ผู้เขียน หัวข้อ: แม่ปรี๊ดถูกหมอเขียนด่าในใบสั่งยา  (อ่าน 527 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9789
    • ดูรายละเอียด
แม่ปรี๊ดถูกหมอเขียนด่าในใบสั่งยา
« เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2014, 22:12:31 »
แม่แฉ หมอโรงพยาบาลเอกชนดังคะยั้นคะยอ ให้ลูกแอดมิท เมื่อปฎิเสธ กลับถูกต่อว่า "กว่าจะมาพรุ่งนี้ก็ตายก่อน" แถมเขียนด่าในใบสั่งยา ด้าน ผู้บริหารออกโรงแจง ตักเตือนแล้ว แต่วอนขอความเป็นธรรมให้หมอด้วย ที่พูดไปด้วยความเป็นห่วง

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” รายงานว่า มีผู้ร้องเรียนมายังทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ กรณีพฤติกรรมการทำงานของแพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง โดยคุณหมอเขียนด่าตน จากเหตุวิวาทะเรื่องจะให้เด็กนอนดูอาการที่โรงพยาบาลหรือไม่ เมื่อปฏิเสธ คุณหมอกลับแจ้งว่า “กว่าจะมา พรุ่งนี้ก็ตายก่อน” โดยผู้ร้องเรียนเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนเองและญาติผู้หญิงอีก 2 คน ได้พาลูกสาวอายุ 7 ขวบไปหาหมอท่านหนึ่งที่โรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากลูกสาวมีอาการอาเจียน ไอ มีเสมหะ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีไข้ 38 องศา จริงๆไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เรากังวลจึงพาไปหาหมอดีกว่า เพื่อความสบายใจ เมื่อตรวจเสร็จ คุณหมอแจ้งว่า เด็กจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ทางคุณแม่จึงแจ้งคุณหมอไปว่า วันนี้ยังไม่สะดวก อย่างไรจะขอพาลูกกลับไปดูอาการที่บ้าน เพราะเรามั่นใจว่าลูกไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งจะขอโทรปรึกษากับอาจารย์หมอที่เคยดูแลรักษาเป็นประจำที่นี่ก่อน เพียงแค่นั้น คุณหมอที่ตรวจวินิจฉัยได้แสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด โดยการชักสีหน้ายกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างทันที พร้อมกับพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน อยากรู้ว่าเด็กจะเป็นอย่างไร กว่าจะมาพรุ่งนี้เด็กก็ตายก่อนแล้ว”

ผู้ร้องเรียนรายนี้ กล่าวยอมรับว่า พอได้ยินก็ตกใจและโมโห จึงถามกลับไปว่า ทำไมคุณหมอพูดจาแบบนี้ คุณหมอก็แย้งว่า ไม่เห็นหรือไงว่า เด็กปากแห้งแสดงว่ามีอาการขาดน้ำ ตนเองจึงออกมารอรับยาข้างนอก แต่รู้สึกว่ารอนานผิดปกติและพยาบาลมีอาการผิดสังเกตุ จากนั้นเห็นพยาบาลถือใบสั่งยาด้วยอาการแปลกๆ พยายามเอามือปิด เราจึงไปขอดู เพราะอยากรู้ว่า หมอสั่งยาอะไรบ้าง ตอนนั้นในใจไม่ได้คิดว่าคุณหมอจะเขียนอะไรลงในกระดาษ แต่ปรากฎว่าเมื่อดูใบสั่งยาถึงกับตกใจ เพราะคุณหมอเขียนว่า “ไม่ต้องมาเจอกันอีกเด็ดขาด แม่(เด็ก)นิสัยแย่มาก” เราจึงรีบถ่ายภาพเก็บไว้ ซึ่งพยาบาลที่เห็นต่างพากันกระซิบว่า “ทำยังไงดี คุณแม่เด็กเห็นแล้วถ่ายรูปไว้ด้วย” เราจึงเดินไปถามคุณหมอว่า เหตุใดคุณหมอจึงเขียนข้อความแบบนี้ คุณมีจรรยาบรรณหรือไม่ หมอท่านเดิมกลับโมโหเรา แถมขู่ว่า “ห้ามนำภาพไปแชร์ส่งต่อ หรือเผยแพร่เด็ดขาด ไม่งั้นจะฟ้องกลับ” แล้วหมอก็เดินไปจับกลุ่มคุยกับพยาบาลและเจ้าหน้าที่ เมื่อเราไปรับยา ปรากฎว่าที่หมอแจ้งว่าน้องอาการหนักต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น แต่คุณหมอกลับจ่ายแค่ยาแก้อาเจียน แก้ไอ ยาลดน้ำมูก ไม่มียาลดไข้ ในใบรับรองพทย์ยังระบุว่า เป็นหวัดลงกระเพาะ แนะนำให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จริง ๆ แล้วไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากได้ยินคำขอโทษจากหมอเท่านั้น

ต่อมา ทีมข่าว "เดลินิวส์ออนไลน์" ได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้บริหารโรงพยาบาลดังกล่าว ได้รับการอธิบายว่า ทางผู้บริหารได้เรียกคุณหมอท่านดังกล่าวมาพูดคุย จึงทราบข้อมูลว่า เด็กป่วยเป็นกระเพาะลำไส้อักเสบ มีการเสียน้ำในระดับกลาง ซึ่งในเด็ก 7 ขวบถือว่าค่อนข้างอันตราย ควรพักรักษาตัวและดูอาการที่โรงพยาบาลสักระยะ เนื่องจากหากอนุญาตให้เด็กกลับบ้าน แล้วเกิดมีอาการอาเจียน หรือถ่ายท้องเพิ่มเติม อาจทำให้เด็กเข้าสู่ภาวะขาดน้ำขั้นรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เด็กเสียชีวิตในที่สุด

"ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างที่ผู้ปกครองและหมอนั่งคุยกันนั้น เป็นอย่างไร แต่คุณหมอยอมรับว่า ได้บอกผู้ปกครองเด็กว่า “ถ้าพาลูกกลับอาจจะตายก่อน” จริง แต่พูดไปด้วยความเป็นห่วง ถือเป็นการปฏิบัติตามหลักการรักษาและถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์ ซึ่งเท่าที่ทราบคุณหมอท่านนี้ เป็นแพทย์ด้านกุมารเวช ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ มีประวัติที่ดีและมีมาตรฐานในการรักษาที่ได้ตามมาตรฐานของโรงพยาบาลเรา ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลได้ตักเตือนคุณหมอท่านนี้ไปแล้วว่า การเขียนข้อความระบายความรู้สึกลงในใบ OPD (ในจ่ายยา) เป็นการกระทำที่ไม่สมควรและไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลวอนขอความเป็นธรรมให้กับคุณหมอด้วยและที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น"ผู้อำนวยการคนดังกล่าวระบุ

ด้านนพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา ชี้แจงถึงประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า บทสนทนาและข้อเท็จจริงในวันเกิดเหตุ ไม่มีใครทราบว่าเป็นอย่างไร แต่คาดว่าคุณหมอและแม่ของเด็ก น่าจะอารมณ์เสียและระเบิดอารมณ์ใส่กัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ปุถุชนทุกคน สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เท่าที่ดูหลักฐานจากใบ OPD คุณหมอท่านนี้ ตรวจคนไข้ด้วยความละเอียดรอบคอบ ระมัดระวังวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาด้วยความถี่ถ้วน ส่วนตัวเข้าใจว่าหมออาจจะพูดไปด้วยอารมณ์น้ำเสียง ไม่ค่อยสุภาพ คาดว่าคำพูดดังกล่าว หากได้พูดจริง ก็น่าจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ทั้งนี้หากทางโรงพยาบาลได้ทำการสอบสวนและเรียกคุณหมอท่านนี้มาตักเตือนแล้ว ก็ถือว่าเรื่องน่าจะจบลงด้วยดี ทางมารยาทอาจจะไม่เหมาะสมที่เขียนข้อความนั้น.


เดลินิวส์ออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2557