ผู้เขียน หัวข้อ: พัฟฟินบำบัด-สารคดี-เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก  (อ่าน 802 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
หน้าตาเหมือนตัวตลกของนกทะเลชนิดนี้ช่วยสร้างรอยยิ้มและปลอบประโลมจิตใจของนักดูนก

พวกมันมากันแล้ว ปีกกระพือราวกับชีพจรที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง ลำตัวสีขาวดำที่เคลื่อนไหวเร็วรวดจนเบลอ สลับกับสีส้มวูบไหวของจะงอยปากที่ใหญ่โตจนดูราวกับตัวการ์ตูน พลันยอดผาที่ว่างเปล่าและมืดมิดอยู่นานนับเดือนก็แปรเปลี่ยนเป็นความสับสนอลหม่านเมื่อย่างเข้าสู่เดือนเมษายน  หลังนกพัฟฟินแอตแลนติกผู้น่าเอ็นดูเดินทางมาถึง

            พวกมันเป็นสายพันธุ์เล็กที่สุดในบรรดานกพัฟฟินสี่สายพันธุ์ ที่แห่กันมาเพื่อจับคู่ผสมพันธุ์บนเกาะแก่งและชายฝั่งอันยับย่นของอังกฤษ  ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า นกเจ้าของชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ฟราเทอคูรา อาร์กติกา ใช้เวลาส่วนที่เหลือของปีอยู่ที่ไหนและอย่างไร พวกมันอาจอยู่ที่ใดสักแห่งในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ทางเหนือ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และแทบไม่มีผู้พบเห็น ขณะโบยบิน หากิน และล่องลอยไปกับเกลียวคลื่น

            การจับคู่ผสมพันธุ์คือข้ออ้างเดียวของนกทะเลเหล่านี้ที่จะหวนคืนสู่แผ่นดิน พวกมันเริ่มสังสรรค์ เกี้ยวพาราสี จับคู่ และจิกตีกันอย่างเอาจริงเอาจัง การรวมตัวของนกพัฟฟินแอตแลนติกมีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยคู่ในรัฐเมนไปจนถึงนับหมื่นคู่ในประเทศไอซ์แลนด์ เกาะแก่งน้อยใหญ่ของอังกฤษซึ่งเป็นสถานที่ในการถ่ายภาพของแดนนี กรีน นั้น ดึงดูดนกพัฟฟินแอตแลนติกราวร้อยละสิบจากประชากรที่คาดว่ามีอยู่ประมาณ 20 ล้านตัว (ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่ชัด)

            เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ นกพัฟฟินแอตแลนติกจะแต่งองค์เครื่องใหม่ จะงอยปากจะทั้งหนาและสดใสขึ้น ขนสีขาวงอกขึ้นมาแทนสีดำ และลวดลายประดับรอบดวงตาก็ปรากฏขึ้น หลังจับคู่กันได้แล้ว ซึ่งก็มักเป็นคู่ตัวเดิมกับเมื่อปีก่อนๆ นกพัฟฟินจะใช้จะงอยปากสีฉูดฉาดและตีนที่เป็นพังผืดขุดโพรงในดินนุ่มๆ (ในบางพื้นที่พวกมันสร้างรังอยู่ระหว่างโขดหินและก้อนหินมนใหญ่) นกเพศเมียจะวางไข่ฟองหนึ่ง ซึ่งมันและคู่จะผลัดกันกางปีกเพื่อกกไข่ ทั้งพ่อและแม่จะแบ่งหน้าที่ในการหาอาหารด้วย โดยส่วนใหญ่เพศเมียจะออกอาหารและกลับมาจากทะเลโดยมีปลาเต็มปาก และต้องคอยหลบเลี่ยงนกนางนวล นกสกัว และนกนักล่าอื่นๆ

            นกพัฟฟินมักรวมฝูงกันอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแตกต่างจากคอโลนีเพนกินที่ทั้งแออัดและเอะอะโวยวาย ตามเกาะแก่งน้อยใหญ่ของอังกฤษที่ซึ่งนกพัฟฟินไม่ถูกล่ามานานนับศตวรรษ (การล่านกพัฟฟินยังเป็นเรื่องถูกกฎหมายในประเทศไอซ์แลนด์)  เจ้านกตัวสูง 20 เซนติเมตรเหล่านี้อาจเชื่องอย่างน่าทึ่งและไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับมนุษย์ผู้มาเยือน เอียน มอร์ริสัน ซึ่งพานักดูนกมายังเกาะเทรซนิชในสกอตแลนด์ตลอด 42 ปีที่ผ่านมา บอกว่า  เขาอดสังเกตไม่ได้ว่า “การมีปฏิสัมพันธ์กับนกพัฟฟินทำให้ใครหลายคนมีความสุขจนผมอยากเรียกว่า ‘พัฟฟินบำบัด’ ครับ”

            ทว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประชากรนกพัฟฟินแอตแลนติกในคอโลนีส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง ในบางปีคอโลนีหลายแห่งเช่นในไอซ์แลนด์และนอร์เวย์แทบไม่มีลูกนกเกิดขึ้นเลย ปลาเล็กปลาน้อยอย่างปลาไหลทราย ปลาสแปรต และปลาแฮร์ริงซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพวกมันเริ่มหายากขึ้นและกระทั่งมีขนาดเล็กลง ดูเหมือนว่าอุณหภูมิของน้ำที่อุ่นขึ้นได้รบกวนห่วงโซ่อาหารเสียแล้ว

            ไมค์ แฮร์ริส ผู้ศึกษาคอโลนีนกพัฟฟินบนเกาะเมย์ของสกอตแลนด์ให้ความเห็นแบบไม่อ้อมค้อมว่า “นกพัฟฟินมีปัญหาในการเลี้ยงลูกครับ” ด้วยอายุขัยเฉลี่ยที่นานเกือบ 30 ปี ทำให้นกพัฟฟิน “สามารถเว้นวรรคจากวงจรการผสมพันธุ์ไปสักสองสามปีจนกว่าสภาพการณ์ต่างๆจะดีขึ้น” ไมค์กล่าว “แต่แนวโน้มของอัตราการเกิดที่ต่ำอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันเริ่มส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรทั้งหมดแล้ว”

            แต่ในเวลาเดียวกันก็มีเรื่องน่าดีใจในคอโลนีสองสามแห่ง เช่นที่เกาะสโกเมอร์ในเวลส์ จำนวนนกพัฟฟินที่นั่นเพิ่มขึ้น โพรงต่างๆเต็มไปด้วยไข่  ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครเข้าใจอย่างถ่องแท้  พอล่วงเข้าสู่เดือนสิงหาคม บรรดาลูกนกในคอโลนีแห่งนี้ต่างพร้อมจะจากไป พวกมันเดินตุปัดตุเป๋ลงมาตามเนินเขาสูงชันเพื่อว่ายน้ำและบินออกไปเผชิญความหนาวเย็น ตลอดหลายเดือนตามลำพัง พวกมันรู้จักทางกลับมายังบ้านหลังนี้ แล้วถ้าคุณเป็นนกพัฟฟิน  คุณจะยอมพลาดโอกาสกลับมาพบปะเพื่อนฝูงในฤดูใบไม้ผลิเชียวหรือ

เรื่องโดย ทอม โอ’นีล
สิงหาคม