ผู้เขียน หัวข้อ: โต้ 3 เดือนไร้ผลงานแก้ปัญหาภายใน สธ. ชู "งานประจำ" เป็นผลงานเด่น  (อ่าน 506 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
สธ.โต้ 3 เดือนไร้ผลงานแก้ปัญหาขัดแย้งภายในกระทรวงฯ ระบุกำลังเร่งแก้ไขเป็นขั้นตอน ย้ำเดินหน้าตามนโยบายนายกฯ วางแผนงานสาธารณสุขระยะยาว ยกผลงานของขวัญปีใหม่ งานรูทีนเป็นผลงานเด่น ทั้งคุมโรคอีโบลา ปรับเกณฑ์การจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ จ่อดันออก กม.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคปีหน้า ยันกลุ่ม รพ.ใหญ่ไม่ส่งข้อมูล สปสช. ไม่กระทบบริการประชาชน
       
       วันนี้ (26 ธ.ค.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัมช.สาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. อธิบดีกรมต่างๆ และผู้บริหารระดับสูง ร่วมกันเปิดมหกรรมการแสดงผลงาน สธ.ในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. - 12 ธ.ค. 2557 หลังจากที่รัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าบริหารประเทศ
       
       ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า นายกฯ มอบนโยบายการดำเนินงานคือต้องทำทันที ทำจริงจัง และต้องวางแผนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญในเรื่องการยกระดับคุณภาพบริการสาธารณสุข ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มการเข้าถึงบริการ สธ.จึงรับเอานโยบายสุขภาพดังกล่าวมาแปลงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงฯ 10 เรื่อง ซึ่งความคืบหน้าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ก็ปรากฏออกมาในรูปของของขวัญปีใหม่ที่เคยแถลงไปแล้ว คือ โครงการฟันเทียมพระราชทาน รากฟันเทียมพระราชทาน การตั้งทีมหมอครอบครัวมาดูแลสุขภาพประชาชน เป็นต้น รวมไปถึงการบูรณาการงานข้ามกระทรวงเพื่อดูแลคนไทยทั้งชีวิตตั้งแต่การพัฒนาการในวัยเด็ก ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยในระยะท้าย ซึ่งเป็นงานในส่วนพัฒนาระบบบริการ
       
       ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ส่วนผลงานด้านป้องกันควบคุมโรคคือ จัดระบบเฝ้าระวังโรคอีโบลา เปลี่ยนเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี โดยสามารถให้ได้ทันทีโดยไม่คำนึงถึงค่าระดับภูมิต้านทาน (CD4) ด้านความโปร่งใสขององค์กร โดยการออกระเบียบฯ การบริหารจัดการด้านยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา เกณฑ์จริยธรรมการจัดซื้อจัดหาและส่งเสริมการขายยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา สร้างเคือข่ายเฝ้าระวังทุจริต ขณะที่ด้านการออกกฎหมายได้ทำร่างกฎหมาย 9 ฉบับ ทั้งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กฎหมายลูกตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 7 ฉบับ
       
       "ทั้งนี้ สิ่งที่จะดำเนินงานต่อในปีหน้าจะเน้นงานการดูแลคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น โดยผลักดันกฎหมายเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เช่น กฎหมายควบคุมการตลาดนมและอาหารสำหรับเด็กและทารก เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบริโภคนมแม่เพิ่มมากขึ้น และจะเร่งสร้างโรงงานวัคซีนให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี รวมไปถึงการจัดหาวัคซีนใหม่ๆ เพิ่มเติม" รมว.สาธารณสุข กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาใน สธ.ยังรอรับการแก้ไขอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องค่าตอบแทน การบรรจุข้าราชการ รวมไปถึงความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้หลายฝ่ายมองว่ายังไม่มีผลงานที่ชัดเจน ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็พยายามดำเนินการแก้ไขเป็นขั้นตอน ก็จะมีการปรึกษาหารือกับทีมที่ปรึกษาที่แต่งตั้งขึ้นเพื่อหาทางออก
       
       นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าไม่มีผลงาน แต่สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ก็คือ ทำตามนโยบายของนายกฯ คือ วางแผนการทำงานในระยะยาว จะเห็นได้ว่าผลงานในช่วง 3 เดือนนี้ก็จะเป็นส่วนที่วางแผนไว้สำหรับการเดินหน้าต่อในระยะยาวต่อไป เช่น เรื่องตั้งทีมหมอครอบครัว ที่จะมาปรับเปลี่ยนการดูแลสุขภาพคนไทยต่อไป ทำให้อาจมองว่าผลงานยังไม่ชัดเจน
       
       ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จะไม่ส่งข้อมูลงบบัตรทอง อาทิ ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และส่งเสริมสุขภาพแก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะยิ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า มอบเรื่องนี้ให้ปลัด สธ.ดูแล แต่จะไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเรื่องนี้ก้ต้องพยายามแก้ไข เพราะข้อมูลที่จะไหลไปยัง สปสช.เป็นสิ่งสำคัญ
       
       เมื่อถามว่า รพศ./รพท.และ สสจ.ส่วนที่จะไม่ส่งข้อมูลจนกว่าบอร์ด สปสช.จะสนใจเรื่องการปรับเกณฑ์การจัดสรรงบบัตรทองนั้น ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า คงต้องให้บอร์ด สปสช.ไปหารือ
       
       ด้าน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ทาง รพศ./รพท. และ สสจ.ยังไม่ได้มาพบเพื่อหารือในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องมาพูดคุยหารือกัน ส่วนการไม่ส่งข้อมูลไปยัง สปสช.จะกระทบงานบริหารหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่งานบริการประชาชนไม่กระทบแน่นอน เพราะคงไม่มีใครเอาผู้ป่วยหรือประชาชนเป็นตัวประกัน

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 ธันวาคม 2557