ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.ตั้งเป้าปั้นเด็กไทยพัฒนาการสมวัย90%-ไอคิวทะลุ100ในปี2559  (อ่าน 909 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน “รวมพลังสร้างชาติ แม่และเด็กไม่ขาดไอโอดีน”
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอนามัยแม่และเด็ก เน้นป้องกันเด็กปัญญาอ่อน เร่พัฒนาระดับสติปัญญาการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก จากการสำรวจพัฒนาการเด็กไทยโดยกรมอนามัย สมวัย เพียงร้อยละ73 และการสำรวจ ไอคิวของเด็กนักเรียนไทอายุ 6-15 ปี โดยกรมสุขภาพจิต พบไอคิวเฉลี่ย 99 จุด โดยสูงสุดที่ กทม. 105 จุด ต่ำสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 96 จุด ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานสากลคือ 100 จุด สาเหตุหลักเกิดจากการขาดสารไอโอดีน
 
สำหรับมาตรการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าจะให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการสมวัยร้อยละ 90 และมีไอคิวเกิน 100 จุด ภายในปี 2559 การดำเนินการใน 4 ปีนี้ จะเน้นหนัก 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การส่งเสริมสุขภาพในประชากร 5 กลุ่ม ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็กทารก เด็กปฐมวัย และ เด็กวัยเรียน รวมปีละ 14 ล้านคน โดยในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ปีละ 8 แสนคน จะเน้นให้ฝากครรภ์ทันที ที่รู้ว่าตั้งครรภ์หรือายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ให้ได้มากกว่าร้อยละ 80 เพื่อที่จะป้องกันแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และจัดระบบเฝ้าระวังระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ให้อยู่ระหว่าง 150-249 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร โดยสนับสนุนให้ได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีน เหล็กและโฟเลต ทุกคนตลอดการตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด 6 เดือน
 
2.กำหนดให้เกลือบริโภคทั้งคนและสัตว์ทุกชนิด ต้องเป็นเกลือเสริมไอโอดีน โดยได้ออกกฎหมาย ให้เกลือบริโภคต้องมีปริมาณไอโอดีน 20-40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สร้างศูนย์เรียนรู้การผลิตเกลือบริโภค เสริมไอโอดีนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปีนี้ได้สนับสนุนเครื่องผสมเกลือไอโอดีนที่ได้มาตรฐานให้กับผู้ประกอบการเกลือบริโภคเสริมไอโอดีนทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 100 เครื่อง และสนับสนุน สารโพแทสเซียมไอโอเดท เพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตเกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพและเป็นไปตามหลักกฎหมาย ที่กำหนด ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมพัฒนาชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศซึ่งมี 77,000 แห่งให้เป็นชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน และพัฒนาสู่ความยั่งยืนเป็นจังหวัดไอโอดีนทั้งหมด ภายในปี 2558
 
3.เสริมไอโอดีนในน้ำดื่มในพื้นที่ทุรกันดาร ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และรณรงค์สร้างกระแส ความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักเรื่องไอโอดีนที่มีผลต่อพัฒนาการสมวัยและสติปัญญา

มติชน