1
ข่าวสมาพันธ์ / ผลแบบสอบถาม ความคิดเห็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้าย (extern)-2567
« กระทู้ล่าสุด โดย story เมื่อ 28 พฤษภาคม 2024, 23:19:40 »ผลแบบสอบถาม ความคิดเห็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้าย (extern) ต่อหลักสูตร และชีวิตนักศึกษาแพทย์
สมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ได้สำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้าย ในช่วงก่อนจบการศึกษา คือ ตั้งแต่ 10 ก.พ. 31 มี.ค. 67 จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 142 คน มีผู้ตอบแบบสอบถามที่เข้าเงื่อนไข 138 คน (ไม่เข้าเงื่อนไข คือ ผู้ที่จบจากต่างประเทศ 4 คน)
หมายเหตุ: นักศึกษาที่ร่วมตอบแบบสอบถามบางคนอาจไม่ตอบคำถามทุกข้อ
คำถามที่ 1 ท่านกำลังศึกษาอยู่ในคณะแพทย์หรือศูนย์แพทย์ใด และ วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยใด
คำตอบ ศึกษาอยู่ในคณะแพทย์สังกัดมหาวิทยาลัยภาครัฐ 59 คน, ศูนย์แพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 55 คน และ คณะแพทย์สังกัดมหาวิทยาลัยเอกชน 6 คน
คำถามที่ 2 หลักสูตรแพทย์ที่ท่านศึกษา คือหลักสูตรใด
คำตอบ หลักสูตรหกปี 123 คน หลักสูตรห้าปี 12 คน
คำถามที่ 3 ช่วงเวลาที่ท่านเป็นนักศึกษาแพทย์ ท่านประสบกับปัญหา ความเครียด ความกดดันด้านต่างๆ มากน้อยเพียงใด
คำตอบ ประสบความเครียด มากที่สุด 29 คน (21.0%), มาก 55 คน (39.9%), ปานกลาง 50 คน (36.2%), น้อย 4 คน (2.9%) และ น้อยที่สุด 0 คน
คำถามที่ 4 ปัญหา ความเครียด ความกดดัน ของท่าน เกิดจากสาเหตุใดบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
คำตอบ สาเหตุจากการสอบ 125 คน (90.6%), จากอาจารย์ผู้สอน 87 คน (63.0%), จากการศึกษา การฝึกอบรมที่หนักเกินไป 80 คน (58.0%) , ความกดดันจากนักศึกษาแพทย์รุ่นพี่และแพทย์ประจำบ้าน 48 คน (34.8%), ปัญหาส่วนตัว 48 คน (34.8%), ปัญหาจากเพื่อนนักศึกษา 46 คน (33.3%), ปัญหาครอบครัว 24 คน (17.4%) และ ปัญหาการเงิน 23 คน (16.7%)
คำถามที่ 5 ถ้าท่านมีปัญหาจากการสอบ เกิดจากสาเหตุใดบ้าง
คำตอบ เกิดจากกลัวสอบไม่ผ่าน 109 คน (87.2.%), สอบถี่เกินไป 54 คน (43.2%), ข้อสอบยากเกินไป 52 คน
(41.6%) และ กลัวได้คะแนนสอบน้อยกว่าเพื่อนนักศึกษา 33 คน (26.4%)
คำถามที่ 6 ท่านเห็นว่าความรู้วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ (pure science) ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา จำเป็นต่อการศึกษาแพทยศาสตร์หรือไม่
คำตอบ เห็นว่าความรู้วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ จำเป็น 79 คน (57.2%) ไม่จำเป็น 59 คน (42.8%) ในกลุ่มที่ตอบว่าจำเป็น เห็นว่าจำเป็นโดยมีเงื่อนไข ได้แก่ แคลคูลัสไม่มีความจำเป็น จำเป็นเฉพาะชีววิทยา ไม่จำเป็นต้องเรียนลึกซึ้งเหมือนคณะวิทยาศาสตร์
คำถามที่ 7 ท่านเห็นว่าระบบการเรียนการสอนแพทย์ควรใช้ระบบใด เป็นระบบหลัก ระหว่าง Integrated curriculum (เรียนรู้แต่ละอวัยวะหรือระบบหรือหัวข้อทางคลินิก เช่น ปอด ระบบการหายใจ อาการหอบ โดยนักศึกษาจะเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐานและความรู้ทางคลินิกที่เกี่ยวข้องนำมาบูรณาการกัน ไม่
ศึกษาแยกเป็นรายวิชา) Problem base learning (ศึกษาจากผู้ป่วยหรือปัญหา ค้นคว้าทั้งความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและทางคลินิคด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยอาจารย์เป็นผู้ให้คำแนะนำ) และTraditional lecture (อาจารย์แพทย์เป็นผู้สอนทั้งความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic science) เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา ชีวเคมี และความรู้ทางคลินิก)
คำตอบ เห็นว่าระบบการเรียนการสอนแพทย์ควรใช้ระบบหลัก คือ Integrated curriculum 62 คน (45.9%),
Problem base learning 37 คน (27.4%), Traditional lecture 36 คน (26.7%) อื่นๆ ได้แก่ ควรผสมผสานกัน
คำถามที่ 8 ท่านคิดว่าความรู้ด้านทฤษฎีของท่าน เพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพแพทย์เมื่อจบการศึกษาหรือไม่
คำตอบ เพียงพอ 85 คน (61.6%) และ ไม่เพียงพอ 53 คน (38.4%)
คำถามที่ 9 ท่านคิดว่าทักษะในการทำหัตถการของท่าน เพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพแพทย์เมื่อจบการศึกษาหรือไม่
คำตอบ เพียงพอ 77 คน (55.8%) และไม่เพียงพอ 61 คน (44.2%), หัตถการที่ไม่เพียงพอ ได้แก่ intercostal drainage, endotracheal intubation, normal labor
นักศึกษาที่คิดว่ามีทั้งความรู้ด้านทฤษฎี และ ทักษะในการทำหัตถการเพียงพอ จำนวน 59 คน (42.8%)
คำถามที่ 10 ท่านเห็นว่าการฝึกหัตถการจากหุ่นทดลอง มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการฝึกจากผู้ป่วยจริงหรือไม่
คำตอบ ไม่เทียบเท่า 121 คน (87.7%) เทียบเท่า 17 คน (12.3%)
คำถามที่ 11 ท่านเห็นว่าการฝึกงานในฐานะแพทย์ Intern จะช่วยเพิ่มทักษะ ความรู้ ความชำนาญ ในการประกอบวิชาชีพให้กับท่านหรือไม่
คำตอบ เห็นว่าช่วยเพิ่มทักษะ ความรู้ ความชำนาญ 134 คน (97.1%) ไม่ช่วย 4 คน (2.9%)
คำถามที่ 12 ความเห็นเพิ่มเติมต่อคำถามข้างต้น และต่อหลักสูตรแพทยศาสตร์ และชีวิตนักศึกษาแพทย์
คำตอบ ความเห็นเพิ่มเติม ได้แก่ ข้อดีของคณะแพทย์ คือ ความรู้ด้านวิชาการทันสมัย ภาระงานไม่หนักจนเกินไป อาจารย์มีหน้าที่สอนโดยตรงไม่ถูกรบกวนด้วยงานตรวจรักษา ข้อดีของศูนย์แพทย์ คือ ได้ฝึกฝนหัตถการอย่างเพียงพอ ได้เจอผู้ป่วยหลากหลายโรคและอาการ
อื่นๆ เช่น นักศึกษาฝึกอบรมหนักจนเกินไป ควรลดชั่วโมงการอยู่เวรถ้าอยู่เวรทั้งคืนควรได้หยุดในวันต่อไป ควรมีวันหยุดบ้างอย่างน้อย 1 วันต่อ 1-2 สัปดาห์ (โดยไม่ต้องไปราวน์วอร์ด)
สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ
28 พฤษาคม
สมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ได้สำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้าย ในช่วงก่อนจบการศึกษา คือ ตั้งแต่ 10 ก.พ. 31 มี.ค. 67 จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 142 คน มีผู้ตอบแบบสอบถามที่เข้าเงื่อนไข 138 คน (ไม่เข้าเงื่อนไข คือ ผู้ที่จบจากต่างประเทศ 4 คน)
หมายเหตุ: นักศึกษาที่ร่วมตอบแบบสอบถามบางคนอาจไม่ตอบคำถามทุกข้อ
คำถามที่ 1 ท่านกำลังศึกษาอยู่ในคณะแพทย์หรือศูนย์แพทย์ใด และ วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยใด
คำตอบ ศึกษาอยู่ในคณะแพทย์สังกัดมหาวิทยาลัยภาครัฐ 59 คน, ศูนย์แพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 55 คน และ คณะแพทย์สังกัดมหาวิทยาลัยเอกชน 6 คน
คำถามที่ 2 หลักสูตรแพทย์ที่ท่านศึกษา คือหลักสูตรใด
คำตอบ หลักสูตรหกปี 123 คน หลักสูตรห้าปี 12 คน
คำถามที่ 3 ช่วงเวลาที่ท่านเป็นนักศึกษาแพทย์ ท่านประสบกับปัญหา ความเครียด ความกดดันด้านต่างๆ มากน้อยเพียงใด
คำตอบ ประสบความเครียด มากที่สุด 29 คน (21.0%), มาก 55 คน (39.9%), ปานกลาง 50 คน (36.2%), น้อย 4 คน (2.9%) และ น้อยที่สุด 0 คน
คำถามที่ 4 ปัญหา ความเครียด ความกดดัน ของท่าน เกิดจากสาเหตุใดบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
คำตอบ สาเหตุจากการสอบ 125 คน (90.6%), จากอาจารย์ผู้สอน 87 คน (63.0%), จากการศึกษา การฝึกอบรมที่หนักเกินไป 80 คน (58.0%) , ความกดดันจากนักศึกษาแพทย์รุ่นพี่และแพทย์ประจำบ้าน 48 คน (34.8%), ปัญหาส่วนตัว 48 คน (34.8%), ปัญหาจากเพื่อนนักศึกษา 46 คน (33.3%), ปัญหาครอบครัว 24 คน (17.4%) และ ปัญหาการเงิน 23 คน (16.7%)
คำถามที่ 5 ถ้าท่านมีปัญหาจากการสอบ เกิดจากสาเหตุใดบ้าง
คำตอบ เกิดจากกลัวสอบไม่ผ่าน 109 คน (87.2.%), สอบถี่เกินไป 54 คน (43.2%), ข้อสอบยากเกินไป 52 คน
(41.6%) และ กลัวได้คะแนนสอบน้อยกว่าเพื่อนนักศึกษา 33 คน (26.4%)
คำถามที่ 6 ท่านเห็นว่าความรู้วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ (pure science) ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา จำเป็นต่อการศึกษาแพทยศาสตร์หรือไม่
คำตอบ เห็นว่าความรู้วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ จำเป็น 79 คน (57.2%) ไม่จำเป็น 59 คน (42.8%) ในกลุ่มที่ตอบว่าจำเป็น เห็นว่าจำเป็นโดยมีเงื่อนไข ได้แก่ แคลคูลัสไม่มีความจำเป็น จำเป็นเฉพาะชีววิทยา ไม่จำเป็นต้องเรียนลึกซึ้งเหมือนคณะวิทยาศาสตร์
คำถามที่ 7 ท่านเห็นว่าระบบการเรียนการสอนแพทย์ควรใช้ระบบใด เป็นระบบหลัก ระหว่าง Integrated curriculum (เรียนรู้แต่ละอวัยวะหรือระบบหรือหัวข้อทางคลินิก เช่น ปอด ระบบการหายใจ อาการหอบ โดยนักศึกษาจะเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐานและความรู้ทางคลินิกที่เกี่ยวข้องนำมาบูรณาการกัน ไม่
ศึกษาแยกเป็นรายวิชา) Problem base learning (ศึกษาจากผู้ป่วยหรือปัญหา ค้นคว้าทั้งความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและทางคลินิคด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยอาจารย์เป็นผู้ให้คำแนะนำ) และTraditional lecture (อาจารย์แพทย์เป็นผู้สอนทั้งความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน (basic science) เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา ชีวเคมี และความรู้ทางคลินิก)
คำตอบ เห็นว่าระบบการเรียนการสอนแพทย์ควรใช้ระบบหลัก คือ Integrated curriculum 62 คน (45.9%),
Problem base learning 37 คน (27.4%), Traditional lecture 36 คน (26.7%) อื่นๆ ได้แก่ ควรผสมผสานกัน
คำถามที่ 8 ท่านคิดว่าความรู้ด้านทฤษฎีของท่าน เพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพแพทย์เมื่อจบการศึกษาหรือไม่
คำตอบ เพียงพอ 85 คน (61.6%) และ ไม่เพียงพอ 53 คน (38.4%)
คำถามที่ 9 ท่านคิดว่าทักษะในการทำหัตถการของท่าน เพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพแพทย์เมื่อจบการศึกษาหรือไม่
คำตอบ เพียงพอ 77 คน (55.8%) และไม่เพียงพอ 61 คน (44.2%), หัตถการที่ไม่เพียงพอ ได้แก่ intercostal drainage, endotracheal intubation, normal labor
นักศึกษาที่คิดว่ามีทั้งความรู้ด้านทฤษฎี และ ทักษะในการทำหัตถการเพียงพอ จำนวน 59 คน (42.8%)
คำถามที่ 10 ท่านเห็นว่าการฝึกหัตถการจากหุ่นทดลอง มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการฝึกจากผู้ป่วยจริงหรือไม่
คำตอบ ไม่เทียบเท่า 121 คน (87.7%) เทียบเท่า 17 คน (12.3%)
คำถามที่ 11 ท่านเห็นว่าการฝึกงานในฐานะแพทย์ Intern จะช่วยเพิ่มทักษะ ความรู้ ความชำนาญ ในการประกอบวิชาชีพให้กับท่านหรือไม่
คำตอบ เห็นว่าช่วยเพิ่มทักษะ ความรู้ ความชำนาญ 134 คน (97.1%) ไม่ช่วย 4 คน (2.9%)
คำถามที่ 12 ความเห็นเพิ่มเติมต่อคำถามข้างต้น และต่อหลักสูตรแพทยศาสตร์ และชีวิตนักศึกษาแพทย์
คำตอบ ความเห็นเพิ่มเติม ได้แก่ ข้อดีของคณะแพทย์ คือ ความรู้ด้านวิชาการทันสมัย ภาระงานไม่หนักจนเกินไป อาจารย์มีหน้าที่สอนโดยตรงไม่ถูกรบกวนด้วยงานตรวจรักษา ข้อดีของศูนย์แพทย์ คือ ได้ฝึกฝนหัตถการอย่างเพียงพอ ได้เจอผู้ป่วยหลากหลายโรคและอาการ
อื่นๆ เช่น นักศึกษาฝึกอบรมหนักจนเกินไป ควรลดชั่วโมงการอยู่เวรถ้าอยู่เวรทั้งคืนควรได้หยุดในวันต่อไป ควรมีวันหยุดบ้างอย่างน้อย 1 วันต่อ 1-2 สัปดาห์ (โดยไม่ต้องไปราวน์วอร์ด)
สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ
28 พฤษาคม