เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีได้ปรากฏวิดีโอสั้น หรือคลิปไปตามสื่อสาธารณะหรือโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะไลน์ โดยเป็นภาพภายในห้องทำงานของแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งตั้งอยู่พื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน จ.เชียงราย ภายในเป็นโต๊ะทำงานและพลาสติกป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 และพบหญิง 1 คน ซึ่งผู้ที่ถ่ายคลิปและบุคคลอื่นที่อยู่ใกล้กัน ต่างระบุว่าเป็นแพทย์หญิงคนหนึ่ง โดยเธอกำลังนั่งบนเก้าอี้โดยที่ใช้และจ้องอยู่ที่โทรศัพท์มือถืออยู่เกือบตลอดเวลา
ขณะที่ผู้ที่ถ่ายคลิปและคนอื่นที่ไปด้วยได้เดินเข้าไปในห้องเพื่อพยายามสอบถามไปยังเข้าใจกันว่าเป็นแพทย์หญิงว่าเหตุใดจึงพูดคุยกับผู้ป่วยเช่นนั้น ส่วนแพทย์หญิงคนดังกล่าวได้บอกให้ผู้ที่ถ่ายคลิปออกจากห้องไปแต่ไม่เป็นผล จากนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้นโดยชาวบ้านที่เข้าไปพยายามสอบถามว่าเหตุใดไม่ให้บริการส่วนแพทย์หญิงตอบกลับว่าไม่ใช่ผู้ให้บริการ แต่เป็นผู้บริบาลและหากอยากถ่ายคลิปก็ถ่ายไป กระนั้นพบว่าเบื้องหลังที่นั่งของแพทย์หญิงมีป้ายข้อความใหญ่ว่า ห้ามถ่ายภาพ บันทึกเสียง ก่อนได้รับอนุญาต ด้วย
จากนั้นทางผู้ถ่ายคลิปและชาวบ้านพยายามต่อว่าแพทย์หญิงว่าเป็นผู้มีรายได้จากรัฐบาล และเมื่อญาติของตนป่วยก็ได้พาไปโรงพยาบาลจึงขอให้แพทย์มีจรรยาบรรณด้วย โดยญาติของตนควรได้รับการรักษาไม่ใช่ไปถึงแล้วกลับโดนด่าและคนที่ไปรักษาก็เป็นคนไทยและใช้สิทธิด้วยการจ่ายเงินโดยไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองด้วย จากนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันโดยคนถ่ายคลิปถามว่า เต็มใจทำงานหรือเปล่า? ก็ถูกอีกฝ่ายตอบว่า ไม่ ทำให้ฝ่ายที่ถ่ายคลิปตะโกนต่อว่า ไม่เต็มใจทำงานแล้วอยู่ทำไม จรรยาบรรณมีแค่นี้หรือไม่ จนเกิดเป็นการทะเลาะวิวาทกันด้วยวาจาขึ้นรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตอนหนึ่งผู้ที่ไปกับคนถ่ายคลิปถามว่า หากเป็นญาติคุณไปรักษาคุณจะทำอย่างไร ซึ่งผู้ที่เข้าใจกันว่าเป็นแพทย์หญิงตอบกลับว่า ฉันก็จะทำอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าญาติของฉันโง่อย่างนี้ จากนั้นการทะเลาะก็ยิ่งรุนแรงขึ้นถึงชั้นสรรพนามว่า มึง และ กู กันด้วย
ในช่วงท้ายของคลิปได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้าไปไกล่เกลี่ยซึ่งผู้ที่ถ่ายคลิปก็ฟ้องกลับว่าแฟนของตนและคนไข้ถูกด่าว่า ซึ่งทาง รปภ.ก็ขอให้ทุกคนได้ใจเย็นๆ ไว้ แต่ก็ยังเกิดการต่อว่าแพทย์หญิงคนดังกล่าวอีก เช่น มีหน้าที่เป็นแพทย์เรียนสูงกว่าคนอื่นไม่ควรด่าว่าคนอื่นว่าโง่ สงสัยว่าเหตุใดจึงด่าว่าคนไข้โง่ โง่อย่างไร คนไข้โง่ตรงไหน ฯลฯ โดยผู้ถ่ายคลิประบุว่าตนมีเงินมากพอที่จะไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแต่เนื่องจากแฟนของตนมีอาการป่วนฉุกเฉินและใกล้บ้านจึงต้องมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งนอกจากอาการเจ็บป่วยยังต้องมาถูกด่าจนทำให้ทนไม่ไหว กระนั้นผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นแพทยหญิงยังคงใช้โทรศัพท์มือถือและไม่ตอบกลับในช่วงท้ายก่อนที่คลิปจะจบลง ทั้งนี้ หลังจากคลิปเผยแพร่ไปผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่าคลิปดังกล่าวถูกถ่ายโดยนายวีรวุฒิ ยาสมุททร์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านห้วยเกี๋ยง หมู่ 8 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยนายวีรวุฒิเล่าว่า เหตุการณ์ได้เกิดเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งน้องสะใภ้ซึ่งท้องประมาณ 3 เดือนแต่เกิดอาการแพ้ท้องอย่างหนักมีการอาเจียนออกมาเป็นเลือด จะไปโรงพยาบาลเอกชนที่ทำประกันอยู่ก็ปิด ที่เปิดอยู่ก็อยู่ไกลถึงตัวเมือง ตนเห็นอาการไม่ค่อยจะดีจึงแวะโรงพยาบาลที่เกิดเหตุเพื่อเช็กดูอาการก่อนว่าต้องรักษาเลย หรือสามารถส่งตัวต่อไปรักษายังโรงพยาบาลที่ทำประกันไว้ได้
นายวีรวุฒิกล่าวว่า พอไปถึง ก็ทำบัตรผู้ป่วยปกติ แพทย์พยาบาลก็ทักทายก่อนมีการนำตัวน้องสะใภ้ไปยังห้องฉุกเฉิน ทั้งแพทย์และพยาบาลก็ให้ญาติออกรอด้านนอก พวกตนจึงแจ้งว่าหากจะรักษายังไงหรือให้ยาอะไรช่วยแจ้งญาติด้วยเพราะผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ จากนั้นแพทย์ก็จะมีการฉีดยาแก้อาเจียนให้ แต่ทางน้องสะใภ้ขอไม่ฉีด เพราะเคยฉีดมาแล้วหายใจไม่ออกเพราะเป็นโรคหัวใจ ขอให้น้ำเกลือและนอนดูอาการก่อนได้ไหม จากนั้นแพทย์ก็ฉุนเฉียวขึ้นมาต่อว่าจะนอนโรงพยาบาลให้ได้ไช่ไหม ป่วยแค่นี้ กลับเรื่องมาก
ทางน้องสะใภ้จึงเรียกตนและญาติเข้าไปเพื่อจะขอไปรักษาที่ รพ.อื่น ตนจึงถามว่าทำไม เขาบอกว่าถูกหมอด่า ตนจึงถามว่าใครด่า ก่อนที่หมอคนดังกล่าวจะบอกว่าเป็นตนเอง แล้วบอกว่าทำไมเหรอ จะดราม่าควีนเหรอ ตนจึงถามว่าทำไมคุยกับลูกค้าแบบนี้ก็เกิดการโต้เถียงกันตามคลิปดังกล่าว ซึ่งตนนั้นงงกับพฤติกรรมของผู้เป็นแพทย์ว่าเป็นแบบนี้ได้อย่างไร จึงนำคลิปมาโพสต์ในกลุ่มข่าวเชียงแสน เพื่อเตือนไม่ให้มีการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ไม่คาดหวังให้มารับผิดชอบอะไร และอยากให้ รพ.มีการปรับเพราะทุกฝ่ายบริการดีหมดยกเว้นแพทย์คนนี้คนเดียว
ล่าสุดทีมข่าวได้ตรวจสอบพบว่าโรงพยาบาลที่เกิดเหตุเป็นโรงพยาบาลเชียงแสน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย จึงติดต่อนายสุขชัย เธียรเศวตตระกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงแสน ซึ่งพร้อมจะให้ข้อมูลแต่ไม่อนุญาตให้มีการเก็บภาพหรือทำการบันทึกเสียงใดๆ โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลยอมรับว่า แพทย์หญิงคนในคลิปเป็นแพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลเชียงแสนจริง โดยเป็นแพทย์หญิงทั่วไป ไม่ได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะโรงพยาบาลขนาดเล็ก ซึ่งปกติแพทย์คนนี้เป็นคนจิตอาสา มีงานบริการที่ไหนก็จะอาสาไปและปกติก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่เป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน บางครั้งก็เป็นลักษณะนี้ จนเคยเกิดกรณีคล้ายกันนี้ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ซึ่งทาง รพ.มีการทำทัณฑ์บน และพิจารณาขั้นตักเตือนและออกหนังสือเตือนอยู่ตลอด แต่พฤติกรรมก็ยังแก้ไม่หาย
ครั้งนี้จึงหารือกับคณะกรรมการโรงพยาบาลทบทวนข้อเท็จจริงพฤติกรรมของแพทย์ ถึงความไม่เหมาะสม จึงมีคำสั่งให้พักงานแพทย์หญิงคนนี้ไว้ก่อนเป็น 5 วัน เพื่อให้ไตร่ตรองพฤติกรรมของตนเอง ซึ่งเบื้องต้นทางแพทย์คนดังกล่าวก็รู้ตัวว่ากระทำผิด อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ไขระยะยาวจะมีการเสนอเรื่องไปทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ สสจ. พิจารณาว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีคนป่วยทราบว่าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนอยู่ ซึ่งทางโรงพยาบาลและทางฝ่ายบริหารจะประสานเพื่อทำการขอโทษต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
มติชน
4พย2565