ผู้เขียน หัวข้อ: ความหละหลวมของราชการ กับการขนย้ายซูโดฯ จาก รพ.  (อ่าน 1177 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9803
    • ดูรายละเอียด
ปัญหาการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบโรงพยาบาล ส่งต่อให้เครือข่ายค้ายาเสพติด

เนื่องจากสามารถนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้าและยาไอซ์ได้ ปัญหานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องรุนแรงขึ้นทุกพื้นที่ ทุกวัน 

 ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาบอกชัดเจนว่ายาแก้หวัดทั้งหมดจะถูกส่งมารวมในประเทศไทย ทั้งที่นำเข้าอย่างถูกต้องผ่านระบบโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน กับยาแก้หวัดที่ลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดนไทย ก่อนส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อผลิตยาเสพติด  ยาแก้หวัด 1 เม็ด สามารถผลิตเป็นยาบ้าได้ 3 เม็ด

 การรับเรื่องนี้เข้าเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอ ต้องไม่เป็นเพียงแค่การรับคดี แต่อยากให้ผู้มีอำนาจเร่งดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็วในทุกพื้นที่ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นการตัดวงจรการผลิตยาเสพติดอันตรายได้ไม่น้อย

  หน่วยงานตรวจสอบอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็น่าจะใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น จริงๆ แล้วตามกระบวนการสอบสวนไม่น่าจะยากนัก หากทว่าจะมีสักกี่หน่วยงานที่จะจริงกับเรื่องนี้

 อย่าง ปปง. หากจะจริงจังกับเรื่องนี้ก็ไม่ยากเลย เพียงแค่เข้าไปตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่มีการลักลอบนำยาแก้หวัดออกจากระบบโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน  โดยเฉพาะบัญชีของเภสัชกร แพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านี้ ก็น่าจะบ่งบอกการเชื่อมโยงของธุรกรรมได้

  หากย้อนกลับไปถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งน่ามาจากความหละหลวมของทางราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช่หรือไม่ ที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา จนแพร่กระจายไปยังหลายพื้นที่ หลายๆ โรงพยาบาล อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว

   เราอยากเห็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ควบคุมดูแลปัญหายาเสพติด ควรตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจัง  ลงพื้นที่เอกซเรย์โรงพยาบาลทุกแห่ง รวมทั้งคลินิกที่มีการใช้ยาแก้หวัด มีสักกี่แห่งที่มีพฤติกรรมไม่สมควร

 การออกข่าวเพียงแค่ว่าตรวจพบโรงพยาบาล มีการลักลอบนำยาแก้หวัด สูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาล แล้วตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบเจ้าหน้าที่ห้องยาโรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้ แล้วเมื่อไหร่กระบวนการจัดการตรงนี้จะเสร็จสิ้น

 การจัดการเรื่องนี้ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันมากกว่านี้  จุดเริ่มต้นต้องเริ่มที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล  เจ้าของคลินิก ควรลุกขึ้นมาแสดงความบริสุทธิ์ใจร่วมกันตรวจสอบก่อน สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นการป้องปรามได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับร้านขายยาของเภสัชกรสมควรอย่างยิ่งที่ต้องร่วมมือ เพราะสถานที่เหล่านี้มีการใช้ยาแก้หวัดทั้งนั้น

 เราไม่อยากเห็นลูกหลานทั้งประเทศ ต้องมาตายผ่อนส่ง กับการเห็นแก่ผลประโยชน์ของคนเพียงไม่กี่กลุ่ม เพราะทุกวันนี้ปัญหายาเสพติดในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสพ หรือผู้ค้า นับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้น และแพร่กระจายไปทั่วทุกระแหง

  วิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ที่รับผิดชอบโรงพยาบาลทั่วประเทศ ควรตรวจสอบด้วยว่ามีเพียงแค่สารซูโดอีเฟดรีนเท่านั้นหรือที่เป็นส่วนผสมของยาบ้า เพื่อให้แน่ชัดควรตรวจสอบอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับการพิจารณาการลงโทษ น่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องเอาจริงเอาจัง อย่าปล่อยให้การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เพื่อเป็นการซื้อเวลาเท่านั้น

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์   26 มีนาคม 2555