ผู้เขียน หัวข้อ: ลงโทษ 'คลานเข่า' นร.หญิงมาสาย ครูอ้างเป็นวิถีกุลสตรี  (อ่าน 762 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9803
    • ดูรายละเอียด
นักเรียนแห่ร้อง โรงเรียนหญิงล้วน ย่านสุขุมวิท ลงโทษนักเรียนที่มาสายเกินกว่าเหตุ ด้วยการคุกเข่าคลาน ด้านอาจารย์บอกนี่คือวิถีกุลสตรี ทำไปเพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบ...

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. มีรายงานว่า นักเรียนโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังย่านสุขุมวิท แห่พากันติดแฮชแท็ก #snfact และ #sn เข่าด้าน ในทวิตเตอร์ โดยมีภาพหัวเข่าถลอกเป็นจำนวนมาก เนื้อหาระบุว่า เป็นการลงโทษนักเรียนที่มาสาย ขณะที่นักเรียนหญิง ชั้น ม.5 คนหนึ่งเปิดใจกับไทยรัฐออนไลน์ ว่า ภาคเรียนที่ 2 มีการปรับเวลาเข้าแถวจากเดิม 07.45 น. เป็นเวลา 07.30 น. ส่งผลให้มีนักเรียนมาสายเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยการจราจรที่ติดขัดย่านอโศก สุขุมวิท ล่าสุด ถูกลงโทษโดยการคลานเข่ากับพื้นถนนคอนกรีต ระยะทางกว่า 100 เมตร จนนักเรียนนับร้อยเป็นแผลถลอกที่หัวเข่า

จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์จึงต่อสายไปสอบถามยังฝ่ายปกครอง ของโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งอาจารย์ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 เมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ปรับเวลาการเข้าแถวจาก 07.45 น. เป็น 07.30 น. เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนคาบเรียน จากเดิม 8 คาบ เป็น 9 คาบ และได้แจ้งให้ผู้ปกครองรับทราบแล้วตั้งแต่ประชุมก่อนเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ ในเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ได้ลงโทษมาแล้วหลายรูปแบบ เพื่อให้นักเรียนเกิดความหลาบจำ แต่ไม่มีการเฆี่ยนตี หรือต่อว่านักเรียน สำหรับการลงโทษที่ผ่านมา ได้แก่ การกระโดดตบ วิดพื้น คัดลายมือลงสมุด และอีกหลายรูปแบบ แต่ก็ยังพบว่านักเรียนยังมาสายกันเป็นจำนวนมาก จึงได้คิดวิธีให้นักเรียนที่มาสายคลานเข่า ไปยังอาคารเรียน เพื่อให้เรียนรู้ถึงความเป็นกุลสตรี โดยวันนี้ (12 ธ.ค.) ได้นำวิธีการดังกล่าวมาใช้เป็นวันแรก แต่ผลออกมาแบบนี้ก็คงต้องปรับวิธีการลงโทษรูปแบบใหม่ต่อไป แต่ขอยังไม่เปิดเผย

ด้าน รศ.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า อยากให้อาจารย์พิจารณาถึงสาเหตุการมาสายของนักเรียนที่แท้จริงก่อนลงโทษ เพราะในจำนวนกลุ่มที่มาสาย จะมีส่วนหนึ่งที่สายประจำ และอีกส่วนหนึ่งที่สายเพราะความไม่ตั้งใจ เช่นเกิดจากสภาพการจราจร อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ในกรุงเทพฯ ช่วงเช้าๆ เป็นอย่างไร ระบุวิธีการลงโทษด้วยวิธีดังกล่าว ไม่น่าเกิดขึ้นในยุคนี้ ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เมื่อตรวจสอบกับข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษา พ.ศ. 2548 ตามข้อ 6 ที่ระบุไว้ว่า ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยคำนึงถึงอายุนักเรียน หรือนักศึกษาและความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการ ลงโทษด้วยการลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษาให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือนักศึกษาให้รู้สำนึกในความผิด และกลับประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป ให้ผู้บริหารโรงเรียน หรือสถานศึกษา หรือผู้ที่บริหารโรงเรียน หรือสถานศึกษามอบหมายเป็นผู้มีอำนาจในการลงโทษนักเรียน นักศึกษา.

ไทยรัฐออนไลน์ 12 ธ.ค. 2557