ผู้เขียน หัวข้อ: “ขจรศักดิ์-วิทยา-ศุภมิตร” รับรางวัลแพทย์ดีเด่น  (อ่าน 913 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
  “ขจรศักดิ์-วิทยา-ศุภมิตร” รับรางวัลแพทย์ดีเด่นแพทยสภาประจำปี 2555 องคมนตรีเน้นย้ำเรื่องความมีน้ำใจ ฝากสถาบันผลิตแพทย์ปลูกฝังนิสิตนักศึกษาและให้ยึดถือแพทย์ดีเด่นฯเป็นแนวทางปฏิบัติ
       
       วันนี้ (1 พ.ย.) ที่ห้องแกรนด์ฮอลล์ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในการมอบรางวัลแพทย์ดีเด่นแพทยสภา ประจำปี 2555 ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.นพ.ขจรศักดิ์ ศิลปโภชากุล อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นแพทย์ดีเด่นด้านกลุ่มอาจารย์แพทย์ 2.นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลขอนแก่น เป็นแพทย์ดีเด่นด้านกลุ่มแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน และ 3.นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิประจำกรมควบคุมโรค เป็นแพทย์ดีเด่นด้านกลุ่มแพทย์ผู้บริหาร
       
       ศ.นพ.เกษม กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นแพทย์ คือ เรื่องความมีน้ำใจ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่หายาก เนื่องจากมีภาวะการแข่งขันสูง และมีเรื่องของการแสวงหารายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่แพทย์ดีเด่นแพทยสภาประจำปี 2555 ทั้ง 3 ท่าน มีคุณสมบัติตรงนี้และมีแนวปฏิบัติทั้งในเรื่องการครองตน ครองคน และครองงานที่ควรค่าแก่การดำเนินตาม โดยเฉพาะสถาบันผลิตแพทย์ที่ควรปลูกฝังให้นิสิตนักศึกษาแพทย์เห็นความสำคัญเรื่องของความมีน้ำใจเป็นหลัก และยึดถือแนวทางปฏิบัติของแพทย์ดีเด่นฯเป็นแบบอย่างในการเป็นแพทย์ที่ดีต่อไปในอนาคต
       
       ด้าน นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการเป็นแพทย์คือการรักษาผู้ป่วยแล้วต้องทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคภัยใกล้เจ็บ ในฐานะที่เป็นอาจารย์แพทย์จึงอยากฝากถึงนิสิตนักศึกษาแพทย์ว่า การทำหน้าที่ตรงนี้ถือเป็นการทำงานรับใช้ชาติอย่างหนึ่ง แม้ทุกวันนี้แพทย์จะมีภาระงานที่เพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 10-15 ซึ่งผลวิจัยชี้ชัดแล้วว่าการที่แพทย์ทำงานมากจนเกินไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วย อย่างการทดลองให้อ่านค่าหัวใจก่อนและหลังขึ้นเวร พบว่าหลังขึ้นเวรมีการอ่านค่าผิดพลาดเยอะกว่ามาก นี่เป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องได้รับการแก้ไข ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมาระดมความคิดกันเพื่อแก้ปัญหา
       
       “แม้แต่การคัดเลือกแพทย์เข้าเรียน พ่อแม่ควรสอบถามลูกก่อน เช่น 6 เดือนที่ผ่านมาเคยมีความรู้สึกสงสารคนอื่นหรือไม่ ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะคนที่จะเรียนแพทย์ได้ต้องเป็นคนมีความกรุณา และต้องเป็นคนที่มีบริหารจัดการเวลาเก่ง นอกจากนี้ คนที่จะเป็นแพทย์ พ่อแม่ควรหัดให้รับใช้คนอื่นตั้งแต่เด็ก เพื่อเป็นแพทย์ที่รู้จักความลำบากของชีวิตและรู้จักการสงสารผู้อื่น” นพ.ขจรศักดิ์ กล่าว
       
       นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนประชาชนตนขอแนะนำว่า การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ควรมีการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงมากกว่าป่วยแล้วจึงไปโรงพยาบาล เนื่องจากทุกวันนี้คนเป็นป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อมากกว่าโรคติดต่อ ซึ่งมีที่มาจากวิถีการดำเนินชีวิต ดังนั้น ต้องเน้นในเรื่องป้องกันเป็นหลัก หากไม่สูบบุหรี่ มีการออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถลดจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานลงไปได้ครึ่งหนึ่ง
       
       นพ.วิทยา กล่าวว่า สำหรับการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ประชาชนควรปฏิบัติตัวให้อยู่ในหลักศีล 5 เช่น เราไม่ประพฤติผิดในกามก็ไม่เสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อเอชไอวี หรือไม่เสพติดของสุราและสิ่งมึนเมาก็จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้มาก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากถึง 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ควรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตด้วย นอกจากนี้ อยากให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหุตให้มากขึ้นด้วย
       
       นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า การป้องกันประชาชนไม่ให้ป่วยขึ้นอยู่กับรูปแบบของการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญคือต้องไม่ประมาท และต้องมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แม้แต่แพทย์ก็เช่นกัน ควรมีการออกกำลังกายบ้าง เนื่องจากทุกวันนี้แพทย์ทำงานมากเกินไปจนมีเวลาพักผ่อนดูแลร่างกายตัวเองน้อยลง นอกจากนี้ อยากให้แพทย์มีความสนใจในการทำงานด้านการควบคุมโรคให้มากขึ้น และมีการแก้ไขปัญหาเรื่องรายได้ เพื่อไม่ให้แพทย์ที่ทำงานด้านควบคุมโรคนี้มีความลำบาก
       
       ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา กล่าวว่า แพทยสภาเห็นความสำคัญในเรื่องการอุทิศตน การมีคุณธรรมและจริยธรรม อย่างแพทย์ดีเด่นแพทยสภาก็ต้องมีคุณสมบัติตรงนี้ นอกจากนี้ แพทยสภายังหนุนให้แพทย์มีคุณธรรมจริยธรรมตั้งแต่เป็นนิสิตนักศึกษา โดยล่าสุดได้มีการให้สถาบันที่ผลิตแพทย์ลงนามในร่างจรรยาบรรณนิสิตนักศึกษาแพทย์ไทยแล้ว เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีงามของนิสิตนักศึกษา

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    1 พฤศจิกายน 2555