ปลายฝนแล้ว ค่ะ ช่วงเวลานี้จะมองไปทางไหนก็ชุ่มชื่นหัวใจ ลองจินตนาการดูสิคะ ไหนจะอากาศเย็นสบายหลังฝนตกใหม่ๆ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มงามตา แล้วยังไอหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งเริงเล่นยอดเขาอีก...อืมแค่นึกถึงก็มีความสุข แล้ว อย่ากระนั้นเลยเราจึงอยากเชิญชวนคุณเดินทางไปเที่ยวที่ ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สัมผัสผืนป่าสีเขียวๆ ไอหมอกขาวๆ และอากาศเย็นๆ กันดีกว่า
ในอดีตกว่า 50 ปีก่อน ตำบลปิล๊อกเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในฐานะแหล่งแร่ดีบุกและวูลแฟรม มีสัมปทานเหมืองแร่เกิดขึ้นมากมายยิ่งกว่าดอกเห็ดยามต้องฝน ที่คุ้นหูคุ้นตากันก็เช่นเหมืองปิล๊อก เหมืองสมศักดิ์ แต่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ราคาแร่ตกต่ำ เหมืองต่างๆ จึงทยอยปิดกิจการกันหมด
จากตำบลที่ เคยคึกคักมีชาวเหมืองอยู่กันเป็นพันๆ คน จึงแทบกลายเป็นเมืองร้าง จนกระทั่งมีนักนิยมไพรไปเดินป่าพิชิตยอดเขาช้างเผือกกันเมื่อประมาณ 7 - 8 ปีก่อน ปิล๊อกจึงกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง ยิ่งเมื่อมีรายการโทรทัศน์นำเสนอเรื่องราวชีวิตของป้าเกล็นแห่งเหมืองสม ศักดิ์ด้วยแล้ว ที่นี่จึงอยู่ในความสนใจของคนในแวดวงแอดเวนเจอร์ – ออฟโรดเรื่อยมา และมีทีท่าว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ไปเที่ยวกันมากขึ้น เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งแหล่งชมความงามทางธรรมชาติ และวิถีชีวิตผู้คนให้สัมผัสอย่างครบถ้วนแม้ต้องเดินทางไกลสักหน่อยก็ตาม
เราเริ่มต้นการท่องเที่ยวที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อันเชื่อมต่อกับผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เพราะเป็นจุดท่องเที่ยวแรกเมื่อเข้าเขตปิล๊อก ที่นี่นอกจากจะมีเขาช้างเผือก เป็นเส้นทางเดินป่ายอดฮิตอยู่ในความดูแลแล้ว ยังมีบ้านทาร์ซานที่พักบนยอดไม้แสนเก๋ให้ปีนขึ้นค้างแรมสัมผัสความรู้สึก ทาร์ซานแอนด์เจนด้วย
ใกล้กันมีจุดชมวิวยอดเขาช้างเผือก และจุดชมทะเลหมอก ซึ่งมีโอกาสจะได้ชมทะเลหมอกในช่วงเช้า ยิ่งวันไหนฝนตกตอนกลางคืน รับรองว่าตื่นเช้ามาที่นี่จะกลายเป็นเมืองในหมอกทันที หากลองเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ชมสีเขียวของเฟริน มอสตามต้นไม้ ก็จะช่วยสร้างความรู้สึกสุขสงบ สบายตาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิยังมีดาวเด่นชื่อ “แจ๋วแหว๋ว” เป็นนกเงือกขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนพีอาร์ประจำอุทยานฯ สร้างความตื่นเต้นให้เราเป็นอย่างยิ่งเพราะน้อยครั้งนักที่นกเงือกตาม ธรรมชาติจะยอมให้คนชมโฉมอย่างใกล้ชิด แถมยังยอมให้ถ่ายรูปคู่เป็นที่ระทึกและระลึกเสียด้วย เรียกว่าได้ใจเราไปเต็มๆ
จากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิขับรถอีกไม่เกิน 15 นาทีก็ถึง บ้านอีต่อง ที่หากจะนิยามว่าหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เป็นอย่างไร คงไม่มีคำใดดีไปกว่า “หมู่บ้านกลางหุบเขาและอากาศเย็น” เพราะชุมชนสุดเขตชายแดนตะวันตกนี้ ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขา มีภูเขาเหมืองแร่เก่าเป็นฉากหลังช่วยสร้างบรรยากาศเมืองเหมืองแร่ให้ขลัง ยิ่งขึ้น มีอากาศเย็นเป็นเพื่อนสนิทตลอดทั้งปี แถมเช้าๆ ในฤดูฝนและฤดูหนาวก็มีสายหมอกให้ชม จนเมืองทั้งเมืองเหมือนตกอยู่ในม่านหมอกอย่างไงอย่างนั้น
เดี๋ยวนี้บ้านอีต่องเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินป่าพิชิต ยอดเขาช้างเผือก ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้ในหมู่บ้านจึงคึกคักได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากเป็น พิเศษ แต่ถ้าแม้นคุณไม่ใช่เทรคเกอร์ บ้านอีต่องก็เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนสบายๆ เดินเล่นในหมู่บ้านซึ่งมีบ้านเรือนตั้งอยู่เรียงชิดติดกันเต็มสองข้างทาง คล้ายถนนเลียบโขงที่เชียงคานเพียงแต่ขนาดเล็กกว่า มีร้านขายของที่ระลึก เกสเฮ้าส์ และร้านอาหารราคาประหยัดอยู่หลายร้าน
ในซอยหริมอ่างเก็บน้ำมี ร้านกาแฟเลิฟ ปิล๊อก บริการอาหารจานเดียวรสชาติดี ชา กาแฟ เครื่องดื่มร้อน เย็น จะนั่งชิว ดูวิถีชีวิตผู้คน หรือจะนั่งแฮงค์เอ้าท์ยามค่ำคืนก็ได้ เยื่องกันมีร้านขายขนมจีน ผักทอดแบบพม่าราคาถูกมากไว้ให้ลองชิม และมีร้านอาหาร ร้านของชำอยู่ 3 – 4 ร้าน เดินดูสินค้าไปเรื่อยๆ มาสะดุดตาที่ร้านขายอาหารทะเลมีปลา กุ้ง และปลาหมึกสดๆ ขาย สอบถามแม่ค้าได้ความว่าได้มาจากทะเลอันดามันฝั่งพม่า คนที่นี่จึงมีอาหารทะเลกินกันทั้งปี
เหมืองสมศักดิ์ เป็นจุดหมายปลายทางต่อไปที่เราจะไปกินขนมเค้กโฮมเมดฝีมือป้าเกล็น หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ป้าแหม่ม” กัน โดยขับรถจากบ้านอีต่องมาจอดรถไว้ที่สถานีตำรวจสภ.อปิล๊อก เพื่อนั่งรถโฟว์วิวของรีสอร์ทเข้าไปยังเหมือง เห็นระยะทางไม่ไกลเพียง 5 กิโลเมตร แต่ด้วยทางขึ้นเขา ลงเขา การเดินทางจึงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว
รีสอร์ทเล็กๆ แห่งนี้เกิดจากความตั้งใจของป้าเกล็นที่ต้องการรักษาเหมืองที่สามีรักไว้ หลังจากสามีเสียชีวิต ป้าเกล็นจึงกลับมาปรับปรุงให้เป็นรีสอร์ท มีอาหารและเบเกอรีโฮมเมดทั้งเค้กมะนาว เค้กช็อกโกแลต เค้กกาแฟ และเค้กแครอท ให้บริการ โดยเฉพาะผู้ที่พักค้างคืนก็จะได้กินบาร์บีคิวอร่อยๆ เป็นมื้อค่ำแบบไม่อั้นด้วย โดยมีป้าเกล็นจะคอยกำกับการปรุงอาหารให้แขกและยังคอยต้อนรับ พูดคุยกับแขกด้วยตัวเองเสมอ จนทำให้เราประทับใจในความเป็นกันเองของป้าเป็นอย่างยิ่ง หลังรับประทานอาหารกลางวัน เราไปเที่ยวน้ำตกในเหมืองเก่า ที่ต้องนั่งรถโฟล์วิว ขึ้นเขาไปและเดินลงไปยังน้ำตกอีกนิด (ด้วยระยะทางแบบพอได้เหงื่อ)
กลับจากน้ำตกบางคนเลือกจะเล่นน้ำที่ลำธารใกล้เรือนพัก แต่เราเลือกที่จะกลับออกมาชมแสงสียามค่ำคืนที่บ้านอีต่อง เพราะคืนนี้มีการแสดงฟ้อนรำจากเด็กนักเรียนที่ร้านเลิฟ ปิล๊อก หลังจากหาที่นอนได้แล้ว เราจึงขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ จุดชมวิวเนินช้างศึก เป็นที่ตั้งของฐานตชด. แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมได้ ใครที่ไม่เชื่อว่าเมืองกาญฯ มองเห็นทะเลอันดามันต้องมาที่นี่ เพราะคุณจะมองเห็นท้องทะเลได้อย่างชัดเจนในวันฟ้าเปิด เนื่องจากอยู่ห่างจากทะเลอันดามันเพียง 60 กิโลเมตร ส่วนเรานั้นได้ชมแสงสีทองจับขอบฟ้าด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเมฆฝนกลุ่มใหญ่กำลังก่อตัวอยู่ไม่ห่าง ซึ่งก็ดูสวยงามไปอีกแบบจริงๆ ค่ะ
ระหว่างชมวิวเพลินๆ มีพี่ตชด.ที่ดูแลฐานเดินมาพูดคุยให้ความรู้กับเราว่า เราอยู่บนแนวเทือกเขาตะนาวศรี สูงจากระดับทะเลถึง 1,053 เมตรเลยทีเดียว และยอดเขาที่เห็นมีรอยขุดทะลุไปมาเต็มไปหมดก่อนขึ้นมายังจุดนี้ก็คือเหมือง แร่เก่า
ลงจากจุดชมวิว อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย เราก็มานั่งรอชมการแสดง มีพี่ๆ นักปั่นจากเว็บ thaiMTB ขี่จักรยานเสือภูเขามาเที่ยวกันหลายคน ค่ำคืนนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงหัวเราะ เฮฮาทั้งจากชาวบ้าน และแขกผู้มาเยือนอย่างสนุกสนาน และเราก็มีเพื่อนใหม่รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่เป็นของขวัญกลับกรุงเทพอีกหลายคน
สุดท้ายแล้วจะว่าเว่อร์ก็ได้ แต่เรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้บ้านอีต่องและปิล๊อกสวยงามไม่ใช่เพียงธรรมชาติ บริสุทธิ์ แต่ยังมีอัธยาศัย น้ำใจไมตรีของผู้คนที่พบเจอด้วยต่างหากที่ทำให้การเดินทางมีความหมายมาก ขึ้น
“ขอบคุณมิตรภาพที่ทำให้เราได้รู้จักกันค่ะ”
นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 10 ฉบับที่ : 117 เดือน : ตุลาคม 2553