แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - seeat

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 32
61


ตลอดระยะประวัติศาสตร์ยุคใกล้อเมริกาสร้างความเจ็บปวดและขมขื่นให้กับประเทศเล็กประเทศน้อยมาเสมอ วิลเลียม บลูม อดีตข้าราชการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ลาออกจากราชการด้วยความไม่เห็นด้วยในนโยบายการเมืองของรัฐบาลกล่าวว่า สหรัฐฯได้แทรกแซงประเทศต่างๆมาแล้วมากกว่า 25 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี กรีซ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ แอลเบเนีย เยอรมนี อิหร่าน กัวเตมาลา ซีเรีย จอร์แดน เลบานอน อินโดนีเซีย กายาน่า เวียดนาม กัมพูชา ซาอีร์ บราซิล สาธารณรัฐโดมินิกัน คิวบา ชีลี นิการากัว เกรนาดา ลิเบีย ปานามา อัฟกานิสถาน เอลซาวาดอ เฮติ ฯลฯ ระยะอันใกล้สหรัฐฯยังเข้าไปยุ่มย่ามทั้งในอียิปต์ ยูเครน และกำลังยุ่มย่ามเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย

ทีนี้ลองมาดูมิติทางสังคมและสุขภาพบ้าง วิถีชีวิตแบบเสพกินและบริโภคนิยมของอเมริกันก่อให้เกิดความฟุ้งเฟ้อ หนี้สินครัวเรือนและหนี้สินประชาชาติเพิ่มทวีขึ้น ญี่ปุ่นหลังแพ้สงครามถูกทำให้เป็นแบบอเมริกัน(Americanization) ผลวิจัยของนักวิจัยชื่อคากาว่า ติดตามแนวโน้มการกินอาหารของคนญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปจากปีค.ศ.1950 ถึง 1975 พบว่าคนญี่ปุ่นดื่มนมวัวเพิ่มขึ้น 15 เท่าตัว และกินเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 7.8 เท่าตัว ผลก็คือผู้หญิงญี่ปุ่นป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น 300%

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาส่งเสริมการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและต้องการตัดคู่แข่งคือน้ำมันมะพร้าวจากประเทศเอเชียแปซิฟิก บริษัทน้ำมันถั่วเหลืองยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯได้ว่าจ้างนักวิจัยชื่ออาร์เรนส์ เอาน้ำมันมะพร้าวทำฮัยโดรจีเนตให้ผิดธรรมชาติ กลายเป็นน้ำมันอิ่มตัวไปทั้งหมดเป็นน้ำมันทรานส์(trans fat) แล้วนำไปเลี้ยงหนูทดลองจนเกิดอาการของโรคหัวใจหลอดเลือด จากนั้นเอาไปป้อนให้ชนเผ่าบันตูในแอฟริกา โดยให้กินน้ำมันชนิดนี้คนละ 100 กรัมต่อวัน(1/2 ถ้วย) ก็พบว่าทำให้คอเลสเตอรอลสูงและหลอดเลือดแข็งตัวกันถ้วนทั่ว ชนเผ่านี้น่าจะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ถูกป้อนน้ำมันทรานส์ จนไขมันเลือดสูงและเส้นเลือดอุดตันจากการวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมดังกล่าว จากนั้นบริษัทน้ำมันถั่วเหลืองของสหรัฐฯก็ประโคมข่าวว่าน้ำมันมะพร้าวก่อให้เกิดโรคหัวใจหลอดเลือด แล้วผลักดันน้ำมันถั่วเหลืองเข้าสู่ตลาดโลก ความกลัวน้ำมันมะพร้าวยังแฝงฝังอยู่ในความเชื่อของผู้คนตราบเท่าทุกวันนี้

เพื่อครอบครองตลาดโลกทางด้านเกษตรกรรม บริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งของสหรัฐฯผู้ผลิตพืชจีเอ็มโอ(GMOs)พยายามเผยแพร่พันธุ์พืชดังกล่าวไปทั่วโลก ประเทศไหนยังต่อต้านก็ได้ดำเนินการลักลอบหรือร่วมมืออย่างลับๆกับข้าราชการของประเทศนั้นแอบปลูกพืชจีเอ็มโอสอดแทรกเข้าไป ทั้งๆที่ละเมิดกฎหมายของประเทศเหล่านั้น จนพืชพันธุ์พื้นเมืองของหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย กำลังประสบปัญหาการปนเปื้อนจากพืชจีเอ็นโอ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพแก่ประชากรของแต่ละประเทศในระยะยาว

สหรัฐฯคือเจ้าแห่งกิจการค้ายาในขอบเขตทั่วโลก บริษัทค้ายายักษ์ใหญ่ได้ใช้เล่ห์เพทุบายหลายประการส่งเสริมการบริโภคยาโดยขาดความจำเป็นในหลายๆกรณี เริ่มต้นจากบริษัทเมอร์คผู้ค้ายาลดไขมันสแตตินตั้งแต่ค.ศ.1987 ต่อมาก็ยาลิปิเตอร์ของไฟเซอร์ซึ่งเป็นบรรษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยอดขายยานี้ราว 2 แสนล้านดอลล่าห์ต่อปี กลเม็ดของการเพิ่มยอดขายของยาลดไขมันอยู่ที่การกำหนด “ค่าปกติของคอเสเตอรรอล” ซึ่งจะกำหนดโดยคณะกรรมการชุดหนึ่งด้านการใช้ยาในสหรัฐฯ

หลายคนคงจำได้ว่าเมื่อก่อนนี้ระดับคอเลสเตอรอลที่ปกติอยู่ที่ 250 มก./ดล. แต่ต่อมาด้วยการ “ทำใต้โต๊ะ” ของบริษัทยาที่ให้กับคณะกรรมการดังกล่าว จึงมีการกำหนดค่านิยามใหม่เมื่อปีค.ศ.2001 ไว้ที่ 200 มก./ดล. ผลก็คือคนทั่วโลกที่มีระดับคอเลสเตอรอลในระหว่าง 200-250 มก./ดล. เมื่อวันก่อนยังเป็นคนสุขภาพปกติ ก็กลายเป็นผู้ป่วยด้วยโรคไขมันเลือดสูงภายในชั่วข้ามคืนเดียว ยาลดไขมันจึงกลายเป็นยาที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ปัจจุบันความจริงก็ปรากฏขึ้น บริษัทเมิร์ค/เชอริงเพลายอมรับว่า ยาซีเทีย((Zetia) ของบริษัทตนเองซึ่งขายดีติดอันดับหนึ่งไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ผู้ที่กินยาดังกล่าวจะลดโอกาสเกิดโรคหัวใจได้แต่อย่างใด แท้จริงการใช้ยาลดไขมันก็เป็น “วิทยาศาสตร์จอมปลอมที่ก่อกระแสการต่อต้านคอเลสเตอรอล(the bad science that create cholesterol con)” เท่านั้นเอง แต่พวกเขาก็ยังคงกวาดเงินจากคนทั่วโลกโดยแพทย์ส่วนใหญ่รวมทั้งผู้ป่วยอีกจำนวนมหาศาลก็ยังไม่ทราบความจริงข้อนี้

นอกจากยาลดไขมันจะไม่เกิดประโยชน์ในการลดโรคหัวใจแล้วยังเกิดโทษอีกหลายประการ ที่สำคัญคือยาลดไขมันมีกลไกอยู่ที่การเพิ่มปุ่มรับ(receptor) บนเซลล์ตับให้จับคอเลสเตอรอลเข้าสู่ตับให้มากขึ้น ดังนั้นไขมันในเลือดจึงเพียงแต่ถูกย้ายที่จากในเลือดให้ไปสะสมอยู่ในตับ ซึ่งเท่ากับการกลบเกลื่อนปัญหาเหมือนกวาดขยะไปซุกไว้ใต้พรม ด้วยเหตุนี้การกินยาลดไขมันไปนานๆจึงเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับ ตับอักเสบและตับแข็ง นี่คือ “อุบายขายโรค” ที่กระทำโดยบริษัทขายยาของสหรัฐอเมริกาโดยมีคนไทยและคนทั่วโลกตกเป็นเหยื่อ

ในด้านอาหารการกิน สหรัฐฯคือต้นแบบของอาหาร “แดกด่วน” น้ำอัดลมคือแบบอย่างของเครื่องดื่มทำลายสุขภาพ นอกจากความหวานแล้วยังอุดมด้วยฟอสฟอรัสเพื่อรักษาความเป็นฟองฟู่ประกายในขวด เมื่อกินฟอสฟอรัสเข้าไปมากร่างกายต้องใช้แคลเซียมจากกระดูกให้ละลายออกมาจับกันเป็นแคลเซียมฟอสเฟตเพื่อขับทิ้งทางปัสสาวะ น้ำอัดลมจึงเป็นเหตุของโรคกระดูกพรุน ในอีกด้านหนึ่งอลูมิเนียมที่ใช้เคลือบกระป๋องน้ำอัดลมคือที่มาของสารโลหะหนัก เป็นเหตุหนึ่งของโรคไขมันเลือดสูง แถมเสี่ยงต่ออัลไซเมอร์

ฟาสต์ฟูดแบบอเมริกันคือสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน ไขมันเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง รวมทั้งมะเร็งด้วย สาเหตุเพราะฟาสต์ฟู้ดเป็นอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน และยังมีปัญหาน้ำมันทอดซ้ำเกิดอนุมูลอิสระ บริษัทฟาสต์ฟู้ดอเมริกันในประเทศคือตัวการหนึ่งที่ทำให้น้ำมันทอดซ้ำกระจายออกไปสู่ปากท้องของประชาชนไทย เรื่องมีอยู่ว่าสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของไทยได้ค้นพบวิธีทำไบโอดีเซล ผู้อำนวยการสถาบันดังกล่าวจึงไปติดต่อขอซื้อน้ำมันที่เหลือจากการทอดไก่ทอดและเฟรนช์ไฟรด์จากบริษัทฟาสต์ฟู้ด 2 บริษัทใหญ่ที่อยู่ตามศูนย์การค้า เพื่อนำมาใช้ทำไบโอดีเซล แทนที่จะทิ้งไปเปล่าๆ จากนี้เองจึงได้พบความจริงว่า พวกเขาไม่ได้ทิ้งน้ำมันใช้แล้วเหล่านั้นอันอุดมด้วยอนุมูลอิสระไปเลย แต่แอบขายไปให้แม่ค้าตลาดล่างที่ทำอาหารประเภททอดๆทั้งหลาย และอีกส่วนหนึ่งขายต่อไปให้กับโรงงานทำก๋วยเตี๋ยว กลับมาสู่ปากท้องของผู้บริโภคอีกครั้งหนึ่ง เรื่องของน้ำมันทอดซ้ำนี้ถ้าเป็นประเทศในยุโรปจะมีกฎหมายห้ามนำกลับมาใช้ในห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ ดังนั้นบริษัทไก่ทอดและแฮมเบอร์เกอร์ของอเมริกันที่เข้าไปในยุโรปจะไม่สามารถขายน้ำมันทอดซ้ำไปให้แก่ผู้บริโภคได้ แต่ในประเทศไทยอาศัยที่เราไม่มีกฎหมายควบคุม บริษัทอเมริกันเหล่านี้จึงเอาเปรียบคนไทยขายน้ำมันทอดซ้ำให้กลับสู่ปากท้องของคนไทยอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้ว่าน้ำมันทอดซ้ำก่อให้เกิดโรคหลายอย่างรวมทั้งมะเร็งด้วย

เหล่านี้คือความเลวร้ายและเอารัดเอาเปรียบของสหรัฐฯและบริษัทสัญชาติอเมริกันที่กระทำต่อประชาชนประเทศต่างๆ รวมทั้งประชาชนคนไทยด้วย ถึงเวลาหรือยังที่คนไทยควรจะทำประการใดประการหนึ่งเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐอเมริกา?

นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล

62
ภาระงานของแพทย์ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดมีขนาดมหึมา เช่น โรงพยาบาลขนาด 350 เตียง แห่งหนึ่ง มีอายุรแพทย์ (หมอรักษาทางยา) 7 คน ใน 1 วัน ต้องดูคนไข้ในเฉลี่ย 48 ราย คนไข้นอกอย่างน้อย ชั่วโมงละ 40 คน โรงพยาบาลระดับศูนย์ ซึ่งรับส่งต่อผู้ป่วยจากจังหวัดใกล้เคียงด้วยขนาด 1,500 เตียง จำต้องเพิ่มเป็น 2,300 ห้องไอซียู 50 เตียง ล้น คนไข้อาการหนักที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจต้องอยู่หอผู้ป่วยธรรมดา ซึ่งไม่ธรรมดา เพราะอาการหนักทั้งหมด มีอาการแทรกซ้อน และไม่ได้มีอาการของระบบหรืออวัยวะเดียว มีทั้งหัวใจ ไต ปอด ติดเชื้อ ในคนไข้คนเดียว วัณโรคปอดมีจำนวนที่ดื้อยาปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ หมอทำงานเริ่มจากดูคนไข้ในไอซียู ในหอผู้ป่วย ออกตรวจคนไข้โอพีดี กำลังตรวจ ถูกไอซียูตามไปช่วยคนไข้ช็อก ปั๊มหัวใจ กลับมาโอพีดี ถูกคนไข้ตำหนิ หมอไปไหน มารอเป็นชั่วโมง ได้ตรวจ 2-3 นาที

ความจริงเหล่านี้ ต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจ ทำไมรอนาน เกิดอะไรขึ้น?  และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งผู้บริหารมักจะดูคนไข้ไม่เป็นแล้ว หรือทำทางสายบริหารมาตั้งแต่จบแพทย์ แต่วาดฝันตามระบบ อุดมคติ ดึงดันให้ยกระดับมาตรฐานทัดเทียมระดับโลกในพริบตา ต้องรักษาอัมพฤกษ์ เส้นเลือดตีบในสมองด้วยยาละลายลิ่มเลือดได้ ซึ่งต้องมีทีมพร้อม คอมพิวเตอร์สมอง และให้การรักษาได้ใน 3-4 ชั่วโมงครึ่ง และต้องมีหมอผ่าตัดสมอง ซึ่งอาจจำเป็นถ้าการให้ยาละลายลิ่มเลือดเกิดภาวะแทรกซ้อน ตกเลือดต้องผ่าตัด โดยหมอผ่าสมองก็หายาก และงานล้นมือ แค่อุบัติเหตุก็อ่วมแล้ว

นอกจากนั้น การรักษายังอาจต้องมีทีมตรวจ บำบัดเส้นเลือดตันในสมองด้วยการสอดใส่สายด้วย และการยกระดับยังมีการขยายการฉีดยาละลายเส้นเลือดหัวใจตัน ลงไปถึงโรงพยาบาลอำเภอ หมอแต่ละคน "หนาว" ขนาดไหน ถ้าจะถึงฝั่งฝันด้วยงานขนาดนี้ ความเชี่ยวชาญสูงตามกำหนด และต้องติดตามความรู้วิทยาการตลอดเวลา งานต้องเสร็จภายในเวลามาตรฐาน พลาดไม่ได้ เงินเดือน 1 ล้านบาท/เดือน มั้ง และยังมีให้ถูกตรวจสอบอีก โดยต้องเตรียมเอกสารอีกเป็นตั้ง มีรายงานต้องส่งเพื่อขอเบิกงบประมาณ


ทางโรงเรียนแพทย์ก็น่าต้องเปลี่ยนวิธีการสอน

การราวนด์ (Round) คือ การเยี่ยมคนไข้ตามเตียงโดยมีนักเรียน หมออบรมเฉพาะทางตามเป็นกลุ่ม โดยต้องตัดเยิ่นเย้อ ยืดเยื้อ ถกปัญหาเป็นคุ้งเป็นแคว พุ่งประเด็น เข้าเป้า ในเวลาอันสั้น มุ่งตัวคนไข้เป็นหลัก ให้รอด หายเร็ว ไม่พิการ และต้องให้คนไข้ทราบว่าตัวเองเป็นโรคอะไรกันแน่ หมอมายืนแน่นขนัด ถกเถียงเสร็จเดินไปแล้ว ตรวจคนไข้นอก ถ้าซักประวัติแบบคนไข้ใน ไม่เสร็จหรอกครับ ไม่งั้น แพทย์ฝึกหัดที่เรียกว่า extern/intern นาทีที่ออกไปเผชิญโลก ต้องปรับตัวอีกมหาศาล อีกทั้งความคาดหวังสูง โดยที่ความรู้ยังไม่มาก ประสบการณ์ก็ไม่มี และถ้าเมืองไทยไม่ลุย การป้องกันโรค ให้เป็นรูปธรรมกว่านี้ รับรองไม่รอดครับ

100% คนไข้ตาย หมอไม่รอด หมอก็จะถูกด่ามากขึ้น โดนฟ้องมากขึ้น คนอยากเป็นหมอจะหดลง หรือที่ละทิ้งอาชีพกลางคันจะสูงขึ้น จำนวนหมอที่เหลือจะน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนที่เก่ง มีความสามารถสูง ก็จะหันเหไปหาชีวิตที่สบายกว่า ค่าตอบแทนสูงและเสี่ยงน้อยกว่า

ไม่ใช่ระบบไม่ดี คนไทยมีโอกาสได้รับการรักษามากขึ้นเท่าเทียมกัน แต่ต้องปรับตัวเข้ากับสภาพความเป็นจริง ห้ามใช้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็นตัวประกัน เป็นเครื่องมือในการหาเสียง ผลักคนดีออกนอกระบบ คนไทยต้องรับรู้สภาพความเป็นจริง ใส่ใจป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโรค อยากเห็นภาพหมอกับคนไข้แบบเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว เอื้อเฟื้อกัน เข้าใจกัน

เราทำให้สังคมไทยเป็นอย่างนั้นได้ไม่ใช่หรือครับ!


คอลัมน์ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ 
 โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2557

63
 การประกาศผลรางวัล “World's Best Condoms Awards” จากเวปไซด์ชื่อดัง condomdepot.com ที่ได้จัดต่อเนื่องมาจนถึงครั้งที่ 13 ในปี 2014 ด้วยวิวัฒนาการของโลกที่ก้าวล้ำนำหน้าไปเรื่อยๆ ได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการผลิตถุงยางอนามัย ให้เป็นที่พึงพอใจกับผู้ใช้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นถุงยางอนามัยแบบบางเฉียบเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย หรือจะเป็นวิวัฒนาการใหม่ของถุงยางอนามัยในสระว่ายน้ำ ซึ่งในตลาดของถุงยางอนามัยเอง ขอบอกได้เลยว่ามีมากมายหลายยี่ห้อมาให้คุณๆ ได้เลือกสรรความหรรษากันได้อย่างเต็มที่ ไปดูกันว่าในปีนี้ 2014 มีถุงยางอนามัยยี่ห้อไหน รุ่นอะไร ให้เราได้ติดตาม ทดลองใช้กันบ้าง
       
1. Crown Skinless Skin Condoms
       ***13th in row***

       อันดับหนึ่งของถุงยางอนามัยที่ดีที่สุดครั้งที่ 13 ได้แก่... “Crown Skinless Skin Condoms” ถุงยางอนามัยสัญชาติญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ Okamoto Crow ที่หลายๆ คนคงจะคุ้นชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะ Crown Skinless Skin Condoms ติดอันดับ 1 ใน 10 ของถุงยางที่ดีที่สุดในโลกมาตลอดระยะเวลาหลายปี ถ้าไม่เจ๋งจริงคงอยู่ไม่ได้ถึงวันนี้ ทั้งยังเป็นถุงยางอนามัยที่ได้รับความนิยมจากหนังผู้ใหญ่วัย 18+ ที่มักจะเรียกใช้บริการของ Crown Skin อยู่เป็นประจำ การันตีจากหนุ่มๆ ทั่วโลกแล้วว่า “Crown Skinless Skin Condoms” เป็นถุงยางอนามัยเนื้อบางเบา ที่ใส่แล้วให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แถมยังเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
       
       ลักษณะ : ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ ที่บางเบาที่สุดทำให้คุณรู้สึกเหมือนไม่ได้สวมถุงยางอยู่เลย
       เธอคิด : ด้วยความบางเฉียบของ Crown Skinless Skin ทำให้เธอรู้สึกใกล้ชิดกับคู่รักมากขึ้น และไม่มีกลิ่นเหม็นของยาง มาทำลายเซ็กซ์ของพวกเขาได้
       เขาคิด : ความรู้สึกที่ดูเหมือนว่าไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยเลย จะมีอะไรที่ดีกว่านี้อีกหละ!!!
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A+) เขา (A+)
       ความบาง : 0.047 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด A+
       
2. Durex Extra Sensitive Condoms
       ***9 time winner***

       มาถึงอันดับ 2 ก็คงไม่พ้นถุงยางอนามัยที่บ้านเรารู้จักกันเป็นอย่างดี “Durex Extra Sensitive Condoms” ด้วยผลโหวตจากผู้ใช้จริง ครองแชมป์เป็นอันดับหนึ่งถึง 9 ครั้ง จากการจัดอันดับทั้งหมด 13 ครั้ง เริ่มติดอันดับถุงยางอนามัยที่ดีที่สุดในโลกเมื่อปี 2005 ด้วยคุณสมบัติเด่นที่หนุ่มคนไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ “Extra Sensitive” ถุงยางอนามัยผิวเรียบที่บางที่สุดของ “Durex” ไวต่อการสัมผัสให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นธรรมชาติ ผลิตจากยางธรรมชาติ เคลือบสารหล่อลื่น พร้อมขยายขนาดส่วนปลายเพื่อความสะดวกสบาย ไม่อึดอัด
       
       ลักษณะ : ถุงยางอนามัยจากยางธรรมชาติที่บางที่สุดของดูเร็กซ์
       เธอคิด : บอกไม่ได้เลยว่าเขากำลังใส่ถุงยางอนามัยอยู่ 2 นิ้วหัวแม่มือ กับอีก 2 หัวแม่เท้า ต้องยกให้เลย!!!
       เขาคิด : มันเยี่ยมมาก!!! เพราะพวกเรามักจะไม่ชอบใช้ถุงยางอนามัย แต่ Durex Extra ทำให้เราลืมข้อนี้ไปเลย ใส่หรือไม่ใส่ความรู้สึกไม่ต่างกันเลย
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A) เขา (A+)
       ความบาง : 0.05 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (A+)
       
3. Beyond Seven Condoms
       ***9 time winner***

       อันดับ 3 ที่เคยครองตำแหน่งชนะเลิศมาแล้วถึง 9 ครั้ง อย่าง "Beyond Seven" ถุงยางอนามัยสัญชาติญี่ปุ่นอีกเช่นเคย ด้วยความก้าวล้ำทันสมัยของเทคโนโลยีทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สามารถผลิตถุงยางอนามัยรุ่นบางเฉียบ ออกมามากมายหลายตัว เพื่อครองตำแหน่งขวัญใจของมวลมหาประชาชายทั่วโลก ความบางที่ได้รับการขนานนามว่า “Sheerlon” แต่กลับแข็งแรงทนทาน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เปถุงยางอนามัยผิวเรียบ เคลือบสารหล่อลื่น เป็นถุงยางอนามัยที่บางกว่าของถุงยางอนามัยทั่วไป บางถึง 0.05 มม. (ถุงยางอนามัยปกติ บาง 0.07 มม.) เพื่อสัมผัสในความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นธรรมชาติ
       
       ลักษณะ : ทำจากยางที่บางที่สุดเรียกว่า “Sheerlon” บางเฉียบแต่แข็งแรงทนทานกว่าถุงยางอนามัยยี่ห้ออื่นๆ
       เธอคิด : มันบางมากๆ เลย
       เขาคิด : ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตถุงยางอนามัยได้ดีมาก บางที่สุด และแข็งแรงที่สุด นอกจากนั้นยังขยายส่วนปลายให้กว้างขึ้นอีกด้วย
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A-) เขา (A-)
       ความบาง : 0.05 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (A+)
       
4. Kimono Micro Thin
       ***4 time winner***

       กิโมโน ไมโคร ทิน อีกหนึ่งถุงยางอนามัยจากแดนปลาดิบที่ครองใจชายทั่วโลก ที่บางเฉียบเพิ่มสัมผัสรักให้คุณได้อย่างถึงใจแล้ว การเสียดสีก็มีผลทำให้เซ็กซ์ของคุณไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ ถุงยางยิ่งบางมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียงต่อการฉีดขาดมากขึ้นเท่านั้น แต่นั่นไม่เกิดกับ “กิโมโน ไมโคร ทิน” อย่างแน่นอน ความบาง มาพร้อมกับแข็งแรงทนทาน บวกกับสารหล่อลื่น ทำให้ กิโมโน เคยคว้าตำแหน่งแชมป์ถึงยางอนามัยที่ดีที่สุดในโลกถึง 4 ครั้งด้วยกัน
       
       ลักษณะ : ผลิตจากยางธรรมชาติ เคลือบด้วยสารหล่อลื่น Aqua Lube ที่มีน้ำเป็นประกอบ บางเฉียบเพิ่มสัมผัสรักให้คุณได้มากกว่าถุงยางอนามัยธรรมดาทั่วไป
       เธอคิด : "คุณกำลังสวมใส่ถุงยางอนามัยจริงเหรอ?"
       เขาคิด : "ผมสวมถุงยางอนามัยจริงเหรอ?"
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A) เขา (A)
       ความบาง : 0.05 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (A+)
       
5.Iron Grip Condoms
       ***1 time winner***

       เดอะวินเนอร์เจ้าแรก ของการจัดอันดับถุงยางอนามัยที่ดีที่สุดในโลก “Iron Grip Condoms” ที่ได้รับการชื่นชมสูงสุดจากผู้ใช้ ว่าเป็นถุงยางอนามัยที่ค่อนข้างฟิตพอดีเจ้าโลก ทำให้ไม่ลื่นง่าย จนได้รับการขนานนามว่าเป็นถุงยางที่มีขนาดเล็กที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยวัดขนาดได้ 46 มิลลิเตร ซึ่งหลายๆ คนเชื่อมันว่ายิ่งฟิตก็ยิ่งปลอดภัยจากการเลื่อนหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
       
        The Iron Grip snugger fit condoms เป็นถุงยางอนามัยที่ผลิตมาเพื่อ “Iron men” ผู้ที่ต้องการให้ถุงยางอนามัยฟิต แนบสนิท เหมือนผิวหนังชั้นที่สอง มาพร้อมกับความบางสบายเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แถมด้วยความแข็งแรงทนทานทุกท่วงท่า แม้ในคืนที่ยาวนาน
       
       ลักษณะ : ผลิตจากยางธรรมชาติ ผิวนุ่มพร้อมเคลือบสารหล่อลื่น "Snugger Fitting” ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับชายที่มีองคชาตขนาดค่อนข้างเรียวเล็ก
       เธอคิด : ฉันไม่เคยต้องกังวลเรื่องถุงยางอนามัยลื่นหลุดอีกเลย ต้องขอบคุณ Iron Grip Condoms!!!
       เขาคิด : สุดท้ายแล้ว...ถุงยางอนามัยที่ค่อนข้างฟิต จะเหมาะกับฉันกว่าถุงยางอนามัยทั่วไปตามท้องตลาด
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (B) เขา (B+)
       ความบาง : 0.07 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (B)
       
6. Impulse Bare Pleasure Condoms
       ***6 time winner***

       ถุงยางที่เต็มไปด้วยความหรรษา แบบผิวไม่เรียบ ขรุขระ มีปุ่ม จะมาช่วยปรุงรสรักของคุณให้แซ่บขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับคู่รักได้เป็นอย่างดี พร้อมกับสารหล่อลื่น ที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ ไม่มีกลิ่นของน้ำยางมาคอยรบกวนให้เสียอารมณ์
       
       ลักษณะ : ผิวขรุขระสร้างความพึงพอใจให้กับเธอ, ขนาดมาตรฐานสากล
       เธอคิด : ด้วยพื้นผิวที่ไม่เรียบ มันสร้างความสุขให้กับฉันอย่างน่าอัศจรรย์
       เขาคิด : ถ้ายิ่งใช้สารหล่อลื่นเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจะช่วยเพิ่มความสุขให้กับเธอมากขึ้นอีกด้วย
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A-) เขา (A-)
       สัมผัส : ผิวขรุขระ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (A)
       
7. Trustex Extra Large
       ***4 time winner***

       เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคุณผู้ชายที่มีต้นทุนมาดี...ถุงยางอนามัยขนาดใหญ่ ทั้งกว้างและยาว ที่เพิ่มสัมผัสความเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณเบื่อที่จะสวมถุงยางอนามัยที่มีขนาดใหญ่และให้ความรู้สึกเหมือนเสื้อกันฝนแล้วหละก็ เราของแนะนำ “Trustex Extra Large” ที่มีขนาดใหญ่จริง แต่ไม่ละทิ้งความรู้สึกของคุณ
       
       ลักษณะ : เป็นแบรนด์สำหรับผู้ชายไซส์ใหญ่ ด้วยคุณสมบัติกว้าง ใหญ่ ยาว แต่สัมผัสเหมือนไม่ใส่อะไรเลย
       เธอคิด : “เขาดูมีความสุขมาก”
       เขาคิด : “มันเยี่ยมมาก!!! บางเฉียบให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (B+) เขา (A)
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (B+)
       
8.LifeStyles KYNG Ribbed
       ***3 time winner***

       "อุต๊ะ นี่มันหลอดไฟเรืองแสงชัดๆ” คำอุทานเมื่อคุณได้เห็น LifeStyles KYNG Ribbed ครั้งแรกเพราะด้วยดีไซด์ที่ออกแบบมาให้มีช่วงหัวที่ใหญ่ (Headroom) หรือเรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาถุงยางอนามัยทั่วไปก็ว่าได้ ด้วยขนาดที่กว้างและยาวในช่วงปลาย จะช่วยเพิ่มพื้นที่ทำให้สวมใส่สบายมากยิ่งขึ้น แถมยังบางเฉียบอีกต่างหาก และไม่เพียงเท่านั้น ด้วยลักษณะของส่วนปลายที่ใหญ่นี่เอง สามารถสร้างความหฤหรรษ์ให้กับสาวๆ ของคุณได้เป็นอย่างดี
       
       ลักษณะ : รูปทรงที่ถูกออกแบบมาให้เหมือนหลอดไฟ จะช่วยเพิ่มความสุขให้กับคุณและคู่รักได้เป็นอย่างดี
       เธอคิด : เขาชอบมันมาก และนั่นเองทำให้พวกเรามีความสุข
       เขาคิด : ช่วยปลายอวัยวะเพศชายของผมมีพื้นที่ในการหายใจมากขึ้น และความบางเฉียบของมันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขจนบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A-) เขา (A)
       สัมผัส : ผิวขรุขระ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (B+)
       
9. Beyond Seven Studded Condoms
       ***6 time winner***

       Japanese Beyond Seven Studded ถุงยางอนามัยผิวไม่เรียบ บางเฉียบเป็นพิเศษ ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะเป็นปุ่ม เพื่อเพิ่มสัมผัส พร้อมกับความตื่นเต้นเร้าใจให้กับสาวของคุณ ผลิตจากน้ำยางขั้นสูงที่เรียกว่า “Sheerlon” ซุปเปอร์บาง กว่าถุงยางธรรมดาทั่วไป มีสารหล่อลื่นเคลือบ แม้จะบางพิเศษแต่ก็ไม่ทิ้งความแข็งแรงทนทาน ด้วยความบางเฉียบที่ทำให้คุณและเธอรับรู้ถึงความร้อนและการเสียดสีที่เกิดขึ้นระหว่างกิจกรรมรัก
       
       ลักษณะ : ถุงยางสีฟ้าอ่อน พร้อมด้วยปุ่มดอทถึง 46 แถว ซึ่งมีถึง 1350 จุด ทั่วผิวของถึงยางอนามัย ผลิตจากน้ำยางอย่างดี จึงทำให้ได้ผิวที่บาง แต่แข็งแรง
       เธอคิด : ขนาดของปุ่มเหล่านี้กำลังพอดี เพิ่มความรู้สึกแต่ไม่ทำให้เจ็บปวด ความบางเฉียบทำให้รับรู้ถึงสัมผัสได้มากขึ้น
       เขาคิด : ไม่ได้ชอบแต่รักเลย...!!!
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (B+) เขา (A-)
       ความบาง : 0.05 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวขรุขระ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (A+)
       
10. LifeStyles THYN
       ***2nd time winner***

       ถุงยางอนามัยที่มีโครงสร้างค่อนข้างสมบูรณ์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพิ่มสัมผัสและไวต่อความรู้สึกทั้งผู้หญิงและผู้ชาย LifeStyles THYN มีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่า Crown และ Beyond Seven เล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนบวกในเรื่องของลักษณะ
       
       ลักษณะ : ไม่ได้บางกว่า Crown และ Beyond Seven แต่อย่างใด แต่ได้เปรียบในเรื่องความกว้าง ใหญ่ และยาว
       เธอคิด : อืม...คือเขาสวมถุงยางอนามัยหรือเปล่านะ?
       เขาคิด : มันยากที่จะบอกความแตกต่างระหว่างใส่กับไม่ใส่ บางครั้งตัวเองยังสับสน
       คะแนนเฉลี่ย : เธอ (A-) เขา (A-)
       ความบาง : 0.05 มิลลิเมตร
       สัมผัส : ผิวเรียบ, เพิ่มสัมผัสได้มากที่สุด (A+)
       
       แปลและเรียบเรียงจาก : www.condomdepot.com

โดย Marsmag    28 มีนาคม 2557

64
เจ้าหน้าที่ จ.อุดรธานี รวบตัว อสม.หนุ่มใหญ่ แอบเปิดคลินิกเถื่อน ฉีดยาผสมสารสเตียรอยด์รักษาชาวบ้าน ยึดของกลาง พร้อมตั้ง 2 ข้อหาหนัก...


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มี.ค.57 พ.ต.ท.สุชัย นันแก้ว สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี นายมะโนตร์ นาคะวัจนะ และ นางณัฏฐวี รักชัย เภสัชชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายธวัชชัย บุญทศ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 188 หมู่ 6 บ้านถ่อนนาเพลิน ต.นาทราย อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี พร้อมของกลางยาซึ่งอยู่ในการควบคุมของแพทย์ อุปกรณ์การแพทย์ และเครื่องมือแพทย์ จำนวน 65 รายการ โดยกล่าวหา ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต (ม.16 ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พศ. 2541) และ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยตนมิได้เป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ (ตาม ม.26 พ.ร.บ.วิชาชีพเวชการรม พศ. 2525)

นายมะโนตร์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า นายธวัชชัย ได้เปิดบ้านเป็นคลินิกรักษาคนไข้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวบ้านที่ป่วยจากการปวดเมื่อยเรื้อรัง จึงประสานตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี วางแผนจับกุม โดยให้ตำรวจปลอมตัวเป็นผู้ป่วยไปให้นายธวัชชัยรักษา และจับกุมพร้อมของกลาง

สอบสวนนายธวัชชัย ให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพทำไร่อ้อย และเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ตั้งแต่ปี 2521 ถึงปัจจุบัน และนับถือภูติผีเทวดา ซึ่งจะบอกตนเสมอว่าให้ช่วยรักษาเพื่อนมนุษย์ให้หายป่วย ตนทราบว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย แต่ไม่อยากขัดคำสั่งเทวดา จึงอาศัยความชำนาญที่ทำงานเป็น อสม. และศึกษาตัวยาด้วยตัวเอง นำมารักษาผู้ป่วยตั้งแต่ ปี 2553 ซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวบ้าน มาขอให้ตนรักษาให้ โดยจะซื้ออุปรณ์การแพทย์ เครื่องมือแพทย์ และยาทั้งหมดมาจากร้านขายยาในตัวเมือง จ.อุดรธานี มาฉีดรักษาผู้ป่วย และเก็บค่ารักษาไม่เกิน 120 บาท ต่อครั้ง เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น ชาวบ้านได้เล่าจากปากต่อปากจนโด่งดังกลายเป็นหมอเทวดา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ยาทั้งหมดผสมสารสเตียรอยด์โดยเฉพาะยาผสมเดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) เป็นตัวยาในกลุ่มสเตียรอยด์ จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ควบคุมด้วยแพทย์ หากจะใช้แพทย์ต้องเป็นผู้สั่ง สรรพคุณรักษาอาการอักเสบ แก้ปวด แต่หากใช้มากจะทำให้เกิดอาการไตวายเฉียบพลัน และกดภูมิคุ้มกัน เมื่อนำมาฉีดให้ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเมื่อย จะทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่หากใช้นานๆจะเกิดอันตรายถึงชีวิต.

ไทยรัฐออนไลน์
7มีค2557

65
ภัยแล้งกระทบท่องเที่ยวเกาะพีพี ผู้ประกอบการเริ่มสั่งซื้อน้ำจากภูเก็ต แม้ราคาจะปรับสูงขึ้น เพื่อนำมาเข้าระบบโรงน้ำ ผลิตน้ำดื่มและน้ำแข็ง โดยขนมาทางเรือบาส...

เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายพันคำ กิตติธรกุล นายก อบต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ กล่าวว่า ภายหลังจากฝนทิ้งช่วงนานเกือบ 3 เดือน ที่เกาะพีพี หมู่ 7 บ้านเกาะพีพี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กระบี่ ก็เริ่มประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งผู้ประกอบการที่ให้บริการน้ำกินน้ำใช้ และวางระบบประปา เริ่มซื้อน้ำจากฝั่ง จ.ภูเก็ต ขนมาทางเรือบาสครั้งละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร หรือ 2 พันตัน แม้ราคาจะปรับสูงขึ้นอยู่ที่ 250 บาทต่อลูกบาศก์เมตร จากนั้นนำมาเข้าระบบโรงน้ำ เพื่อผลิตน้ำดื่มและน้ำแข็ง ไว้บริการประชาชนภายในเกาะ

นายพันคำ กล่าวอีกว่า ประชาชนในเกาะพีพี ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว ก็ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากภัยแล้งในครั้งนี้มาเร็ว และเริ่มกินเวลานาน สำหรับเกาะพีพี ที่หมู่ 7 มีประชากรในทะเบียนราษฎร ประมาณกว่า 1 พันคน แต่มีประชากรแฝงที่เข้าไปประกอบอาชีพธุรกิจมากกว่า 5 พันคน รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในแต่ละวันในช่วงนี้ไม่ต่ำกว่า 2 พันคน ทำให้การใช้น้ำด้านการท่องเที่ยว มีความต้องการสูง.

ไทยรัฐออนไลน์
7มีค2557

66
จากกระแสความแรงของภาพยนตร์จีนแนวอินดี้ เรื่อง "Lost in Thailand" ซึ่งสร้างสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเรื่องใหม่ของจีน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำที่ จ.เชียงใหม่ โดยใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนสถานที่ศึกษาหลายแห่งในจังหวัด ในการถ่ายทำตลอดทั้งเรื่อง จนกลายเป็น "ลอสต์อินไทยแลนด์" ฟีเวอร์ของประชาชนชาวจีน

ส่งผลให้บริษัททัวร์ต่างๆ ในจีน มีประชาชนจองทริปแห่มาท่องเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ กันอย่างล้นหลาม ทำให้ธุรกิจในตัวเมืองเชียงใหม่เฟื่องฟูขึ้นราวกับดอกเห็ด ทั้งธุรกิจโรงแรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยวต่างๆรวมถึงแม่ค้าขายลูกชิ้นข้างถนน

แต่ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวจากแดนมังกรบางกลุ่ม ค่อนข้างมีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตประจำวันแบบ "China only" ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มมักมีพฤติกรรมชอบส่งเสียงดัง เข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วไม่ราดน้ำ ทำให้แขกไม่ได้รับเชิญโผล่ออกมาร่วมทุกงาน ในทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวจีนปล่อยบัตรเชิญ ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนเข้าห้องน้ำคนต่อไปเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังพบการขับขี่รถแบบไลฟ์สไตล์จีน ที่ค่อนข้างขับแบบเด็กแว้นแถว มช.ยังต้องชิดซ้าย เพราะขับกินเลน แซงทุกโค้ง จอกรถไม่เป็นระเบียบ อยากจะจอดที่ไหนก็เบรกกะทันหัน และการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจประชาชนชาวเชียงใหม่มากที่สุด คือ มีนักท่องเที่ยวจีนถอดกางเกงแล้วนั่งปลดทุกข์ในน้ำคูเมือง ใกล้ๆ ย่านประตูเชียงใหม่ โดยไม่แคร์สายตาคนที่ผ่านไปมาในบริเวณดังกล่าว เพราะน้ำในคูเมืองนั้นไว้ใช้เล่นสาดน้ำในประเพณีสงกรานต์ของทุกปี ซึ่งการกระทำต่างๆ ของนักท่องเที่ยวจีน ถูกบันทึกภาพได้จำนวนมาก จนเป็นกระแสในโลกออนไลน์

จากกระแสในโลกออนไลน์ ที่แชร์กันไปอย่างรวดเร็ว จนมีกลุ่มชาวเชียงใหม่กลุ่มหนึ่ง ตั้งกลุ่มบนเฟซบุุ๊กขึ้นมา ใช้ชื่อว่า "ต่อต้านนักท่องเที่ยวจีน" พร้อมนำภาพและคลิปพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีน มาแชร์และวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ถึงพฤติกรรมความไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวจีนบางคน มาตีแผ่ให้สังคมได้รับทราบ และมีบางคนไม่เห็นด้วยที่มีนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่ม เข้ามาทำลายวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวเชียงใหม่ ที่มีมายาวนานกว่า 700 ปี
การใช้ชีวิตประจำวันแบบวัฒนธรรมชาวจีน จะมีแนวทางการปรับปรุงและแก้ไขอย่างไร ทาง "ไทยรัฐออนไลน์" จึงขอรับหน้ากระบอกเสียงการแก้ไข โดยนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ บอกว่า เรื่องนี้เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการประสานร่วมกับ ททท.ในพื้นที่ สำนักงานในประเทศจีน ให้ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจ และแนะนำข้อควรปฏิบัติในการเดินทางออกนอกประเทศ

พร้อมกันนั้น ยังได้ทำหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เพื่อแนะนำนักท่องเที่ยวจีน ที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ให้รู้จักประเพณีวัฒนธรรม ที่มีการสืบทอดมาอย่างยาวนาน รวมทั้งการเคารพสถานที่ โบราณสถานต่างๆ พร้อมจัดล่ามแปลภาษาจีน บริการแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย


เมื่อมีนักท่องเที่ยวตบเท้าย่างกรายเข้ามาประเทศเรามากเท่าไร รายได้ทางเศรษฐกิจของประเทศก็ย่อมงอกเงยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ใช้ต้นทุนสูง อย่างธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต หรือธุรกิจที่ใช้ต้นทุนต่ำ อย่างขายลูกชิ้นข้างถนน ที่แน่ๆ เงินไหลเข้าประเทศ ไม่ได้เป็นกรดไหลย้อนออกไปทางไหน เราประชาชนคนไทยในฐานะเจ้าบ้าน ลองเปิดใจให้กว้าง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม

ทั้งนี้ สิ่งที่แขกจากบ้านอื่นทำแล้วไม่เหมาะสม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ให้ความรู้ เพราะอีก 2 ปีข้างหน้านี้ ประตูแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็จะมีการเปิดม่านแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จะเข้ามาท่องเที่ยวบ้านเรามากขึ้น ไม่มีเพียงแต่ "China only" เท่านั้น.

 ไทยรัฐออนไลน์
7 มีนาคม 2557

67
Juniper Research บริษัทวิจัยธุรกิจโทรคมนาคมเผย 10 แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราในปี 2014 ซึ่งมีทั้งเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รวมทั้งเครื่องมือ-อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันทันสมัย มีอะไรน่าสนใจบ้างมาชมกัน

1. Smart City
เมืองในบางประเทศจะได้รับการพัฒนาระบบขนส่ง ระบบสาธารณสุข ระบบไฟฟ้าโดยเริ่มนำเซ็นเซอร์และแอพพลิเคชั่นบนระบบ cloud มาใช้ควบคุมไฟท้องถนนและอาคารสถานที่ต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง สร้างเมืองที่น่าอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2. Mobile Payment
การใช้สมาร์ทโฟนเพื่อชำระเงินบริการและเซอร์วิสต่างๆ แทนการใช้กระเป๋าสตางค์เริ่มมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งจากประเทศชั้นนำและในประเทศที่กำลังพัฒนา ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนสำหรับบ้านเราคือเริ่มมีการใช้สมาร์ทโฟน (บางรุ่น) แทนบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS แล้ว

3. Wearable devices will proliferate
อุปกรณ์สวมใส่ไฮเทคมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยการจุดประกายความหวังสำหรับอนาคตที่เริ่มจาก Google Glass แว่นตาอัจฉริยะจากค่าย Google ที่ปรากฏออกมาทำให้มีผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีชั้นนำเริ่มคิดค้นหาสิ่งใหม่ๆ มาตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคตมากขึ้น และในปี 2014 จะเป็นปีแห่งการแตกหน่อสินค้าไอทีประเภทอุปกรณ์สวมใส่อีกมากมายที่เราคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่นนาฬิกาไฮเทค Sony Smartwatch และ Samsung Galaxy Gear ที่ถูกนำมาวางขายเคียงคู่กับสมาร์ทโฟนในร้านค้าชั้นนำหลายแห่งแล้ว

4. iPads and tablets will grow in education
แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ไอทีที่ได้รับความนิยมอย่างถูกนำไปใช้งานเพื่อการศึกษาเพิ่มมากขึ้น (โครงการแท็บเล็ต ป.1) มีแนวโน้มว่าเร็วๆ นี้แท็บเล็ตจะสามารถเข้าไปแทนที่คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปได้อย่างเต็มรูปแบบ

5. Mobile fitness devices will grow even bigger
อุปกรณ์ไฮเทคเพื่อการออกกำลังกายได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีการพัฒนาอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เช่นเครื่องนับก้าวเดิน สายรัดข้อมือสำหรับการติดตามกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบการออกกำลังกาย การบริโภคอาหารและมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพทำให้ผู้คนตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น

6. LTE subscribers will double and 4G LTE will start to roll out
เครือข่ายความเร็วสูง 4G LTE จะมีผู้ใช้งานทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2014 ส่วนในบ้านเราต้องจับตาดูว่า กสทช. จะสามารถจัดสรรการประมูลคลื่นความถี่ 4G LTE กับผู้ให้บริการเครือข่ายได้รวดเร็วเพียงใดและบทสรุปของคลื่นที่นำมาใช้งาน 4G LTE และ LTE-A (4.5G) จะออกมาเป็นอย่างไร

7. Device context awareness will accelerate
อุปกรณ์สมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์จะ “เข้าใจผู้ใช้” มากขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่ชาญฉลาดขึ้นและรับรู้ว่าผู้ใช้กำลังทำอะไรและต้องการอะไร ยกตัวอย่างเช่น Google Now ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่สามารถแสดงข้อมูลที่ผู้ใช้ควรทราบในยามที่เหมาะสม

8. Ouya and other ‘microconsoles’ will disrupt home gaming
เครื่องเกมส์คอนโซลขนาดจิ๋วจะเริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเล่นเกมส์ภายในบ้าน แม้ว่าในปี 2013 จะมีเครื่องเกมส์ชั้นนำอย่าง PlayStation 4 และ Xbox One เปิดตัวออกมา แต่ก็มีคู่แข่งม้ามืดอย่าง Ouya เครื่องเกมส์คอนโซลขนาดจิ๋วที่มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสองรุ่นแรก และแนวโน้มในปี 2014 น่าจะมีเครื่องเกมส์คอนโซลแนวนี้นี้ถูกผลิตออกมาอีกหลายรุ่น

9. Personal clouds will explode
เมื่อคอนเทนต์หรือข้อมูลมัลติมีเดียสามารถเผยแพร่และแชร์ได้ง่ายขึ้น การจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนถามหา แต่การจัดเก็บข้อมูลลงอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือหน่วยความจำภายนอกอาจจะไม่เพียงพอและไม่สามารถการันตีความปลอดภัยข้อมูลได้ในกรณีที่อุปกรณ์เกิดชำรุดหรือเสียหาย โดยผู้บริโภคส่วนหนึ่งเริ่มหาทางออกด้วยวิธีการใช้บริการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ (Cloud Solutions) และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์พยายามจะเข้าถึงผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนด้วยการส่งแอพพลิเคชั่นเพื่อการจัดการไฟล์มีเดียที่ใช้งานง่ายพร้อมแจกพื้นที่จัดเก็บฟรีสำหรับผู้เริ่มต้น เช่น Dropbox, Google Drive, iCloud, SkyDrive ฯลฯ ซึ่งในปี 2014 จะมีการแข่งขันในส่วนนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน

10. 3D printer sales will jump
ยอดขายเครื่องพิมพ์ 3 มิติจะพุ่งสูงชนิดก้าวกระโดด โดยมียักษ์ใหญ่แวดวงไอทีชั้นนำอย่าง HP, Samsung, Microsoft เข้ามาร่วมวง ซึ่งเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติถูกพัฒนาขึ้นและมีความละเอียดในการสร้างชิ้นงานที่ประณีต โดย NASA มีแผนที่จะนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ขึ้นไปบนอวกาศเพื่อสร้างชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องมือพิเศษ และทดลองสร้างวัตถุต่างๆ ออกมาในปี 2014 ด้วย

ปี 2014 จะมีเทคโนโลยีอะไรเกิดขึ้นและสามารถสร้างปรากฏการณ์ชนิดที่ผู้คนทั่วโลกต้องจดจำก็คงต้องติดตามรายละเอียดกันต่อไป สวัสดีปีใหม่ครับ

http://tech.th.msn.com/feature/10-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2014-1

68
สถานที่สวยแปลกตา ที่เราอาจไม่คิดว่ามีอยู่จริง กับ 5 สถานที่สุดอลังที่ต้องอ้าปากค้าง

1. Mount Roraima, Brazil เมาท์โรไรมา มหัศจรรย์ภูเขายอดเเบนรูปโต๊ะ ประเทศบราซิล
ภูเขา Roraima เป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามองไปที่ภูเขาจะเป็นทรงแหลม หรือ กลมนูนบนจุดสูงสุดของภูเขาทั่วโลก แต่ที่นี่กลับเป็นที่ราบขนาดใหญ่ มีแม่น้ำที่ไหลลงไปคล้ายๆดินแดนลึกลับในนิยาย หลายคนคิดว่ามันน่าจะเป็นภูเขาในกลุ่มของโลกธรณีวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดและ ที่ราบสูงที่ถูกสร้างขึ้นส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่เกิดจากลมและฝน ที่ราบสูงถูกปกคลุมมักจะมีเมฆซึ่งกลับไม่พบว่ามันมีอยู่ใกล้ด้านบนของภูเขา ด้านบนนั้นเราจะพบกับสายพันธุ์ของพืชและสัตว์ในกลุ่มสายพันธุ์ที่ไม่สามารถ พบว่าไม่มีที่ไหนเลยอื่นในโลก และยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมมันถึงได้แพร่พันธุ์เป็นจำนวนมากผิดปกติอยู่ด้าน บนนั้น
 

2. McMurdo Dry Valleys, Antarctica แมคเมอร์โด ไดร์ วัลเลย์ ดินแดนแห่งดาวอังคารบนโลกมนุษย์ แอนตากติก้า
สถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นสถานที่ที่เป็นความลับมากที่สุดในโลก บริเวณนี้เป็นที่รู้จักน้อย เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่มีพื้นที่ที่มากที่สุดและบางทีอาจจะเป็นสถานที่ที่ วิเศษสุดในโลก ที่แห่งนี้ได้รับบริมาณน้ำฝนเพียงแค่ 4 นิ้วของฝนในแต่ละปี แต่แปลกที่มันตั้งอยู่ในช่วงกลางของน้ำแข็งตามปกติและหิมะของแอนตาร์กติกา แต่แทนที่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ กลับเป็นพื้นที่แห้งๆ ภูมิทัศน์ที่เยือกเย็นและโล่งอย่างสมบูรณ์ พื้นที่ยังไม่มีพืชบกแม้ว่าจะมีไลเคน มอส หรือไส้เดือนฝอยได้อาศัยอยู่ที่นั่น นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่าพื้นที่หุบเขาแห้งน่าจะเป็นสถานที่บนโลกใบนี้ที่ เป็นส่วนใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับสภาพแวดล้อมบนดาวอังคาร....


3. Travertine Pools of Pamukkale, Turkey สระว่ายน้ำปุยฝ้าย ประเทศตรุกี
สระว่ายน้ำ Travertine ของ Pamukkale เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่จะได้เห็นพวกมันเป็นพื้นที่สีขาวตลอดทั้งปี ซึ่งแร่ travertine ได้สร้างขึ้นในพื้นที่ของน้ำพุร้อนนี้ทำให้เกิดชุดคล้ายๆระเบียงสีขาว สระว่ายน้ำธรรมชาติแห่งนี้มีสีขาวและเต็มไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใส และในสระว่ายน้ำจะมีระเบียงดูแปลกประหลาดเกิดขึ้นอยู่ทั่วไป สระน้ำธรรมชาติแห่งนี้เกิดขึ้นและเป็นสถานที่ที่มีผู้คนเข้ามาชื่นชมเป็น เวลาอย่างน้อยมากว่า 2,000 มาแล้ว

4. Richat Structure, Mauritania ดวงตาแห่งซาฮาร่า ทะเลทรายซาฮาร่า
โครงสร้าง Richat เป็นที่รู้จักกันว่ามันคือ ตาของทะเลทรายซาฮารา มันเป็นความแตกต่างที่โดดเด่นและคุณลักษณะทางภูมิศาสตร์วงกลมในทะเลทรายซาฮา รา ที่มีประมาณ 30 ไมล์ กว้างจนคุณอาจจะไม่สังเกตเห็นถ้าคุณอยู่ภายในนั้น แต่จากมุมมองทางอากาศ และแม้แต่จากพื้นที่ มันจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน หลายคนคิดว่ามันน่าจะเกิดมาจากผลกระทบของโลกและดาวเคราะห์น้อย และต่อมาผู้คนคิดว่ามันจะได้รับการสร้างขึ้นโดยการระเบิดของภูเขาไฟ แต่หลักของความคิดในวันนี้บอกว่ามันเคยเป็นหินกลมที่ได้รับการค่อยๆกัดเซาะ ความลึกลับของมันยังทำให้หลายคนยังคงฉงน ว่ามันสามารถล้อมรอบพื้นที่แบบนั้นแล้วมีโครงสร้างเป็นเกือบเป็นวงกลมที่ สมบูรณ์แบบได้อย่างไร และทำไม ถึงมีวงแหวนที่มีระยะห่างเท่าๆกันได้อย่างไร?


5. Fly Geyser, United States น้ำพุร้อนไกเซอร์ น้ำพุร้อนลอยฟ้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
Fly Geyser ตั้งอยู่ในทะเลทรายเนวาดา มันเป็นกองหินที่มีสีสันตามธรรมชาติ ตรงยอดทั้งสามมันยังพ่นน้ำตรงขึ้นไปในอากาศได้ มันถูกสร้างขึ้นในปี 1916 โดยบังเอิญในระหว่างประจำการเข้าขุดเจาะ มันทำงานได้ตามปกติจนกระทั่งทศวรรษที่ 1960 เมื่อน้ำร้อนใต้พิภพเริ่มกระฉูดออกมา แร่ธาตุที่ละลายในน้ำเริ่มสะสมและค่อยๆไหลขึ้นไปบนเนินดินขนาดใหญ่ จนเกิดสีสันที่เราเห็นในวันนี้ มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เป็นความลับมากที่สุดบนโลกที่มันตั้งอยู่บน ทรัพย์สินส่วนตัวของเอกชน และนักท่องเที่ยวต้องได้รับอนุญาตให้เข้าชมได้เพียงอย่างเดียว

ที่มาข้อมูล : www.chicministry.com

69
ศปถ.สรุป 6 วัน ช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ เกิดอุบัติเหตุ 2,891 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 334 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,041 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 8 จังหวัด กำชับจังหวัดคุมเข้มจุดตรวจบนถนนสายหลักและสายรองในชุมชนหมู่บ้าน กวดขันรถโดยสารสาธารณะและรถตู้เป็นพิเศษ เน้นการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และง่วงหลับใน

       นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ประจำวันที่ 2 ม.ค. 2557 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. 2557 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ “ปีใหม่สัญจรปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 536 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 68 ราย ลดลงจากปีก่อน 10 ราย และผู้บาดเจ็บ 539 คน ลดลงจากปีก่อน 44 คน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
เมาสุรา ร้อยละ 51.49
ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 24.44
ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.62
รถปิกอัพ ร้อยละ 8.11
พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่
ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 26.19
ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 61.19
บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 39.93
ถนนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 31.16
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01-04.00 น.ร้อยละ 25.19
ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 60.79 กลุ่มเด็กและเยาวชน ร้อยละ 19.93
      
       “ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,254 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,027 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 699,447 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 101,618 ราย โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 29,212 ราย รองลงมาไม่สวมหมวกนิรภัย 27,661 ราย สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 27 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 7 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 29 คน” นายวิสาร กล่าว
      
       นายวิสาร กล่าวอีกว่า สำหรับผลสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2556 - 1 ม.ค. 2557 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,891 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 334 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,041 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 6 วัน รวม 8 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน บึงกาฬ ยโสธร ชัยนาท ตราด สมุทรสงคราม ปัตตานี และพังงา จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ และเชียงใหม่ จังหวัดละ 111 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 21 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 121 คน
      
       นายวิสาร กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในวันปีใหม่ พบว่า กว่าครึ่งหนึ่งมีสาเหตุจากการดื่มสุรา คิดเป็นกว่า ร้อยละ 51.49 อีกทั้งอุบัติเหตุเกิดสูงสุดอยู่ในระหว่างเวลา 00.01 - 04.00 น.ซึ่งเป็นช่วงหลังการเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยแรงงานมีสถิติการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นเป็นกว่าร้อยละ 60 ศปถ.ได้เน้นย้ำให้จังหวัดคุมเข้มถนนสายหลัก โดยเฉพาะเส้นทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ควบคู่กับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดบนถนนสายรองในชุมชนหมู่บ้าน เน้นการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ทั้งการการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และง่วงหลับใน เข้มงวดการเรียกตรวจยานพาหนะ เพื่อตรวจสอบสภาพความพร้อมของผู้ขับขี่อย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูง
      
       นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า วันนี้ยังคงมีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับ ศปถ.จึงได้สั่งการจังหวัดกำชับจุดตรวจคุมเข้มรถโดยสารสาธารณะ รถโดยสาร รับจ้างไม่ประจำ รถตู้โดยสาร และรถสองแถวรับส่งผู้โดยสารเป็นพิเศษ เพื่อให้การเดินทางกลับของประชาชนเป็นไปด้วยความปลอดภัย เน้นกวดขันการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และง่วงหลับใน สำหรับจังหวัดที่เป็นเส้นทางหลักไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางที่มุ่งสู่กรุงเทพมหานคร ให้เร่งระบายรถ โดยเตรียมช่องทางพิเศษ และปรับใช้สัญญาณไฟเส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯ ให้สอดคล้องกับปริมาณการจราจร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงจุดอันตราย เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ท้ายนี้ ขอฝากเตือนผู้ขับขี่ให้จอดพักรถผ่อนคลายอิริยาบถและความเมื่อยล้าบริเวณจุดพักรถที่ปลอดภัย สถานีบริการน้ำมัน และจุดบริการ ที่หน่วยงานจัดเตรียมไว้บนเส้นทางสายต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้การสัญจรในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นไปด้วยความปลอดภัย
      
       นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ประธานศูนย์ข้อมูลการสื่อสารเพื่อความปลอดภัย (ศสป.) ภายใต้ ศปถ. กล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเดินทางกลับ ยังคงย้ำเตือนในเรื่องของการขับขี่ปลอดภัย ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ไม่ขับเร็วเกินกำหนด และขอฝากให้ผู้ที่โดยสารรถมาด้วยคอยเตือนและสังเกตคนขับว่ามีอาการง่วงหรือไม่ หากเหนื่อยล้าให้แวะพักตามจุดบริการตามเส้นทาง และในกรณีที่ประชาชนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและรถตู้ในการเดินทางกลับ ขอให้เพิ่มความระวัดระวังเป็นพิเศษและควรเลือกใช้บริการรถที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
      
       นายพรหมมินทร์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มีข้อแนะนำในเรื่องมาตรการความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ คือ คนขับต้องพร้อม รถต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย ไม่บรรทุกเกิน โดยเฉพาะรถตู้เสริม ดังนั้น ผู้ใช้บริการจึงควรเลือกใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่ได้มาตรฐาน เหนือสิ่งอื่นใดผู้ประกอบการต้องมีความตระหนักและควรคัดเลือกพนักงานขับรถที่มีคุณภาพ โดยพนักงานขับรถจะต้องมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และคนขับรถโดยสารสาธารณะขับรถติดต่อกันได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ต้องมีคนเปลี่ยน เว้นแต่ได้พักเป็นเวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ส่วนมาตรฐานรถที่มีความปลอดภัย ต้องเป็นรถใหม่ อายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีประตูฉุกเฉิน หากผู้โดยสารต้องเดินทางในถนนที่มีความเสี่ยง คือ ทางลาดชัน ขึ้นเขาหรือลงเขา ก็ไม่ควรเลือกใช้บริการรถบัส 2 ชั้น นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนผู้โดยสารทุกคนและคนขับปฏิบัติตามประกาศกฎกระทรวงอย่างเคร่งครัด คือ การคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งตลอดการเดินทาง เพื่อให้การกลับบ้านของท่านมีความปลอดภัย

ASTVผู้จัดการออนไลน์    2 มกราคม 2557

70
 แม้ว่าหนังไทยจะเข้าฉายค่อนข้างน้อย แต่กองทัพหนังจากต่างประเทศทั่วโลก ก็ยกขบวนมาเก็บเงินคนไทยกันอย่างคับคั่งเช่นเดิม และนี่ก็คือหนังต่างประเทศ 20 เรื่องที่น่าเก็บในรอบปีที่ผ่านมา
       
       ***หมายเหตุ : อันดับเหล่านี้ไม่ได้ไล่เรียงตามความยอดเยี่ยม แต่จัดตามลำดับเวลาการเข้าฉายก่อน-หลัง
       
       1.Flight : ฝ่าวิกฤติเที่ยวบินระทึก
       การแสดงอันยอดเยี่ยมของแดนเซล วอชิงตัน ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจในตัวละครนักบินผู้อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นฮีโร่กับคนขี้ยา ส่วนบทภาพยนตร์ก็มีชั้นเชิงลูกล่อลูกชนและความลุ่มลึกแหลมคม หนังรุ่มรวยอารมณ์ขันในแบบตลกร้าย มันเป็นความ “ตลกอย่างเข้าใจในความเป็นมนุษย์” เพราะขณะที่หนังทำให้เรารู้สึกมีประกายความหวังในพลังของความเป็นมนุษย์ที่มักจะสามารถเอาชนะจิตใจตัวเองได้ แต่หนังก็ยังมีพื้นที่ให้กับธาตุแท้อีกด้านของความเป็นคนซึ่งมีความอ่อนแอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นี่คือหนังที่นึกถึงกี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกฮา ฮา และฮา
       
       2.Silver Linings Playbook : ลุกขึ้นใหม่หัวใจมีเธอ
       หนึ่งในสิบหนังชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครั้งที่ผ่านมา รวมถึงสาขาอื่นๆ อีก 7 สาขา และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ก็คว้าตุ๊กตาทองตัวแรกในชีวิตได้สำเร็จในตำแหน่งนักแสดงนำฝ่ายหญิง โดยสถานะของหนังบนเวทีออสการ์นั้น มีคุณค่าคล้ายกับไม้ประดับบนเวที เป็นหนังเล็กๆ ที่งดงาม แบบเดียวกับ ไม่ว่าจะเป็น Juno, Sideways, Up in the Air, Lost in Translation, Little Miss Sunshine, Precious หรือ The Blind Side
       
       Silver Linings ย่อมาจากสำนวน Every cloud has a silver Linings. ซึ่งมีความหมายว่า ในความมืดมน ใช่จะไร้แสงสว่าง หรือท่ามกลางความเลวร้ายก็ยังมีสิ่งดีๆ อยู่เสมอ เมื่อบวกรวมกับคำว่า Playbook ซึ่งมีความหมายในทางของการเป็น “ตำรา” หรือ “คู่มือ” Silver Linings Playbook จึงมีความหมายแบบเข้าใจได้ว่าเป็นดั่งตำรามองโลกในแง่ดีหรือคู่มือต่อสู้เพื่อผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ในชีวิต ซึ่งหนังที่สร้างมาจากนิยายของแมทธิว ควิก เรื่องนี้ก็นำเสนอสิ่งนั้นออกมาได้อย่างหมดจดงดงามสะเทือนใจ ผ่านการแสดงที่อินเนอร์แรงสุดๆ ทั้งของแบรดลี่ย์ คูเปอร์ และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์
       
       3.Amour : รัก
       ถ้าหนังฮ่องกงเรื่องหนึ่งซึ่งแสดงโดยหลิวเต๋อหัว แสดงให้เห็นถึงชีวิตที่งดงามในแบบ A Simple Life หนังของมิคาอิล ฮาเนเก้ เรื่องนี้ ก็คงพูดเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ Simple Love ซึ่งผ่านการนำเสนอแบบเรียบง่ายและเป็นวิถีแห่งชีวิตโดยแท้จริง หนังว่าด้วยเรื่องสามีภรรยาที่อยู่กินกันมาจนแก่เฒ่าและอยู่ในวันเวลาที่กำลังย่างก้าวสู่การพรากจากแบบนิรันดร์ หนังสามารถตอบโจทย์ได้งดงามในแง่ของการแสดงให้เห็นถึงความหมายของคำว่า “รัก” สมศักดิ์ศรีกับที่กล้าตั้งชื่อว่า “อามัวร์” (Amour) ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึง Love ในภาษาอังกฤษ หนังรักหลายเรื่องมีคำว่า “รัก” อยู่ในชื่อเรื่อง แต่กลับไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกสัมผัสได้ถึงพลังของความรัก แต่นั่นไม่ใช่หนัง “รัก” เรื่องนี้อย่างแน่นอน
       
       4.Django Unchained : โคตรคนแดนเถื่อน
       เควนติน ทารันติโน ชื่อนี้การันตีคุณภาพ เขาคือผู้กำกับที่นับได้ว่ามีลายเซ็นเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดคนหนึ่ง อารมณ์ขันแบบตลกร้าย และความวายป่วงของเรื่องราว เป็นสิ่งที่เรามักจะพบเห็นได้ในหนังของเขา พอๆ กับความเยอะของบทสนทนาจนอาจกล่าวได้ถึงขั้นว่า “พล่าม” แต่ทว่าก็เป็นการพล่ามที่น่าฟังและน่าสนใจ จังโจ้ อันเชนด์ มีครบรสทั้งความโหดมันฮาแบบเควนติน ดาราทุกคนในเรื่อง เล่นได้ถึง ไล่ตั้งแต่เจมี ฟอกซ์, คริสต๊อฟ วอลซ์ (ได้ตุ๊กตาทองตัวที่สองสาขาสมทบชายจากงานนี้) ไปจนถึงลีโอนาโด ดิคาปริโอ หรือแม้กระทั่งซามูเอล แอล แจ็คสัน ซึ่งตีบทแตกได้ชนิดที่ว่ากินกันไม่ลง ทั้งนี้ รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ ก็รับประกันได้ระดับหนึ่งถึงคุณภาพของตัวเรื่อง ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นความทรงจำดีๆ อีกหนึ่งหน้าของคนดูหนัง
       
       5.The Places Beyond Pines : พลิกชะตา ท้าหัวใจระห่ำ
       หนังที่ผมชอบส่วนใหญ่ มักจะเป็นหนังที่ไม่ตัดสินชี้ขาดตัวละครด้วยมาตรฐานของความคิดของตัวเองของผู้กำกับ แต่เปิดพื้นที่และเล่าเรื่องของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของคนดูผู้ชมที่จะนึกคิดจินตนาการหรือตีความไปตามพื้นฐานของตัวเอง ถ้าคนดูมีพื้นที่ส่วนตัวในการที่จะคิดเห็นกับเรื่องราวต่างๆ หนังที่ดีก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ตัวละครได้สำแดงความเป็นจริงของตัวเองอย่างเต็มที่ และผมก็เห็นว่า The Place beyond the Pines ทำได้ดีถึงขั้นนั้น ทั้งเรื่องราวและเนื้อหา บทหนังเด่น การแสดงดี และตัวละครมีมิติ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ หนังสามารถแผ่ขยายอาณาเขตทางด้านเนื้อหาออกไปได้ ทั้งในเชิงกว้างและลึก ประเด็นหลายอย่างซ้อนทับกันเป็นขด ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณแห่งการเป็นพ่อ ความรู้สึกรับผิดชอบ ความใฝ่ฝันที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว ที่สะท้อนความฝันใฝ่ของตัวละครในฐานะมนุษย์คนหนึ่งซึ่งต้องการจะยกระดับตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับ
       
       6.Fast And Furious 6 : เร็วแรงทะลุนรก 6
       จากจุดเริ่มของการเป็นหนังแข่งรถในภาคแรกๆ ฟาส์แอนด์ฟิวเรียสค่อยๆ ขยับจักรวาลของตัวเองให้กว้างออกไปในภาคหลังๆ โดยให้พลังกับตัวเรื่องหรือเนื้อหาไม่น้อยไปกว่าความแรงของรถและความบ้าระห่ำของทีมฟาสต์ เอาเป็นว่า ถ้าให้เลือกหนังแอ็กชั่นที่มันที่สุดแห่งปี โดยที่ไม่กลวงเปล่าด้านประเด็นเนื้อหา (การทำงานเป็นทีม, มิตรภาพ, ครอบครัว, ความรัก) ผมเลือกเรื่องนี้เป็นอันดับหนึ่งครับ
       
       7.star trek into darkness : สตาร์เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด
       ชัดเจนในแง่ของความเป็นหนังบันเทิง ขนานไปกับการมีเนื้อหาที่จับต้องสัมผัสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวร้ายซึ่งดูเหมือนจะมีบทบาทต่อพัฒนาการของเรื่องราวในเชิงลึก ความเหี้ยมโหดในแนวทางของความดาร์ก ที่ไม่ได้ร้ายเฉพาะในทางรูปธรรม หากแต่ในจิตใจก็ซ่อนไว้ด้วยความร้ายแบบสุดๆ ความมืดมนอนธการของจักรวาล บางทีก็กลายเป็นเด็กอนุบาลไปเลย เมื่อเปรียบเทียบกับความมืดหม่นในจิตใจของมนุษย์
       
       8.Mud : คนคลั่งบาป
       แม็ทธิว แม็คคอนนาเฮย์ กลับมาท็อปฟอร์มในด้านการแสดงอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ กับบทบาทของชายผู้มีความน่ากังขาสงสัยในพื้นฐานความเป็นมา บรรยากาศของเรื่องเซ็ตติ้งอยู่ในชนบทของอเมริกา และชวนให้นึกถึงหนังเยี่ยมๆ เรื่องหนึ่งจากวันวานอย่าง Stand by Me เพียงแต่เด็กน้อยสองคนในหนังเรื่องนี้ แตกต่างจากมิคกี้และผองเพื่อนในหนังที่สร้างมาจากปลายปากกาของสตีเฟ่น คิง ตรงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ออกไปตามหาศพเด็ก แต่ไปพบกับใครสักคนซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอุกอาจ แม้ตอนจบของเรื่องจะดูประนีประนอมอยู่บ้าง แต่ทว่าโดยภาพรวม มันตอกย้ำยืนยันคำประกาศของใครหลายคนได้เป็นอย่างดีว่า นี่คือหนังอเมริกาที่ดีที่สุดซึ่งได้ไปฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ผ่านมา
       
       9.Monsters University : มหา'ลัย มอนสเตอร์
       หนังภาคต่อของ Monster Inc. ซึ่งย้อนกลับไปเล่าเหตุการณ์ก่อนที่ “ไมค์ วาโซว์สกี้” กับ “เจมส์ พี.ซัลลี่แวน” จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขย่าขวัญขั้นเทพอย่างเต็มตัว บทหนังเปี่ยมไปด้วยสีสันและมิติ อารมณ์ขันคือความรื่นรมย์ที่ผู้ชมสามารถเก็บเกี่ยวได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่ความลึกซึ้งในด้านประเด็นเนื้อหาก็มีซ่อนอยู่หลายชั้น เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูก็ยิ่งขบคิดได้สนุก ขณะยิ้มหัวหรือสุขเศร้าไปกับหนัง
       
       10.The Conjuring : คนเรียกผี
       นี่คือหนังที่กวาดต้อนเอาทักษะอันหลากหลายของหนังผีรุ่นพี่มาใช้สอยอย่างเกิดประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาซาวด์เอฟเฟคต์ให้คนดูตกใจตามสไตล์ของผีสะดุ้งหรือผีตุ้งแช่, การขับเน้นบรรยากาศให้ดูน่าสะพรึงกลัว ผ่านการจัดแสงและองค์ประกอบต่างๆ ที่ชวนให้ขนลุก ง่ายๆ แค่ตุ๊กตาตัวเดียวก็ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังได้แล้ว สรุปว่ามันคือการนำของเก่ามาบูรณาการและผสมผสานอย่างกลมกล่อมลงตัว จนเกิดเป็นหนังผีที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่ง
       
       11.Pain And Gain : ไม่เจ็บ ไม่รวย
       ม้านอกสายตาที่มาพร้อมกับความเซอร์ไพรส์เกินคาด หนังของไมเคิล เบย์ เรื่องนี้ อาจจะดูแตกต่างไปจากทรานส์ฟอร์เมอร์สที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาจนโด่งดัง แต่ด้วยลีลาน้ำเสียงที่ทั้งสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาถึงคุณค่าความหมายของชีวิต และทั้งเสียดสีเหน็บแนมความเป็นไปในบ้านเกิดของตัวเอง ไมเคิล เบย์ ทำให้หนังเรื่องนี้มีคุณค่ามากไปกว่าการเป็นงานที่บันเทิงมากๆ เรื่องหนึ่ง เพราะเมื่อคำนึงถึงเนื้อหาสาระ งานชิ้นนี้ของผู้กำกับทรานส์ฟอร์เมอร์ส สามารถเทียบชั้นกับงานดีๆ หลายเรื่องที่ใครต่อใครให้คำชื่นชมทำนองว่า “สะท้อนความเป็นจริงทางสังคม” ได้เลย
       
       12.Rush : รัช อัดเต็มสปีด
       คำกล่าวที่ว่า Enemy is the power. หรือ ศัตรูคือยาชูกำลัง น่าจะบอกกล่าวถึงแก่นสารของหนังเรื่องได้อย่างแจ่มชัด มันคือมิตรภาพระหว่างคนสองคน ที่บางมุมก็ดูคล้ายเป็นคู่แข่ง แต่อีกหนึ่งมุม กลับดูหนุนเสริมเพิ่มพลังให้แก่กัน ยิ่งรู้สึกว่ามีคู่แข่ง ยิ่งต้องเร่งตัวเองให้เร็วและแรงเพื่อจะแซงอีกคนให้ได้ ทั้งนี้ โดยไม่รู้สึกอาฆาตมาดร้ายอะไรต่อกัน เพราะแม้จะเป็นคู่ต่อสู้บนลู่แข่ง แต่ก็หยิบยื่นความเป็นมิตรได้ในสนามชีวิต สุดท้าย ว่ากันที่ความประทับใจ ก็คงเพราะมันบอกกล่าวเล่าถึง Human Spirit หรือ “จิตวิญญาณของมนุษย์” ที่ไม่หยุดจะฟันฝ่า ท่ามกลางสภาวะแรงบีบคั้นกดดันของโลกและชีวิต และบางที ชัยชนะบนสนามแข่ง อาจเทียบค่าได้ยากกับชัยชนะอีกหนึ่งแบบ คือ ชัยชนะเหนือจิตใจของตนเอง
       
       13.Prisoners : คู่เดือดเชือดปมดิบ
       ผมจำไม่ได้แล้วว่า อ่านสเตตัสนี้มาจากดฟซบุ๊กของใคร แต่เนื้อความยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ คำนั้นพูดว่า “ระหว่างที่ฉันไล่ล่าต่อสู้กับปีศาจ ฉันก็กลายเป็นปีศาจไปด้วย” คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะกับหนังเรื่องนี้ที่ว่าด้วยเรื่องของครอบครัวที่ลูกคนเล็กหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุและต้องมีการออกติดตาม โดยระหว่างนั้น หนังก็ค่อยๆ เผยเงื่อนงำและตัวละครต่างๆ ที่มีความน่าสงสัยให้คนดูคาดเดาก่อนจะไปเฉลยตอนจบเรื่อง งานชิ้นนี้ถือว่าควรคู่อย่างปฏิเสธไม่ได้กับคำชมที่ได้รับมาอย่างล้นหลาม นักแสดงดี ตัวละครมีมิติ และบทหนังมีความลุ่มลึก หนังเรื่องหนึ่ง มีคุณสมบัติรอบด้านแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
       
       14.About Time : ย้อนเวลาให้เธอ (ปิ๊ง)รัก
       หนังคอมิดี้เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Love Actually “ริชาร์ด เคอร์ติส” ซึ่งมีทั้งแง่มุมความรัก ความสัมพันธ์ในครอบครัว (พ่อ-ลูก) หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้เติบโตในทางวุฒิภาวะกับบทเรียนชีวิตที่ไม่ถึงกับเค้นมากจนหนักอึ้ง แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังด้านเนื้อหา ทั้งหมดทั้งมวลมาพร้อมกับอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจและความฟีลกู๊ดงดงาม แน่นอนว่า เราคงมิอาจย้อนเวลากลับไปเหมือนกับตัวละครในเรื่องได้ แต่โลกยุคใหม่ก็สร้างให้มีเครื่องเล่นทันสมัย ทั้งแผ่นดีวีดี ไฟล์ ไปจนถึงบลูเรย์ ที่สามารถทำให้เรารีเพลย์หนังเรื่องนี้ได้อีกหลายๆ รอบ และยังสนุกกับมันได้
       
       15.Gravity : มฤตยูแรงโน้มถ่วง
       งานชิ้นนี้ของ “อัลฟองโซ คัวรอง” ถูกขนานนามว่าเป็น 2001 : A Space Odyssey แห่งปี 2013 มันเป็นหนังแอ็กชั่นไซไฟที่แตกต่างไปจากหนังแนวเดียวกัน เพราะไม่มีตัวร้ายจากต่างดาวอย่างเอเลี่ยนหรืออุกกาบาตที่ต้องเอาชนะ นอกเหนือไปจากจิตวิญญาณและความอ่อนแอภายในจิตใจของตัวเอง แซนดร้า บูลล็อก กับบทนักบินอวกาศ คาดหมายกันว่าคงมีชื่อไปโผล่อีกครั้งบนเวทีออสการ์ และจอร์จ คลูนี่ย์ ก็เช่นกัน หนังงามมาก ภาพสวยมาก การแสดงดีมาก และบทหนังก็น่าประทับใจมาก
       
       16.The Hunger Games : Catching Fire เกมล่าเกม แคทชิ่ง ไฟเออร์
       ยกระดับชั้นจากการเป็นหนังแฟนตาซีพื้นๆ สู่การเป็นภาพยนตร์ที่เข้มข้นด้วยประเด็นเนื้อหา ผ่านสถานการณ์ที่กดดันบีบคั้นความรู้สึก จากเกมไล่ล่าคร่าชีวิตที่มุ่งหมายความลุ้นระทึกเป็นหลัก หนังพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้นด้วยการยกระดับการต่อสู้ในหมู่เกมเมอร์ด้วยกันเองซึ่งมีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน กลายเป็นการต่อสู้ที่มีความอยู่รอดของสังคมและโค่นล้มระบอบทรราชเป็นแกนหลัก ภายใต้ฉากหน้าของความเป็นหนังแอ็กชั่นแฟนตาซี นี่คือหนังการเมืองซึ่งซีเรียสเข้มข้นมากที่สุดเรื่องหนึ่งและจะปะทุระเบิดอย่างรุนแรงแน่นอนในภาคต่อไป
       
       17.Like Father, Like Son : พ่อครับ รักผมได้ไหม
       เข้าฉายช่วงวันพ่อ และลุ่มลึกสะเทือนในประเด็นความสัมพันธ์เกี่ยวกับพ่อและลูก หนังญี่ปุ่นของผู้กำกับ Nobody Knows เรื่องนี้ เล่าเรื่องที่ต้องบอกว่าเสียดแทงหัวใจอย่างถึงที่สุด เพราะมันพูดถึงครอบครัวที่เลี้ยงลูกคนหนึ่งมาตั้งแต่เกิดจนอายุ 6 ขวบ ก่อนจะรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของตัวเอง หนังมีอารมณ์ขัน พอๆ กับมีความลึกซึ้งคมคายกับการโยนคำถามให้กับตัวละครและคนดูร่วมด้วยช่วยกันค้นหาคำตอบว่า สุดท้ายแล้ว ระหว่าง “ดีเอ็นเอ” หรือสายเลือด กับ “วันเวลาที่เราใช้จ่ายไปด้วยกัน” สิ่งไหนจะสำคัญมากกว่า?
       
       18.Frozen : ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ
       นอกไปจาก Despicable Me ภาคสองที่ต้องดูแล้ว ผลงานลำดับที่ 53 ของดิสนีย์เรื่องนี้ก็น่าเก็บสะสมเช่นเดียวกัน นี่คือการกลับมาท็อปฟอร์มอย่างเยี่ยมยอดของวอลต์ ดิสนีย์ หรือแม้กระทั่งว่า หนังการ์ตูนอย่าง Frozen เรื่องนี้ เป็นผลงานที่ดีที่สุดของวอลต์ ดิสนีย์ นับตั้งแต่ Beauty & the Beast หรือ The Lion King เลยก็ว่าได้ และนั่นก็ไม่เกินเลยความจริงแต่อย่างใด เพราะ Frozen มีมวลสารองค์ประกอบแบบที่แฟนหนังยุคเก่าของวอลต์ ดิสนีย์ ชื่นชอบ มันคือการกลับไปสู่กรอบหรือขนบแบบแผนของดิสนีย์ที่มักจะพิงตัวเองอยู่กับเรื่องราวเชิงเทพนิยายเจ้าหญิงเจ้าชาย (Fairy Tale) ขณะเดียวกันก็มีมิติด้านเนื้อหาสาระผสมผสานไปกับความบันเทิงได้แบบลงตัว ชื่อ Frozen ที่ชวนให้นึกถึงความเหน็บหนาวสุดขั้ว กลับทำให้ทุกคนที่ได้ดูได้ชม รู้สึกอุ่นในหัวใจ ด้วยเรื่องราวที่นอกจากเรื่องรักอันละมุนละไม ยังแฝงไว้ด้วยแง่มุมแห่งความเป็นคน ไปจนกระทั่งการค้นพบตัวเอง (Self Discovery) กล่าวอย่างเรียบง่ายก็คือ ขณะที่เล่าเรื่องซึ่งอ่อนหวานปานเทพนิยาย Frozen ก็แพรวพรายด้วยเนื้อหาอีกหลากแง่หลายมุม เปิดจินตนาการให้คนดูได้ขบคิดตีความ
       
       19.Blue Jasmine : วิมานลวง
       สารภาพจากใจว่าผมยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เนื่องจากหนังเข้าฉายในโรงจำกัดและไกลบ้าน แต่ก็ยังอยากจะสนับสนุนให้เก็บ นี่คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของวู้ดดี้ อัลเลน คนทำหนังระดับปัญญาชนที่มักจะมีคารมคมคายจิกกัดได้อย่างน่าฟัง และเท่าที่เช็กจากกระแส อาจจะส่งให้นักแสดงหญิงอย่างเคท แบลนเชตต์ ก้าวไปไกลถึงออสการ์ได้เหมือนกัน ส่วนของตัวเรื่อง ไว้ได้ดูแล้วเมื่อไหร่ จะมาแชร์ความคิดเห็นกันครับ
       
       20.American Hustle : โกงกระฉ่อนโลก
       อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดีมากๆ ซึ่งได้ดูช่วงส่งท้ายปีเก่าพอดิบพอดี เดวิด โอ. รัสเซลล์ ถือได้ว่าเป็นผู้กำกับระดับที่เชื่อมือได้ในมาตรฐานการทำหนัง โดยเฉพาะงานยุคหลังๆ ที่ส่งให้ชื่อของเขาโด่งดังขึ้นมาบนเวทีออสการ์ ไล่ตั้งแต่ The Fighter มาจนถึง Silver Linings Playbook งานของเขามักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกของคนหรือตัวตนของตัวละครที่ยอกย้อนมีปมหรือบาดแผลหลบมุมอยู่ในเบื้องลึกเบื้อหลัง และสิ่งนี้ก็มักจะนำมาซึ่งความขัดแย้งที่นำไปสู่การปะทะกันกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยอาจจะมีผลลัพธ์เป็นความงดงามหรือเจ็บปวดหัวใจสลายก็ได้ทั้งนั้น
       
       American Hustle ได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงหลักทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียน เบล, เจเรมี่ เรนเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ คูเปอร์ หรือแม้กระทั่งโรเบิร์ต เดอ นีโร ที่โผล่มาไม่กี่ฉาก ทว่าก็มีความน่าจดจำ และที่ต้องแสดงความนับถือด้วยหัวใจเต็มร้อยก็คงเป็นสาวน้อยเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ซึ่งโดดเด่นมากจากบทบาทหญิงลูกหนึ่งซึ่งยากจะคาดเดาได้ในการกระทำของเธอ หนังเรื่องนี้ว่าด้วยปฏิบัติสุมหัวกันต้มตุ๋นอย่างร้ายกาจ นอกจากต้มคนอื่น ต้มคนกันเอง บางที ยังต้มได้แม้กระทั่งตัวเองเสียอีกด้วย ขณะดูหนังไป เราก็เหมือนจะตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับตัวละครในเรื่อง คือ เอาเข้าจริง ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตรงจุดไหนกำลังเป็นเรื่องจริง หรือตรงจุดใดกำลังเป็นความลวง คำกล่าวหนึ่งซึ่งปรากฏอยู่ในหนังและเหมือนเป็นเชิงอรรถอธิบายเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดีก็คือ ตัวละครแต่ละตัวต่างก็มีชีวิตอยู่ด้วยความหลอกลวง หรือ เพราะความลวง จึงทำให้อยู่รอดได้ ฟังดูก็ชวนให้รู้สึกขมขื่น แต่ก็นั่นแหละ เหลียวมองไปรอบๆ นอกโรงหนัง เรื่องอย่างนี้ก็ใช่ว่าจะหาได้ยากเย็น
       
       หลายขวบปีที่ผ่านมา เราคนไทยเจ็บปวดหัวใจกับการโกงกระฉ่อนโลก และคำลวงของคนเลวๆ มาเพียงพอแล้ว พ.ศ.ใหม่ที่กำลังมา หวังว่าทุกท่านจะไม่ต้องได้พบพานกับอะไรแบบนั้นอีกนะครับ อันนี้คือความฝัน สวัสดีปีใหม่อย่างเป็นทางการครับ


โดย อภินันท์ บุญเรืองพะเนา    2 มกราคม 2557
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000000535

71
 “หมอประดิษฐ” ไม่ห้ามหมอแสดงออกทางการเมือง บอกเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ต้องแสดงออกอย่างเหมาะสม
       
       วันนี้ (18 ธ.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การที่มีแพทย์บางกลุ่มออกมาแสดงสิทธิทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่กระทำได้ตามสิทธิไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการประจำ แต่ขออย่าไปใช้ทรัพยากรของรัฐเข้าไปยุ่งกับการเลือกตั้ง นักการเมืองไม่ควรทำเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือข้าราชการประจำ ส่วนแพทย์ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่แสดงออกได้ แต่ขอให้แสดงออกอย่างเหมาะสม และเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองกำหนด เพราะรัฐบาลก็ทำตามขั้นตอนอยู่ เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกาฯ กำหนดวันเลือกตั้ง และมีพระบรมราชโองการมาก็ต้องทำ ไม่สามารถไปลบหลู่ได้ ส่วนจะมีเหตุเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ระเบียบเป็นอย่างไรก็ต้องทำตามก่อน

ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 ธันวาคม 2556

72
รัฐบาลดูไบภายใต้การนำของ ชีคห์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ด้วยการประกาศในวันอังคาร (17) ขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานภาครัฐ (ข้าราชการ) สูงสุดถึง “100 เปอร์เซ็นต์”
       
       รายงานข่าวซึ่งอ้างสำนักงานทรัพยากรบุคคลของรัฐบาลดูไบระบุว่าพนักงานภาครัฐจำนวนหลายพันคนที่ทำงานให้กับ 32 หน่วยงานของทางการดูไบ จะได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนคนละตั้งแต่ “30-100 เปอร์เซ็นต์” โดยการปรับขึ้นเงินเดือนดังกล่าวให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน
       
       สื่อในดูไบระบุว่า ลูกจ้างของรัฐที่ประกอบอาชีพแพทย์ และบรรดาเจ้าหน้าที่ควบคุม-ตรวจสอบทางการเงินจะได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มถึง 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่เกิน 25,000 เดอร์แฮม (คิดเป็นเงินไทยราว 219,630 บาท) ต่อเดือน จากเงินเดือนปกติ
       
       ขณะที่พนักงานภาครัฐที่มีตำแหน่งเป็น วิศวกร ที่ปรึกษาทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่วางแผนทางการเงิน ผู้จัดการการลงทุน รวมถึง พนักงานที่ทำงานในศาลของดูไบและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของรัฐฯ จะได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ หรือปรับเพิ่มสูงสุดเดือนละไม่เกิน 10,000 เดอร์แฮม (คิดเป็นเงินไทยราว 87,860บาท)
       
       สำหรับพนักงานภาครัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนักบัญชี เจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉิน พยาบาล เภสัชกร ศุลกากร และผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยสาธารณะจะได้รับการขึ้นเงินเดือนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ หรือปรับเพิ่มสูงสุดไม่เกินเดือนละ 6,000 เดอร์แฮม (คิดเป็นเงินไทยราว 52,700 บาท)
       
       รายงานข่าวระบุว่า ทางการดูไบยังจะปรับขึ้นเงินเดือนให้กับลูกจ้างภาครัฐที่ต้องทำงานใน “กะกลางคืน” ด้วย โดยเตรียมขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานในส่วนนี้ 25 เปอร์เซ็นต์
       
       ทั้งนี้ แหล่งข่าวในรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีสถานะเป็นเอมิเรตส์หนึ่งภายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระบุว่า ชีคห์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองรัฐของดูไบยังกำหนดให้มีการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานภาครัฐอีกในทุกๆ 2 ปี ซึ่งหมายความว่า พนักงานที่ได้ปรับขึ้นเงินเดือน 100 เปอร์เซ็นต์เต็มในปี 2013 นี้ เช่น พวกที่ประกอบวิชาชีพแพทย์ ยังสามารถได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนของตนอีก 100 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2015


ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 ธันวาคม 2556

73
ซังไห่อิสต์ สื่อออนไลน์จีน เผย (11 ธ.ค.) ว่า ภาพของแพนด้ายักษ์นั่งชมหนังปลุกอารมณ์ จัดเป็นหนึ่งในสุดยอดภาพน่าทึ่งแห่งปี 2013 ซึ่งจัดโดยนิตยสารไทม์
       
       ไทม์ ระบุชื่อภาพนี้ว่า 'ขี้อายและไร้อารมณ์' อันมีเบื้องหลังจากเรื่องจริงของเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยอนุรักษ์แพนด้ายักษ์เฉิงตู ที่ลงทุนจัดฉายหนังสารคดีการผสมพันธุ์แพนด้ายักษ์ ให้กับ เค่อหลิน แพนด้าวัย 5 ปี ด้วยมีความหวังว่า เจ้าหนุ่มแพนด้ายักษ์จะสามารถเรียนรู้วิธีและปฏิบัติภารกิจสำคัญเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2556
       
       รายงานข่าวกล่าวว่า ความที่เค่อหลิน เป็นแพนด้ายักษ์เกิดในศูนย์อนุรักษ์ โตมาเป็นหนุ่มขี้อาย และไม่ค่อยมีอารมณ์ทางเพศตามวัยฉกรรจ์ของตน ทำให้ความพยายามในการจับผสมพันธุ์ของศูนย์ฯ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เจ้าหน้าที่จึงต้องหาวิธีต่างๆ นานา เพื่อที่จะให้มันรู้จักจีบเพศเมีย และผสมพันธุ์ตามธรรมชาติให้ได้

ASTVผู้จัดการออนไลน์    11 ธันวาคม 2556

74
เอามาให้ดูขำๆ เล่นๆ เกี่ยวกับคำทำนายของผมที่วิเคราะห์ให้เผื่อหักปากกา
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2556 เป็นการทำนายล่วงหน้า 1 เดือน เกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารที่จะตัดสินเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556

ทำนายดวงเมืองวันตัดสินศาลโลก

ช่วงนี้บรรดาโหรทั้งหลายต่างถูกหักปากกาเซียนไปด้ามแล้วด้ามเล่าในสถานการณ์บ้านเมือง (ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำทำนายเหล่านั้นสักเท่าไหร่) แต่ผมไม่ใช่ผู้รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้และไม่เคยทำนายเรื่องดวงดาวบ้านเมืองในทางสาธารณะ แต่จะขอทดลองทำนายเล่นๆเอาไว้ให้ถูกหักปากกาอีกเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 นี้นะครับ

ขอย้ำว่าอย่าซีเรียส เพราะการทำนายครั้งนี้ ผมเตรียมเอาไว้ให้คนมาหักปากกานะครับ !!

เมื่อมาดูดวงเมืองโดยรวมและดูดาวจรในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 แล้ว ก็จะพบเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเฉพาะคำตัดสินเรื่องแผ่นดินดังต่อไปนี้นะครับ

ประการแรก เดิมดาวจันทร์ (๒)เป็นเจ้าเรือนพันธุ (หมายถึงแผ่นดิน) เป็นเกษตรหมายถึงมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง แต่ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ดาวจันทร์เคลื่อนย้ายมาอยู่ในราศีกุมภ์อยู่ในเรือนลาภะก็จริงแต่กลับอยู่ในบ้านของราหู เมื่อจันทร์อยู่ในเรือนราหู (๘) แม้จะมีแสงแต่ก็อยู่ในเจ้าเรือนที่อับแสง ประกอบกับดาวจันทร์ (๒) จรทำตรีโกณกับดาวราหู (๘)ด้วย
ผมจึงแปลความได้ว่าเราได้รับข่าวดีปนข่าวร้าย แต่ข่าวร้ายหนักหนาสาหัสมากกว่า แปลความว่าเราน่าจะได้ข่าวที่ไม่เลวร้ายถึงที่สุดแต่ก็ไม่ใช่ข่าวดีเป็นแน่

ประการที่สอง ว่าด้วยเรื่องศาลโลกที่มีผลต่อประเทศให้มาดูที่ดาวพฤหัสบดี (๕) เดิมอยู่ในราศีธนูของดวงเมือง เป็นเกษตรมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงดี แต่ในช่วงวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 มีข้อน่าสังเกต 2 ประการ คือ 1. ดาวพฤหัสบดี (๕) เคลื่อนตัวถอยหลังเพียงดาวเดียว และ 2. อยู่ในราศรีเมถุนเรือนสหัสชะโดยดาวพุธ (๔)เป็นเจ้าเรือน
ทำให้ดาวพฤหัสบดีอยู่ในตำแหน่งประเอาแน่เอานอนไม่ได้ เมื่อรวมใน 2 ปัจจัยข้างต้นนี้จึงทำนายว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะพิจารณาแบบไม่ขาด คลุมเครือ และวิปริต ไม่อยู่ในครรลองที่ถูกต้อง ไม่ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเมื่อดาวราหู ดาวจันทร์ และดาวพฤหัสบดี ทำตรีโกณถึงกันนั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอยู่ภายใต้การเจรจาเล่ห์เพทุบาย อิทธิพล และ ความหลงมัวเมาในผลประโยชน์

ประการที่สาม จากการตีความของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศครั้งนี้ทำให้ดาวอาทิตย์ (๑) ซึ่งเดิมอยู่ในราศีเมษเป็นดาวประจำคู่กับลัคณาดวงเมืองเป็นมหาอุจจ์ เคลื่อนย้ายไปอยู่ในเรือนราศีตุลย์กลับกลายเป็นนิจจ์ หมายถึงในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ประเทศจะได้รับความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ รัฐบาลจะเสียหายหนักอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อดาวอังคาร (๓) เคลื่อนมาอยู่ในเรือนปุตตะราศีสิงห์ และดาวศุกร์ (๖) เคลื่อนมาอยู่ในราศีศุภะในราศีธนูได้ตำแหน่งมหาจักร์ ต่างทำตรีโกณถึงลัคนาดวงเมืองถึงเวลานั้นรัฐบาลจะอ่อนแอลงท่ามกลางความขัดแย้งและการต่อรองระหว่าง"ความมั่นคงทางทหาร" กับ "ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน"

ประการที่สี่ ที่น่าสนใจมากๆในประการต่อมาคืนวันเดียวกันนั้นเอง ดาว 4 ดวงมาเล็งดวงเมืองพร้อมๆกัน คือดาวอาทิตย์ (๑), ดาวพุธ (๔), ดาวเสาร์ (๗), ดาวราหู (๘) และดาวเกตุ (๙) มาอยู่รวมกันที่ราศีตุลย์อย่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เพราะแม้การตีความของศาลโลกอาจไม่ได้เป็นคุณต่อประเทศไทย แต่ก็ไม่ได้เป็นโทษอย่างถึงที่สุด ทำให้เกิดการตีความและการทำสงครามโฆษณาชวนเชื่อจากฝ่ายรัฐบาล (ซึ่งจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่) ในขณะเดียวกันเรากลับพบเรื่องที่น่าสนใจคือ ดาวเสาร์ (๗) ซึ่งแปลว่าหมายถึงแผ่นดินและประชาชนในระดับล่างต่างมีความเป็นมหาอุจจ์มีความเป็นปึกแผ่น เมื่อมาเป็นคู่มิตรกับราหู (๘) ได้ตำแหน่งราชาโชค และดาวเกตุ (๙) หมายถึงความคิดในหมู่ประชาชนที่จะใช้การต่อสู้ "นอกกรอบ" "ใต้ดิน" เป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้ไทยต้องเสียดินแดนตามคำวินิจฉัยที่วิปริต ผมแปลความได้ว่าน่าจะมีการเคลื่อนไหวไม่รับอำนาจศาลโลกกันมากขึ้น จะทำให้เกิดการเจรจาและการพูดคุยกันระหว่างไทย-กัมพูชาอีกครั้ง ท่ามการการตรึงกำลังของทหารต่อไป

ส่วนหลังจากนี้รัฐบาลจะเป็นอย่างไร ขออนุญาตหยุดทำนาย รู้เองคนเดียวและรู้เฉพาะเพื่อนมิตรเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม และคนคำนวณก็มิสู้ฟ้าลิขิตจริงๆนะครับท่านทั้งหลาย

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

75
 เกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ วลีที่ฮิตในโลกโซเชี่ยลมีเดีย #มึงไทยมาก กำลังระบาดไปทั่วโลกออนไลน์
มีบ้างที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไป หากใครอ่านผ่านๆ อาจหลงคิดว่าเป็นคำชม (เพราะคนไทยยังไง๊ยังไงก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกนะสิ) แต่ขอโทษ เขาด่าต่างหาก!!!!!
 
มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ว่าอารมณ์ของวลีนี้คล้ายกับที่เราไปเอาชื่อประเทศเพื่อนบ้านมาล้อในเชิงดูถูกเพื่อให้คนที่ถูกล้อเป็นตัวตลกเช่น ไอ้ลาว เป็นต้น

จากการตรวจสอบ มีการอ้างว่าที่มาของวลีนี้ มาจากคนไทยคนหนึ่งซึ่งสรุปมาจาก ข้อความ 15 ข้อ ที่อ้างว่าเป็นชาวฟิลิปปินส์เขียนถึงคนไทยในเพจที่อ้างว่าเป็นเพจของ AEC หรือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพราะทนความดราม่าเหลือเกินของคนไทยไม่ไหวอีกต่อไป

ในเนื้อหาระบุว่า
let me tell you 15 reasons why Thais sucks!!!!!

1.  they′re bad at english. they′re terrible!!
(คนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษ เรียกได้ว่าแย่มาก ๆ เลยล่ะ)

2.  they think their country is better than other countries (or best in the world)
(คนไทยคิดว่าประเทศของตัวเองดีกว่าประเทศอื่น ๆ หรือ ดีที่สุดในโลก)

3.  they use Thai language on global websites because they′re too dumb and they have no manners.
(คนไทยใช้ภาษาไทยในเว็บไซต์ระดับโลก เพราะพวกเขาโง่เกินกว่าจะเข้าใจ และไม่มีมารยาทด้วย)

4.  they′re Steve Jobs′ slaves.
(คนไทยเป็นทาสของ สตีฟ จ็อบส์)

5.  they′re retarded. very close to the north korean level.
(ประเทศของเขาไม่พัฒนาไปไหน ใกล้จะเป็นเหมือนประเทศเกาหลีเหนือไปแล้วทุกที)

6.  they use pirated softwares.
(คนไทยใช้ซอฟท์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์)

7.  they hate democracy. they don′t even have it right now.
(คนไทยเกลียดประชาธิปไตย และแม้แต่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่มีประชาธิปไตยเลย)

8.  feudalism!!
(พวกเขายังยึดถือระบบเจ้าขุนมูลนาย)

9.  they snub other countries in ASEAN. especially Laos and Cambodia. they think their country is better... no they′re not.
(คนไทยดูแคลนประเทศอื่นในอาเซียน โดยเฉพาะ ลาว และ กัมพูชา พวกเขาคิดว่าประเทศตัวเองดีกว่าประเทศอื่น แต่มันไม่ใช่เลย)

10. faith is bigger than reasons.
(คนไทยทำลายล้างพระพุทธศาสนา)

11. they destroyed Buddhist.
(คนไทยทำลายล้างพระพุทธศาสนา)

12. they′re hypocrites. their country is one of the biggest sex market in the world, they still refuse to admit it.
(คนไทยยังคงหลอกตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ ประเทศของเขาเป็นตลาดค้ามนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับไม่ยอมรับ)

13. their football team sucks!!!
(ฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นทีมที่ห่วยแตกมาก)

14. their gov killed their own citizens!!
(รัฐบาลของเขา ฆ่าประชาชนของตัวเอง)

15. ...........

     แค่ข้อแรกก็จี๊ดแล้ว อ่านจบทั้ง 15 ข้อแล้ว เล่นเอาจุกไปเลยทีเดียว คิดในแง่ดีก็ถือโอกาสปรับปรุงตัวแล้วกัน


18 ส.ค. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 32