กรมควบคุมโรคคาดผู้ป่วยจากภาวะอากาศร้อนไม่ต่ำกว่า 100 ราย เชื่อตัวเลขน่าจะทุบสถิติเมื่อเทียบกับหลายปีก่อนเหนือ-อีสานอ่วม ร้อนหนักกว่าภาคอื่นเพราะอยู่ห่างทะเล เผยไทยร้อนเฉลี่ยกลางวัน 40 องศาเซลเซียส กลางคืน 38 องศาเซียลเซียส
นพ.สมเกียรติ์ ศิริรัตนพฤกษ์ ผอ.สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการรายงานผู้ป่วยที่เกิดจากภาวะอากาศร้อนเข้ามาเป็นรายๆ ยังไม่ได้สรุปตัวเลขเป็นภาพรวมทั้งหมด รวมไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยที่เข้ามายังรพ.ด้วยผลกระทบอากาศร้อนจะมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบางครั้งแพทย์ผู้ให้การรักษาก็สรุปเป็นสาเหตุอื่นแต่ทั้งนี้ ผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนที่เกิดขึ้นมีทั้งเกิดอาการผื่นคันจากภาวะต่อมเหงื่ออักเสบการเป็นตะคริว โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ออกกำลังกายและผู้ที่อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะร่างกายสูญเสียน้ำ การเป็นลมเนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน ส่งผลต่อเส้นเลือด และเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีรายงานการเสียชีวิตที่ชัดเจนคือที่จังหวัดลำปาง และกรณีพระสงฆ์ที่ลงไปแช่น้ำเพื่อคลายความร้อน แต่เกิดเป็นตะคริวทำให้เสียชีวิต
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอ อย่างผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ ถุงลมโป่งพอง เมื่อเจอกับสภาพอากาศร้อนจึงทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและส่งผลต่อร่างกายได้
นพ.สมเกียรติกล่าวอีกว่า บ้านเราขณะนี้ยังเป็นการรายงานผู้ป่วยเกิดจากภาวะอากาศร้อนชัดเจน เฉลี่ยปี 2552-2553 อยู่ที่ 100 ราย ส่วนปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 100 ราย สำหรับในปี 2555 นี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวม แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่าร้อยราย ส่วนกรณีการเสียชีวิตจากโรคฮีสโตรกจริงๆ ยังไม่มีการรายงานภาพรวมที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากสภาพอากาศร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่เกิดจากภาวะอากาศร้อนมีมากขึ้น ซึ่งทางกรมควบคุมโรคมีการจัดทำระบบเพื่อรวบรวมตัวเลขผู้ป่วยอย่างเป็นระบบต่อไป
"สถานการณ์อากาศร้อนในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนได้แล้ว เนื่องจากนิยามคลื่นความร้อนจะต้องมีอุณหภูมิกลางวันที่ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป ขณะที่กลางคืนอยู่ในระดับอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ซึ่งขณะนี้บ้านเราก็มีอุณหภูมิอยู่ในระดับนี้แล้ว โดยพื้นที่ซึ่งเป็นปัญหาจะอยู่ที่ภาคเหนือและอีสาน อย่างที่ จ.ตาก ลำปาง มุกดาหาร เป็นต้น ขณะที่ภาคกลางและภาคใต้จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าเนื่องจากอยู่ใกล้ทะเลทำให้มีอากาศระบาย นอกจากนี้พื้นที่เสี่ยงยังมีพื้นที่ในเขตเมือง โดยเฉพาะใน กทม. ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นคนจน ที่พักอาศัยที่ทำงานไม่มีแอร์หรือที่ระบายอากาศได้ดี"
ส่วนหลักการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชนในช่วงมีสภาพอากาศร้อนจัด นพ.สมเกียรติแนะนำว่า
1.ไม่เพิ่มความร้อนให้ร่างกาย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ ที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งในกลุ่มเกษตรกรหรือผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งควรหยุดพัก ไม่ควรทำงานกลางแดดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
2.ระบายความร้อนในร่างกาย อย่างเช่น การเปิดพัดลม แอร์ เลือกใส่เสื้อผ้าเบาสบาย สีอ่อน ไม่ดูดซับความร้อน
3.พยายามดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปอย่างน้อย12 แก้วต่อวัน และหากเป็นไปได้ควรดื่มน้ำที่มีเกลือแร่ผสม และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรงเพิ่มขึ้น และ
4.ในกลุ่ม เสี่ยง อย่างผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดัน และผู้ป่วยที่ต้องกินยาขับปัสสาวะควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ หากเกิดภาวะหน้ามือ วิงเวียนศีรษะควรไปพบแพทย์ทันที.
ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555