2
« เมื่อ: 21 มีนาคม 2013, 00:09:48 »
นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของปัญหา ที่เกิดจากการนำเอา หลักการ p4p มาใช้ โดยไม่คำนึง ถึงวิธีพิจารณาเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทน โดยอ้างอิงจากค่าเหนื่อยค่าวิชา ค่าความเสี่ยงทั้งหลาย ซึ่งมันทำให้เกิดได้ถ้า ฝ่ายนโยบายจริงใจ แต่กลับจะเอามาเป็นเครื่องควบคุมค่าใช้จ่ายงบประมาณ และ สร้างความแตกแยกระหว่างผู้ปฏิบัติงานเพราะดันบอกว่าให้คิดเกณฑ์กันเอง(แผนลวงให้แตกแยกชัดๆ ถ้าไม่กินหญ้าแทนข้าวคงดูออกว่าคนคิดทำเรืองนี้ ถ้าไม่โง่โดยสุจริต ก็เลวระยำบัดซบ@#$) การนำเอาเรื่องจ่ายตามปริมาณงานมาพูด เพื่อให้ดูดี คนไหนต่อต้านคัดค้าน ก็ดูเป็นคนเลว ใช่ไม๊ เป็นเหตุให้ สมาพันธ์ต้อง ยอมรับมาทำ และกำหนดวันเร่ิมใช้ โดยไม่มีเกณ์การคิดที่เป็นมาตรฐาน ไม่มีการทักท้วง ระเบียบว่าอย่างนั้นทำอย่างกะ ระเบียบเขียนใหม่ไม่ได้ รือนี่ก็เป็นกลยุทธของสมาพันธ์ ที่รอให้เหตุการณ์ เร่ิมสุกงอม คนเร่ิมแตกแยก แล้วค่อยรวมกันอีกทีที่กระทรวงเหมือนเมื่อ ครั้ง ฉ.6 ฉ.7 หรือ ไม่รู้ว่า เกณฑ์ค่าเหนื่อยและเสี่ยง เค้าคิดยังไง ผมไม่คิดนะครับว่า สมาพันธ์จะไม่รู้ ว่าเกณฑ์ที่คนทุกฝ่ายยอมรับได้คืออะไร