ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อชีวิตสุขสบาย ต้องไม่ไป(ตาย)ก่อน 99...(แนวคิดแพทย์แผนจีน)  (อ่าน 1273 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด

ทุกคนอยากมีชีวิตสุขสบายไร้โรคา ท่านทั้งหลายมาฟังการบรรยายก็มีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน ผมขอถามว่า อายุขัยของคนเราสูงสุดคือเท่าไร บางคนบอกว่าสูงสุด  150  ปี     ต่ำสุด  120  ปี ซึ่งไม่ถูก มนุษย์เรามีระยะเจริญเติบโต  20-25  ปี อายุขัยเป็น 5-7  เท่าของระยะเจริญเติบโต คือต่ำสุด  100  ปี สูงสุด  175  ปี การจะอยู่ถึงร้อยปีไม่ใช่ฝันอีกแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากอยู่ถึงขนาดนั้นหรือไม่   จะอยู่ร้อยปีก่อนอื่นต้องมีสุขภาพดี แล้วสุขภาพดีมาจากไหน  ?   มาจาก   พื้นฐาน  4 ประการในชีวิตประจำวัน     

ประการแรก คือ ภาวะจิตที่สงบสุข                                                                           
ประการที่สอง คือ รับโภชนาการที่สมดุล                                                                     
ประการที่สาม คือ ออกกำลังกายพอเหมาะ                                                                     
ประการที่สี่ คือ นอนหลับเพียงพอ

โดยปรกติแล้ว ประการที่สี่ชักจูงให้งดบุหรี่และเหล้า ผมขอแก้เป็นนอนหลับเพียงพอ ดั่งที่โบราณท่านว่า   “  อดนอนทุกวัน ชีวิตสั้นไป 10  ปี   "

พื้นฐานสุขภาพ 4 ประการ ต้องเรียงตามลำดับ สมัยนี้มีบทความมากมายเขียนถึงเรื่องนี้  แต่ถ้าไม่พูดถึง ภาวะจิตใจเป็นประการแรก  แสดงว่าผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพ ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว เพราะแพทย์แผนจีนจัดภาวะจิตใจเป็นอันดับหนึ่งในการบำรุงสุขภาพ กล่าวคือ ภาวะจิตเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม และผลพวงต่างๆ เกิดจากพฤติกรรม
มองในแง่สรีระ คนเราอยู่ได้โดยอาศัยอวัยวะทั้ง  5  คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลออกใบมรณะบัตร มักจะระบุสาเหตุการตายว่า หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย เป็นต้น

ถ้าผู้ป่วยตายด้วยเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แสดงว่าเลือดเข้มข้นสกปรก แต่เลือดฟอกมาจากตับ แสดงว่าตับหมดสมรรถภาพในการฟอกพิษหรือกลั่นกรองเลือดให้บริสุทธิ์ ไหลเวียนไม่คล่องตัว ทำให้อุดตันในเส้นเลือด ผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมาก ก่อนหัวใจวายมักจะบันดาลโทสะซึ่งเป็นสาเหตุทำลายการทำงานของตับด้วย เพราะฉะนั้น โปรด จำไว้ว่า อย่าโมโหโทโสซึ่งไม่ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย นอกจากทำลายร่างกายเท่านั้น ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน  “ หัวเราะสามเวลา ห่างไกลโรคและยา หัวเราะสามเวลา หมอต้องผูกคอลา  ”   

ทีนี้มาพูดเรื่องโภชนาการ   อักษรจีนต้องเขียนตามลำดับก่อนหลัง ภาษาก็เช่นเดียวกัน เราพูดวา  “  ดุลยภาพแห่งโภชนาการ  ”  หมายความว่า ดุลยภาพต้องมาก่อน โภชนาการจึงตามหลังมา   WHO  เตือนเราว่า คนเราเกิดโรคมาจากสาเหตุ 
(1)  รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม 
(2)  กินอาหารไม่สมดุล หมายรวมถึงมากเกินและขาดแคลน   นั่นคือ ไขมันมากเกิน แต่แร่ธาตุและวิตามินขาดแคลน สรุปคือ ไม่รู้จักกิน ทำให้เกิดโรค   

อยากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร  ?  คำตอบคือ
(1)  เพื่อดำรงชีพ                                                                                                 
(2)  เพื่อป้องกันโรค                                                                                           
(3)  เพื่อ รักษาโรค
บรรดาโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น ในเมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้ ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกัน      แพทย์แผนจีนเป็นมรดกตกทอด  5  พันปี ให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค  5  ขั้นตอน   

ขั้นตอน  1    รักษาด้วยอาหาร หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน  2    กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ บีบนวดและดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน  3    ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน  4   ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้                                                     
ขั้นตอน  5    ใช้ยา

ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันทีที่คนไข้มาหา เป็นยาย่อมมีพิษ คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด
Socrates  บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน เคยกล่าวเตือนว่า   “  จงกินอาหารให้เป็นยา อย่ากินยาเป็นอาหาร  ”  จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า  “  ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา  ”  แต่ทุกวันนี้มันกลับกันหมด   

เรากินอาหารวันละ  3  มื้อ   กินเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่  ? 
เราอยู่ได้เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง  5  พลังงานของอวัยวะได้มาจากการกิน แต่ทุกวันนี้เรากินตามใจและปาก ชอบอะไรก็กินมันทุกวัน   อวัยวะทั้ง  5  ก็เหมือนกับคน มีรสนิยมแตกต่างกัน
-ตับชอบกินสีเขียว
-หัวใจชอบกินสีแดง
-ม้ามชอบกินสีเหลือง
-ปอดชอบกินสีขาว
-ไตชอบกินสีดำ

คำว่าดุลยภาพหมายถึงกินหลากหลายชนิด
แพทย์แผนจีนใช้วิธีมอง ฟัง ดม ถาม แมะ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ในที่นี้ก็รวมทั้งการมองดูสี ทั้ง  5  บนใบหน้านั่นเอง ตัวอย่างเช่น
-ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว                                                                       
-หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง                                                                       
-ม้ามมีปัญหา สีหน้าจะออกเหลือง                                                                 
-คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว                                                                   
-คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ

ดังที่กล่าวแล้ว
-ถั่วเขียวเหมาะสำหรับบำรุงตับ   เพื่อให้ตับขับพิษออกจากร่างกาย แต่ก็ต้องกินให้ถูกวิธี คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง วิธีที่ถูกคือ   ต้มให้น้ำเดือดประมารณ  5-6  นาทีก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด รินเอาน้ำออกซึ่งจะได้น้ำถั่วเขียวที่มีสีเข้มข้นที่สุด ดื่มแล้วมีสรรพคุณขับพิษสูงสุด   จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำต้มต่อจนเละกินเป็นอาหาร
-หัวใจชอบสีแดงให้กินถั่วแดง                                                                               
-ม้ามชอบสีเหลืองให้กินถั่วเหลือง                                                                       
-ปอดชอบสีขาวให้กินถั่วขาว                                                                                 
-ไตชอบสีดำให้กินถั่วดำ

ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว  ?  เพราะตำรายาจีนมีคำว่า  “  คนเรากินถั่วทั้ง  5  จะสมบูรณ์พูนสุข  ” โภชนาการแผนจีนก็เน้นว่า  “  กินไม่พ้นถั่ว  ”  ขอยกตัวอย่างไม่ค่อยสุภาพ ในชนบทเขาใช้ถั่วดำเลี้ยงปศุสัตว์ ทำให้ไตแข็งแรงมีกำลังวังชา สามารถทำงานหนักเตะปี๊บดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   สุภาพสตรีควรบริโภคถั่วตลอดชีวิต เพราะนอกจากเป็นประโยชน์ต่ออวัยวะทั้ง 5  แล้ว ในถั่วยังมีสารที่กระตุ้นการทำงานของรังไข่
ต่อไปจะพูดถึง   รสชาติ   
-เปรี้ยวบำรุงตับ                                                                                               
-ขมบำรุงหัวใจ                                                                                             
-หวานบำรุงม้าม                                                                                                 
-เผ็ดบำรุงปอด                                                                                               
-เค็มบำรุงไต

หมายความว่า   ต้องกินให้ครบทุกรสชาติอย่างละนิด ให้เกิดสมดุล   เช่น รสเปรี้ยวบำรุงตับ กินมากตับพัง จีนเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคตับมาก ในจีนเองต้องยกให้มณฑลซันซีครองแชมป์โรคตับ เพราะคนที่นั่นชอบกินน้ำส้มสายชู รสเผ็ดบำรุงปอด กินมากปอดพังเช่นกัน สถิติกระทรวงสาธารณสุขจีนปีที่แล้วระบุว่า ชาวเสฉวนและชาวหูหนันที่อพยพจากจีนใต้ไปอยู่ภาคเหนือ นำเอานิสัยชอบกินพริกติดตัวไปด้วย นานวันเข้าเป็นโรคมะเร็งในปอดตามๆ กัน ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ภาคใต้อากาศชื้น กินเผ็ดป้องกันความชื้นได้ แต่ภาคเหนืออากาศแห้ง กินเผ็ดมากจะทำลายปอด พึงจำไว้ว่า ใครอยู่ถิ่นไหนให้กินของถิ่นนั้น ไม่ใช่ว่ากินของได้ทั่วทุกถิ่น
กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ  ?

ง่ายนิดเดียว มีหลักการจำดังนี้  “  สีสัน หยาบ - ละเอียด ดิบ - สุก คาว - เจ  ” หมายความว่า กินอาหารต้องคละกันหลากสีและรสชาติ หยาบแข็งควบคู่กับละเอียดนิ่ม สุกควบคู่กับดิบ คาวควบคู่กับเจ   ขอแนะนำว่า แต่นี้ไปให้กินผักดิบผลไม้สดแต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี เพราะแพทย์แผนจีนถือว่า กินของดิบลดอาการร้อนใน แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า   ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า

สุดท้ายจะพูดถึง   ยาบำรุง
เราไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อยามาบำรุงร่างกาย ผักและผลไม้มีวิตามินสูง ถ้ากินให้ถูกวิธี ก็สามารถดูดซึมวิตามินเพียงพอต่อร่างกาย สิ่งที่ต้องการคือแคลเซียม   ผู้หญิงควรกินแคลเซียมวันละ  3000  มก  .  ขึ้นไป   ผู้ชายกินวันละ  4000  มก  .  ขึ้นไป   พร้อมกับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ คนทั่วไปมักเข้าใจผิด คิดว่าแคลเซียมใช้สำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบ ที่จริงแล้วแคลเซียมช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียน นอกจากนั้น ยังป้องกันเส้นโลหิตแข็งตัว ดังนั้น   ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรกินแคลเซียมให้เพียงพอ เพื่อให้เส้นโลหิตอ่อนตัว ความดันก็จะลดตาม ยาลดความดันก็ไม่ต้องกินมาก

ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน   “  อยากให้ร่างกายดี กินอาหารถูกวิธี อยากให้สุขภาพเยี่ยม อย่าลืมกินแคลเซียม  ”  อย่าลืม อาหารต้องมาก่อนยา เป็นโรคอย่าพึ่งแต่ยา พึงใช้ยาในยามวิกฤติเท่านั้น   

ขอส่งท้ายด้วย  4  ประโยคดังนี้   “  หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือห้องครัว ยาที่ดีที่สุดคืออาหารมีคุณค่า การรักษาที่ดีที่สุดคือเวลา  ”  หมายความว่า ตัวคุณเองต้องรู้จักรักษาตัวเอง ห้องครัวในบ้านคุณเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ยากับอาหารมีความหมายเดียวกัน กินอาหารให้ถูกต้องก็คือยาที่ดีที่สุด   การรักษาต้องต่อเนื่อง ไม่ใช่ทดลองแล้วก็หยุด   หรือเปรียบเสมือนใช้อวนจับปลา  3  วัน แล้วก็ตากอวนหยุดจับปลา  2  วัน ต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี

สรุปคำบรรยายจากแพทย์แผนจีน
......................................................................