อย่ามาเดินขบวนเลย ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น บรรจุได้ก็บรรจุได้ ต้องหาทางกัน ไม่ใช่ไม่สำคัญ สำคัญทุกเรื่อง ชีวิตคนไม่สำคัญได้อย่างไร อย่ามาหากินการเมืองทางนี้
คำหนึ่งที่เป็นกระแสในกลุ่มพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)หลังทราบว่าครม.ไม่อนุมัติ 10,992 อัตราให้บรรจุเข้ารับราชการ คือ พยาบาลลูกจ้างพร้อมเจรจาแต่กับลุงตู่เท่านั้น ถึงวันนี้เปิดทำการวันแรกหลังหยุดยาว 3 วัน ลุงตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำตอบให้น้องๆพยาบาลแล้วว่าทำไม ?ถึงบรรจุให้ไม่ได้ !!!!
นายกฯกล่าวว่าเข้าใจและให้ความสำคัญ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจาณาอยู่ เพราะประเด็นการปฏิรูปทั้งระบบบุคลากรเป็นกำลังสำคัญ ต้องดูว่า ขาดแคลนเท่าไหร่ ต้องประเมินล่วงหน้า 5-10 ปี ตามแผนการปฏิรูประบบสาธารณสุข ในส่วนของแพทย์ พยาบาล ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องเป็นพนักงานลูกจ้างชั่วคราวไปก่อน อย่างไรก็ตาม การเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะต้องมีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ใช่จะมาพูดตนจะให้หรือไม่ให้ แต่ได้ให้ไปทำรายละเอียดเพื่อส่งเข้ามา พร้อมกับบอกไปว่า การบรรจุข้าราชการต้องดูอัตราการเกษียณอายุ เพราะมีหลายระดับหรือหลายซี บางอัตราต้องลดลงในส่วนที่ไม่ใช่แพทย์ พยาบาล เพื่อที่จะเปิดบรรจุในระดับที่ต่ำกว่า เช่น ซีใหญ่ๆเกษียณไปหนึ่งคน ก็สามารถบรรจุระดับเลื่อนซีที่น้อยกว่าได้ 3-4 คน ส่วนที่เหลือก็ให้เปิดรับลูกจ้างในส่วนที่ขาดไป
ลุงตู่ตอบน้องพยาบาล "บรรจุได้ก็บรรจุ"!!!
"ต้องค่อยๆไต่ไล่ขึ้นมาแบบนี้ ไม่ใช่ของเก่าก็เต็ม แล้วเพิ่มของใหม่ไปอีกเรื่อยๆ แต่ต้องมี 3 อย่างคือ ข้าราชการในระบบ ข้าราชการเกษียณอายุ และที่ต้องปรับทดแทน แต่ไม่ใช่ว่า เกษียณเท่าไหร่จะตั้งใหม่เท่านั้น ต้องหาวิธีลดการบรรจุไม่ได้หมายความว่า ไม่บรรจุเลย แต่ให้ลดระดับซีใหญ่เป็นซีเล็กก็จะเป็นไป เวียนเข้ามา ระบบการแต่งตั้งต้องเป็นแบบนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เวลานี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังพิจารณาจะเฉลี่ยอย่างไร แต่ที่นำเรื่องเข้า ครม. ในวันนั้นคือ ขอเปิดอัตราคราวเดียว 3 ปี ปีละ 3,000 หากลดได้จะดีกว่าหรือไม่
"ผมคิดว่า ส่วนนี้สำคัญ ผมให้เป็นพิเศษ จะไม่ให้ได้อย่างไร แต่ต้องให้แบบมีหลักเกณฑ์ตามกติกาของทุกกระทรวง โดยทุกกระทรวงต้องเอาคนที่ค้างการบรรจุใส่ไปก่อน ถ้าไม่พอจะเปิดรับอย่างไรก็ให้ว่ามา นโยบายการบริหารกำลังพลต้องเป็นแบบนี้ ผมให้นโยบายกว้างๆไปแล้วอย่ามาเดินขบวนเลย ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น บรรจุได้ก็บรรจุได้ ก็ต้องหาทางกัน ไม่ใช่ไม่สำคัญ แหม่จริงๆวะ สำคัญทุกเรื่อง ชีวิตคนไม่สำคัญได้อย่างไร ฉะนั้นอย่ามาหากินกับการเมืองกันในวันนี้ ไม่เอา ไปเข้าทางคนอีกพล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้าน นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)กล่าวว่า ขณะนี้ดูตำแหน่งทางราชการแล้ว การขออนุมัติตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 10,992 อัตรา ก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพียงแต่กระทรวงสาธารณสุขต้องหมุนตัวเลขกรอบอัตราอีกหน่อย โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขก็บอกว่ามีตำแหน่งว่างอยู่ แต่ไม่ได้เป็นตำแหน่งพยาบาลเพียงอย่างเดียว โดยอาจจะต้องหมุนกันทั้งแพทย์ เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด เป็นต้น ตอนนี้เขากำลังจัดตัวเลขให้ลงตัว และทางก.พ.ก็พยายามเต็มที่ให้มันไปได้
ลุงตู่ตอบน้องพยาบาล "บรรจุได้ก็บรรจุ"!!!
ตำแหน่งที่ขอเปิดใหม่เท่าที่คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข อาจจะเปิดเพิ่มให้ได้ 3,000 ตำแหน่ง แต่จะได้ครบ 3,000 คนหรือไม่ มันอาจจะไม่ใช่ อาจจะต้องแบ่งกัน ตำแหน่งมีอาจจะไม่ลงไปพยาบาลทั้งหมด ทางก.พ.จะเร่งคุยกันให้เร็วสุด ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจะให้รายละเอียดอีกครั้ง
โดยการดูแลพยาบาลวิชาชีพของกระทรวงสาธารณสุขตอนนี้ถือว่าดีมาก แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน เริ่มจากลูกจ้างชั่วคราว ต่อด้วยพนักงานสาธารณสุข โดยเงินไม่เป็นปัญหาสำหรับกระทรวงสาธารณสุขที่จะต้องดูแลพยาบาล เพราะมีระบบดูแลพยาบาลดีมากอยู่แล้ว หากไม่เป็นข้าราชการก็จะอยู่ในระบบประกันสังคมเหมือนทั่วไป แต่ตัวเลขตอนนี้ 3,000 กว่าคนที่เขาขอ ก็น่าจะทำได้
นอกจากนั้น ได้ตอบข้อซักถาม ถึงจุดเริ่มต้นที่ทางก.พ.เห็นว่าไม่สามารถเปิดตำแหน่งข้าราชการเพิ่มได้คืออะไร ว่าก.พ.ไม่ได้เพิ่มอัตราข้าราชการมาหลายปีแล้ว เหตุที่ไม่เพิ่มเพราะหน่วยงานของรัฐมีสวัสดิการดีมาก ข้าราชการถ้าไม่เสียชีวิตเราจะจ่าย 5-6 คนต่อหัวจนหลังเกษียณอายุราชการ เช่น เมื่อเจ็บป่วยก็ให้เบิกพ่อ-แม่-ภรรยา-บุตร ได้ สมัยก่อนระบบบำเหน็จ-บำนาญ เราคิดว่าข้าราชการจะเสียชีวิตกันเมื่ออายุ 60 กว่า แต่ขณะนี้คนไทยอายุเฉลี่ย 75 ปี ทำให้ระบบบำเหน็จ-บำนาญ แบกภาระงบประมาณต่อคนสูงมาก
น้อง ๆ พยาบาลก็พูดว่าการที่เขาได้รับบรรจุเป็นข้าราชการ ทำให้เขามีความมั่นคงในชีวิต แม้เงินเดือนจะน้อยถ้าเทียบกับโรงพยาบาลเอกชน ทำให้เขามุ่งมั่นทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่อยากจะบอกว่ามันก็เงินภาษีของประชาชนเหมือนกัน ถ้ามาจ่ายเป็นค่าบุคลากรสูงมากแบบนี้ รัฐบาลก็ไม่มีเงินไปลงทุนทำอย่างอื่น สมมุติว่าเรานำเงินงบประมาณแผ่นดินปีละ 2 ล้านล้านบาท ตอนนี้ก็ประมาณครึ่งหนึ่งที่เป็นงบบุคลากร ที่จะต้องนำมาจ่ายเดือน เงินสวัสดิการ ของทางข้าราชการ
อย่างไรก็ตาม หากไม่รับข้าราชการเพิ่มกระทรวงอื่นจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ นางเมธินี กล่าวต่อไปว่ากระทรวงอื่นไม่มี ช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้แต่ละกระทรวงทราบดีว่าต้องเอาตำแหน่งงานที่จำเป็นไว้ แล้วหาคนเก่งๆมาทำ และพัฒนาคนที่อยู่ในระบบให้มีประสิทธิภาพ
ข้อมูลจาก:สำนักข่าวอิศรา
คมชัดลึก
16 พ.ค. 2560