวครูบาอริยชาติ ได้ทำการสวดคาถาพร้อมเจิมรถเพื่อความเป็นสิริมงคลและอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปกปักษ์รักษารถพร้อมเคาะป้ายแดง ก-9110 กรุงเทพมหานคร สร้างความฮือฮาให้กับผู้เข้าร่วมพิธีในการนำไปเสี่ยวโชคในงวด 16 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้

Amarin TV News
15 พฤษภาคม 2567

15
โรงพยาบาลดังบึงกาฬ(รพ.พรเจริญ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ) ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเหลือแพทย์คนเดียว หลังหมอลาออก-ไปเรียนต่อ ต้องให้พยาบาลช่วยตรวจสั่งจ่ายยาแทน เร่งขอยืมหมอรพ.ใกล้เคียง

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากมีกรณีดราม่า เพจเฟซบุ๊กโรงพยาบาล โพสต์ประกาศประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ผ่านมา ระบุข้อความว่า ตั้งแต่วันที่ 27-31 พ.ค. 2567 โรงพยาบาลจะมีแพทย์ประจำเหลือ 1 คน และต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน

จึงได้กำหนดให้มีแนวทางแก้ปัญหาการให้บริการดังนี้
1.ประสานยืมแพทย์ช่วยตรวจจากโรงพยาบาลข้างเคียง
2.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, สุขภาพจิต, ไทรอยด์ ที่มีนัดในช่วงดังกล่าว ผู้ป่วยสามารถมารับบริการได้ตามปกติ โดยหากผลตรวจปกติ หรืออาการป่วยคงที่ พยาบาลวิชาชีพจะสั่งยาเดิมให้ (ไม่ต้องพบแพทย์) และจะปรึกษาแพทย์ ในรายที่มีผลเลือดผิดปกติ หรืออาการผิดปกติเท่านั้น
3. ผู้ป่วยคลอดและอุบัติเหตุฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลจึงขอแจ้งให้ผู้รับบริการทราบ และต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ หากการบริการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าปกติ โรงพยาบาลจะให้บริการได้ตามปกติ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.67 เป็นต้นไป

จากเหตุการณ์ดราม่าขาดแคลนแพทย์ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าพบ เพื่อสอบถามปัญหากับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดยได้รับการชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า เนื่องจากมีแพทย์ได้ลาออกช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับแพทย์ที่มีอยู่ก็ไปศึกษาต่อ

ทำให้แพทย์ในโรงพยาบาลที่มีน้อยอยู่แล้วจึงขาดแคลน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการไม่ทั่วถึง จึงได้แก้ปัญหา โดยให้พยาบาลช่วยตรวจ และประสานยืมแพทย์จากโรงพยาบาลข้างเคียงมาช่วย แต่ก็อาจช่วยได้ไม่เต็ม เพราะเรายืมมาเขาก็ขาด เหตุการณ์ก็จะวนอยู่อย่างนี้

อย่างไรก็ตามการขาดแคลนแพทย์ ก็มีหลายโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้โรงพยาบาลจะให้บริการกลับมาปกติช่วงเดือนมิ.ย.67 เป็นต้นไป แต่ก็คงจะยังให้บริการไม่ได้เต็มที่

15 พ.ค.2567
ข่าวสด

หน้า: [1] 2 3 ... 653