ผู้เขียน หัวข้อ: เสรีราตรีสุข’ เพศสัมพันธ์ฉาบฉวย...แพร่เอดส์ให้คนไทย  (อ่าน 1154 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9785
    • ดูรายละเอียด
จากกรณีข่าวโสเภณีสาวชาวยูเครน 5 คน ออกมายอมรับถึงสถานภาพการเป็น ‘เอดส์’ ของตัวเอง และเจตจำนงในการให้บริการในช่วงฟุตบอลยูโร 2012 ที่กำลังจะมาถึง โดยยังเผยถึงสถิติน่าตกใจของประเทศยูเครนว่า มีชาวยูเครนร้อยละ 1 ติดเชื้อ หรือราว 50,000 คน ถือว่าเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด และมีหญิงขายบริการที่ติดเชื้ออยู่ถึงร้อยละ 17
       
       แต่ในความเป็นจริงแล้ว...อาจมีมากกว่า
       
       เมื่อย้อนกลับมาดูที่สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย ก็พบอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหวั่นใจไม่แพ้กัน จากที่ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่เลขา ที่ปรึกษาแพทยสภาได้พิจารณาข้อบังคับว่าด้วยการตรวจเลือดของวัยรุ่นตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองหากจะมาตรวจเลือด ทั้งยังมีข้อมูลสถิติอีกมากมายที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาโรคเอดส์ในเมืองไทย
       
       อาจเพราะไลฟ์สไตล์ในด้านของการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งของคนที่เปลี่ยนแปลงไป และความฉาบฉวยที่แทบจะเป็นฉายาของยุคสมัยนี้ นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้หลายครั้งการป้องกัน หรือความเสี่ยงต่อโรคร้ายถูกเพิกเฉย
       
       สถานการณ์เอดส์ในประเทศไทย
       
       ภูมิความรู้โดยทั่วไปในประเทศไทยของการติดเชื้อเอชไอวี (Human immunodeficiency virus, HIV) ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ในกรณีของมนุษย์จะทำให้ระบบภูมิต้านทานล้มเหลว และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หลายครั้งมีความเข้าใจผิดว่า ต้องมีการสอดใส่ถึงจะติดเชื้อได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เชื้อเอชไอวีนั้นจะติดได้จากน้ำทุกส่วนในร่างกาย แต่มีมากในเลือด น้ำอสุจิ น้ำคัดหลั่ง และน้ำนมแม่ ขณะที่น้ำตา น้ำลาย น้ำมูก และเสมหะนั้นมีอยู่น้อย ขณะที่อุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อแทบไม่มี
       
       ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะติดเชื้อทางปาก หากในปากเป็นแผล บอกได้เลยว่าแท้จริงแล้ว ความเสี่ยงของการติดเชื้อนั้นมีมากกว่าการป้องกันเพียงแค่สวมถุงยางเท่านั้น
       
       โดยปกติแล้วในสังคมเหมือนจะเป็นที่รับรู้กันว่า การมีเพศสัมพันธ์โดยปราศจากความรู้นั้น ถือเป็นปัญหาหนึ่งของประเทศ ด้วยเพราะวัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย ที่ไม่ได้พูดถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างเปิดเผย ส่งผลต่อเพศศึกษาในประเทศที่ไม่แข็งแรงพอจะให้ความรู้ที่เพียงพอได้
       
       ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาอย่าง วัยรุ่นท้องไม่พร้อมที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยแม่ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี มีถึง 10,000 คนในปี 2551 นำไปสู่การทำแท้งซึ่งพบถึงร้อยละ 46.8 ของผู้หญิงทำแท้งที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี รวมถึงปัญหาเด็กถูกทอดทิ้งมีถึงปีละ 800 คน การมีเพศสัมพันธ์ช่วงอายุที่น้อยลงโดยผู้ชายต่ำสุดอายุ 9 ปีและผู้หญิง 10 ปี
       
       ศูนย์วิจัยพฤติกรรมประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเปิดเผยถึงข้อมูลด้วยว่า วัยรุ่นอายุ 18 - 24 ปี ร้อยละ 80 ของวัยรุ่นเพศชาย ร้อยละ 63 ของวัยรุ่นเพศหญิงเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว และในกลุ่มเดียวกันนี้ เกินกว่าร้อยละ 30 ของวัยรุ่นเพศชายเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุน้อยกว่า 16 ปี ขณะที่ตัวเลขของวัยรุ่นหญิงคิดเป็นร้อยละ 9
       
       แต่ทว่าความเสี่ยงของการติดเชื้อก็ไม่ได้อยู่เฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น เพราะข้อมูลสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย ของศูนย์ข้อมูลทางระบาดวิทยา สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า สถิติของผู้ติดเชื้อแยกตามอาชีพแล้ว จะพบว่าอาชีพเกษตรกรรม และข้าราชการ ซึ่งนักเรียน/นักศึกษาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ
       
       นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า กลุ่มช่วงอายุของผู้ติดเชื้อนั้นก็อยู่ในช่วงวัยแรงงานและวัยเจริญพันธุ์ (อายุ 15-59 ปี) เป็นร้อยละ 93.95 พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 30-34 ปี ร้อยละ 24.97 รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 25-19 ปี ร้อยละ 21.73 และกลุ่มอายุ 35-39ปีร้อยละ 18.19
       
       เมื่อมองดูสถิติพวกนี้แล้วก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ช่วงอายุเหล่านี้ไม่รู้จักวิธีป้องกันได้อย่างไร
       
       และเมื่อมองไปที่สถิติของหญิงขายบริการในประเทศไทยสำรวจโดย Thai working group ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า หญิงบริการติดเชื้อน้อยมาก แต่ที่ติดเชื้อมากที่สุด คือการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ชายรักชาย หรือเพศสัมพันธ์นอกสมรส หรือวัน ไนท์ สแตน
       
       เสรีราตรีสุข
       
       ไลฟ์สไตล์ของสัมพันธ์อย่างที่เรียกกันว่า ‘วัน ไนต์ สแตนด์’ นั้นคือ พฤติกรรมของชายหญิงที่เที่ยวกลางคืน ตามสถานบันเทิงอย่าง ผับ บาร์ เธค แล้วชวนกันไปมีความสัมพันธ์กันหลังจากรู้สึกถูกอกถูกใจ เพื่อระบายความต้องการทางเพศและความใคร่ ซึ่งทำให้มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น และเมื่อผ่านคืนนั้นไปแล้ว ต่างคนก็ต่างไปโดยไม่ต้องมีอะไรเป็นข้อผูกมัด หรือมีความผูกพันทางด้านจิตใจต่อกัน โดยกระบวนการทั้งหมดนั้นจะเริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว
       
       โดยพฤติกรรมนี้ แน่นอนว่าในหมู่วัยรุ่นนักศึกษา ซึ่งเป็นวัยที่ชอบความตื่นเต้น และอยากรู้อยากเห็นอย่าง บอส (ขอสวงนชื่อและนามสกุลจริง) นักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เล่าถึงประสบการณ์ ขั้นตอนการมีความสัมพันธ์ให้ฟังว่า แทบจะเป็นเรื่องปกติ ยิ่งหากเป็นหนุ่มนักเที่ยวที่หน้าตาดีๆ หน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำวัน ไนต์ สแตนด์ ได้
       
       “เดี๋ยวนี้มันเหมือนเป็นที่รู้กันแล้วนะ ผมว่าแทบทุกวันมาเที่ยวก็ต้องการที่จะ วัน ไนต์ สแตนด์ กัน มาหาผู้หญิง ส่วนพวกผู้หญิงที่มาตามร้านพวกนี้ บางทีก็อาจจะเป็นผู้หญิงที่ทางร้านเขาจ้างมาเพื่อให้มายืนเรียกกระแสให้พวกผู้ค้าผู้ชายเขาชวนๆ กันมายืนร้านนี้นะ แต่บางทีก็อาจจะมาเช็กเรตติ้ง หรือที่เรียกกันว่า บริหารเสน่ห์”
       
       เพราะหลายครั้งที่ไปเที่ยว เขาก็จะพบกลุ่มผู้หญิงมาเที่ยวกันเพียงคนหรือสองคนบ้าง ซึ่งเขาคิดว่าปกติแล้วผู้หญิงหากจะมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้น่าจะมากับเพื่อนหลายๆ คน วัน ไนต์ สแตนด์ ที่เป็นเป้าหมายของหนุ่มหลายๆคนจึงเป็นกลยุทธ์ในการดึงลูกค้าของที่เที่ยวกลางคืนด้วย
       
       “แล้วก็จะเป็นที่รู้กันในหมู่นักเที่ยว ว่าร้านไหนน่าไปยืน ร้านไหนคนที่ไปจะอายุเท่าไหร่ อย่างย่านทองหล่อ ร้านใหญ่สองร้าน ร้านหนึ่งจะกลุ่มวัยรุ่นหน่อย อีกร้านมักจะเป็นวัยทำงานแล้ว แต่ที่ในหมู่นักเที่ยวอย่างผมชอบก็ต้องเป็นร้านที่อยู่ในละแวกมหาวิทยาลัย เพราะมีนักศึกษามาเที่ยว รุ่นเดียวกันก็คุยกันรู้เรื่อง”
       
       ในส่วนของ วัน ไนต์ สแตนด์ นั้น เขาเห็นว่ามีอยู่หลากหลายรูปแบบ จนเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกมันว่า วัน ไนต์ สแตนด์หรือไม่
       
       “บางทีก็ขอพินบีบี หรือวอร์ทแอปไปคุยกันก่อน แล้วอาจจะมีความสัมพันธ์ แต่บางทีผู้หญิงเขาจะให้พินมา แล้วให้เราคุยเพื่อแก้เหงาเท่านั้น หลายครั้งก็ไม่มีอะไร แต่บางครั้งคุยกันในผับ เผลอๆ ผู้หญิงเป็นฝ่ายออกปากชวนไปหอเลยนะ คือผมว่ายุคนี้มันก็ง่ายขึ้น”
       
       ความง่ายขึ้นของยุคสมัยนี้ สอดคล้องกับความคิดของ ปรัชญา กุลธำรง บรรณาธิการนิตยสารรัช ที่ฉายภาพไลฟ์สไตล์คนหนุ่มวัยทำงานว่า ยุคนี้ผู้ชายผู้หญิงถูกเนื้อต้องตัวกันมากขึ้น และยังถูกตาต้องใจกันได้ง่ายขึ้นด้วย
       
       “ผมว่าวัน ไนต์ สแตนด์ มันพบเจอได้ทุกๆ คืนนะ เป็นไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ทั้งวัยทำงาน วัยรุ่น ผู้หญิงสมัยนี้ก็สวยเยอะ แต่งตัวหน่อย ทำตัวดูดีหน่อย หน้าตาก็ดูดีแล้ว สมัยนี้ผู้หญิงสวยง่ายดูดีง่าย ผู้ชายก็อยากได้ไปหมดเป็นธรรมดา”
       
       จากประสบการณ์ในหมู่บ้านเพื่อนฝูง เขาเห็นว่า หากเป็นคนหนุ่มที่ชอบไปเที่ยวก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
       
       “บางทีวัน ไนต์ สแตนด์ เราไม่ได้เดินเข้าไปหามัน มันเดินเข้ามาหาเราเอง แต่วิธีที่จะป้องกันได้คือเราต้องป้องกันตัวของเราเอง ส่วนใหญ่คนเที่ยวแบบนี้ เขาจะมีถุงยางพกไว้ในรถอยู่แล้ว หรือว่าผู้หญิงเองถ้าไม่มีถุงยางเขาก็ไม่ค่อยยอมนะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เอดส์น่ากลัว ผมว่าเดี๋ยวนี้คนค่อนข้างมีภูมิความรู้อยู่แล้วว่าต้องป้องกันยังไง”
       
       ทว่าในส่วนของเสี่ยงจากสัมพันธ์ในช่วงมึนเมาแล้ว ภาคภูมิ สิทธิวุฒิ ผู้บริหารเว็บไซต์ I like massage ศูนย์รวมข้อมูลบริการอวบ อบ นวดบอกว่า มีความเสี่ยงที่สูงกว่า
       
       “หิ้วกันตามผับบาร์ ผมว่าเสี่ยงกว่าอาบ อบ นวดครับ เพราะไม่มีการตรวจ และพวกวัยรุ่นนี้ไปกันทุกวันด้วย”
       
       ซึ่งในฐานะของผู้ให้ข้อมูลด้านนี้ เขาเล่าว่าอาบ อบ อวด หากปฏิบัติตามกฎจะค่อนข้างปลอดภัย ด้วยเพราะหญิงบริการรู้ถึงวิธีป้องกันอยู่แล้ว ซึ่งมีมาตรการป้องกันสองชั้นด้วยกัน 1.มีการตรวจสุขภาพของหญิงที่ให้บริการทุกๆสองสัปดาห์ 2. สวมถุงยางทุกครั้ง
       
       แต่ทว่าความเสี่ยงของนักเที่ยวระดับป๋านั้น จะอยู่ที่การหลังไมค์ หรือนอกกฎเกณฑ์ทั้งหมด
       
       “ความเสี่ยงมันจะเกิดจากหลังไมค์อย่างเดียว ถ้าวิ่งตามกฎความเสี่ยงมันน้อยมาก แต่จะมีเสี่ยงที่อาจจะมาเที่ยวบ่อยๆ แล้วขอไม่สวมถุง หรืออาจจะทิปหนักๆ ซึ่งตรงนี้ผมบอกไม่ได้จริงๆ ว่า มีมากหรือน้อย แต่มันมีอยู่”
       
       โดยอาบ อบ นวด นั้น เป็นบริการที่ลูกค้าส่วนมากเป็นวัยผู้ใหญ่แล้ว ด้วยเพราะกลุ่มวัยรุ่นที่อายุน้อยลงมา หากจะไปเที่ยวในทำนองนี้ก็จะไปนวดกระปู๋เสียมากกว่า
       
       “ผมว่านวดกระปู๋เสี่ยงกว่า เพราะมันไม่มีกฎหมายป้องกันเหมือนอวบ อบ นวด ซึ่งในนวดกระปู๋จะมีบริการสามระดับด้วยกัน”
       
       ระดับแรกคือสำเร็จความใคร่ให้ อาจมีบริการเสริมที่จะเก็บเงินเพิ่มอย่างการใช้ปากให้ ระดับสอง บีคอร์ส หรือบีทูบี บอดี้ทูบอดี้ คือการนวดให้ด้วยร่างกาย แต่ไม่มีเพศสันพันธ์ ส่วนในระดับสุดท้ายคือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะเหมือนในอาบ อบ นวดนั่นเอง
       
       “ซึ่งในกลุ่มวัยรุ่นตอนนี้จะเป็นนิยมด้วยความรับรู้ของบริโภคตอนนี้ที่ว่า ผู้หญิงนวดกระปู๋จะสวยกว่าอาบ อบ นวด แต่ไม่มีกฎหมายป้องกัน ไม่มีการตรวจโรค”
       
       มาตรฐานโลกียชน
       
       โดยทั่วไปแล้วโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น หลายคนจะให้ความสำคัญและระมัดระวังแต่เพียงโรคเอดส์ หากแท้จริงแล้วโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีมากมายกว่านี้
       
       “ในทุกวันนี้มันไม่ได้มีแค่เอดส์ ยังมีหนองใน หนองในเทียม หูดหงอนไก่ ซิฟิลิส เริม พยาธิช่องคลอด โลน ก็ถือเป็น แม้กระทั่งไวรัสตับอักเสบบี ถ้าถามว่าโรคไหนเจอเยอะที่สุดโดยไม่นับเรื่องเอดส์นั้น ก็ต้องมองในสองภาพ โดยภาพแรกคือสถิติจากคนที่มาตรวจที่โรงพยาบาลก็จะเป็นหนองใน แต่ถ้าดูในภาพรวมทั้งหมดก็อาจจะเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการอย่างเช่นหนองในและหนองในเทียมในผู้หญิง แต่ถึงแม้จะไม่มีอาการแต่ก็สามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อได้เช่นกัน”
       
       พญ.อังคณา เจริญวัฒนาโชคชัย ผู้บริหารหัวหน้ากลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ฉายภาพเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปัจจุบัน ซึ่งเธอยังกล่าวต่อไปว่าทางกรมควบคุมโรคนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ โดยที่ผ่านมาก็มีมาตรการและนโยบายออกมาตลอด
       
       “นโยบายของเราที่ทำมา มีการเข้าไปตรวจคัดกรองโรคให้แก่น้องๆ ที่ทำงานบริการ เพราะบางทีพวกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่างนั้นมันก็ไม่มีอาการ เพื่อที่ว่าถ้ามีการติดเชื้อก็จะได้ทำการรักษาเพื่อความปลอดภัยของเขาเองและไม่มีการแพร่กระจายโรค ส่วนเรื่องการตรวจนั้น ถ้าเป็นสถานบริการที่สามารถเข้าถึงได้ ไม่ได้ปิดบังเราก็จะเข้าไปตรวจ ซึ่งเราทำมานานแล้วและทำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย แต่ก็ต้องยอมรับว่าในทุกวันนี้มีสถานบริการที่ไม่เปิดเผยตัวอีกมาก และกับคนที่ทำแบบฟรีแลนซ์ รวมทั้งพื้นที่ใหม่ๆ อย่างอินเทอร์เน็ต ซึ่งตรงนี้ทางเราก็ไม่สามารถเข้าถึงได้”
       
       นอกจากการตรวจแล้วยังมีการรณรงค์ให้คนทำงานบริการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าสถานบริการแห่งไหนปลอดโรค มันก็จะเป็นผลดีกับพวกเขาเอง ลูกค้าที่มาก็จะมั่นใจว่าปลอดภัย จนเหมือนเป็นกฎเลยว่าคนทำงานจะต้องไปตรวจ ซึ่งนโยบายของกรมควบคุมโรคนั้น จะต้องมีการตรวจกันเดือนละ 1 ครั้ง แต่ในทางปฏิบัติแล้วการไปตรวจโดยเอกชนก็อาจจะเป็นทุก 3 เดือน
       
       แต่กระนั้นการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น จากการมีกิจกรรมทางเพศนอกสถานบริการก็ยังคงเป็นสิ่งที่มีอยู่และควบคุมได้ยากเสียด้วย
       
       “สำหรับในพื้นที่ที่เราควบคุมไม่ได้ ก็อาจจะต้องใช้มาตรการด้านการรณรงค์ และจะต้องใช้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพราะคนทุกคนเป็นหน่วยหนึ่งในสังคมและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ต้องดูแลปัจจัยแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการที่ต้องให้ความรู้ หรือแม้กระทั่งจะเป็นองค์กรของเอกชนก็มีการเข้ามาร่วมรณรงค์ด้วย แต่การจะเปลี่ยนความคิดของคน มันไม่ใช่แค่การเข้าไปบอกเขา แต่ต้องเป็นการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างทัศนะคติที่ถูกต้องให้เกิดขึ้น”
       
       ..........
       
       มาถึงตอนนี้ดูเหมือนไลฟ์สไตล์เสรียามค่ำคืนที่ผกผันแปรเปลี่ยน ทั้งวัน ไนต์ สแตนด์ ในหมู่วัยรุ่น และวัยทำงานหรือการนวดกระปู๋ แม้กระทั่งอาบ อบ นวดก็ดูจะมีสิทธิ์เพิ่มความเสี่ยงให้แก่การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ทั้งสิ้น
       
       สิ่งหนึ่งที่สำคัญนั่นคือการระมัดระวัง หากแต่ทว่าเพียงสวมถุงยางอย่างเดียวนั้น อาจไม่สามารถป้องการติดโรคได้ทั้งหมด สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งก็คือองค์ความรู้ที่เข้าใจถึงความเสี่ยง และเรียนรู้ถึงวิธีการป้องกันอย่างถูกต้อง
       
       
       เรื่อง : ทีมข่าว CLICK


ASTVผู้จัดการรายวัน 29 มีนาคม 2555