มีรายงานข่าวว่า ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศในช่วงท้ายของที่ประชุมคณบดีมหาวิทยาลัยมหิดลวันนี้ (8ต.ค.57) ว่า ตนจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตำแหน่งเดียวและจะลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
ทั้งนี้มีสารจากอธิการบดีถึง"ชาวมหิดล"ดังนี้
8ตุลาคม2557
เรียน ชาวมหิดลที่รักทุกท่าน
ตามที่ผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 นั้น ผมได้มีสารถึงชาวมหิดล เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2557 เรียนว่างานบริหารมหาวิทยาลัยมหิดลจะไม่สะดุด และผมขอเวลาศึกษางานสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจะเรียนให้ชาวมหิดลได้ทราบทิศทางของการดําเนินงานของมหาวิทยาลัย และกระทรวงสาธารณสุข บัดนี้เวลาได้ผ่านมาพอสมควรแล้วจึงขอเรียนให้ชาวมหิดลทราบ ดังนี้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 41 ระบุ ให้ข้าราชการหรือพนักงานของรัฐดํารงตําแหน่งข้าราชการการเมืองควบคู่กันไปด้วยได้เจตนารมณ์คือ ขอตัวมาช่วยปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 ปีซึ่งเป็นอายุของรัฐบาลนี้และเป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่สําคัญของประเทศ โดยยังสามารถปฏิบัติงานประจําควบคู่กันไปได้ด้วย ซึ่งในภาวะปกติสถานการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น ถึงแม้รัฐธรรมนูญจะเปิดโอกาสให้แต่ผมได้เรียนกับชาวมหิดลว่าจะขอเวลาประเมินสถานการณ์ก่อนสักระยะแนวทางประกอบการตัดสินใจมีดังนี้
1.พิจารณาว่าการดํารงตําแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลควบคู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศได้อย่างไร ในหลักการ คือ การเชื่อมโยงอุดมศึกษาเข้ากับระบบสุขภาพของประเทศ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุข ดังนั้น การได้ปฏิบัติหน้าที่ ที่กระทรวงสาธารณสุขด้วยจะทําให้ทราบปัญหาความต้องการของประเทศด้านการสาธารณสุขได้เป็นอย่างดีสามารถนําประสบการณ์ไปใช้ในการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศร่วมกับระบบอุดมศึกษาและในการปรับปรุงการผลิตบุคลากรสาธารณสุขของประเทศได้อย่างเหมาะสมและโอกาสที่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรียังจะช่วยประสานงานด้านอื่นๆกับอุดมศึกษาเช่น การปฏิรูปสังคม และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นต้น
ทั้งนี้เนื่องจากช่วงเวลานี้มิใช่เวลาปกติของประเทศเป็นโอกาสที่ชาวไทยทุกคนจะต้องรวมพลังช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อจะขับเคลื่อนประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ให้เกิดการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง และยั่งยืน จึงเป็นไปได้หรือไม่ที่ชาวมหิดล จะช่วยกันร่วมแรงร่วมใจ ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยมหิดลให้ดําเนินไปได้ด้วยดีในขณะที่ผมรับตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขด้วย
2.เมื่อผมรับตําแหน่งรัฐมนตรีผมยังมีความรับผิดชอบต่อมหาวิทยาลัยมหิดลในการที่จะวางแผนการบริหารงานในช่วงนี้มิให้มีการติดขัดซึ่งต้องอาศัยเวลาระยะหนึ่งในการวางแผนเตรียมการ มิใช่จะสามารถจะปลดภาระหน้าที่ของอธิการบดีได้โดยทันที
3. ประเมินภาระงานที่กระทรวงสาธารณสุขว่าเป็นอย่างไร จะสามารถทํางานควบคู่กับตําแหน่งอธิการบดีได้หรือไม่ เนื่องจากวันที่ผมเขียนสารถึงชาวมหิดลนั้น เป็นวันที่ 1 กันยายน 2557 กว่าที่ผมจะเข้าปฏิบัติงานที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นวันที่ 13 กันยายน 2557 เนื่องจากต้องผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน และรอให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อน
4. เนื่องจากมีรัฐมนตรีอีกหลายท่านในรัฐบาลชุดนี้ซึ่งอยู่ในสถานะเดียวกับผม คือ ควบตําแหน่งรัฐมนตรีและงานประจําด้วย เนื่องจากในขณะนี้เป็นภาวะวิกฤตของประเทศ มีความจําเป็นต้องใช้บุคลากร ที่มีความรู้และประสบการณ์ในสายงานต่างๆ เพื่อช่วยกันแก้ไขวิกฤตของประเทศ ผมจึงต้องศึกษาแนวทางจากรัฐบาลในประเด็นนี้ประกอบด้วย
ผมขอเรียนว่าในแนวทางประกอบการตัดสินใจข้อแรกเป็นแนวทางที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ผมทราบว่าชาวมหิดลบางกลุ่มมีความประสงค์จะให้ผมดํารงอยู่ทั้ง2ตําแหน่ง แต่บางกลุ่มไม่เห็นด้วย ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างนี้เกิดขึ้นอยู่เป็นปกติไม่ว่าในสังคมใดก็ตาม ผมได้เตรียมการที่จะให้มีการปรึกษาหารือ ในเรื่องนี้ระหว่างฝ่ายที่เห็นแตกต่าง ด้วยสันติด้วยสุนทรียสนทนา เป็นการภายในมหาวิทยาลัยของเรา
เพื่อให้ได้มีข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่เราใช้กันมาโดยตลอดภายในมหาวิทยาลัยของเราแต่เป็นที่น่าเสียใจที่ชาวมหิดลบางกลุ่มมิได้เลือกใช้วิธีที่จะบริหารความเห็นที่แตกต่างโดยสันติแต่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้เข้าไปเริ่มทํางานในกระทรวงสาธารณสุขนําประเด็นที่ควรจะปรึกษาหารือตกลงกันได้อย่างปัญญาชนของแผ่นดินภายในมหาวิทยาลัยมหิดลประกาศทางสื่อมวลชน และมีการแพร่ข่าวผ่านทาง social media ต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลด้านเดียวที่ให้แก่สังคม โดยใช้ถ้อยคําที่รุนแรง และทําให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยมหิดลเสื่อมเสีย ผมมิประสงค์จะตอบโต้เนื่องจากไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยมหิดลเสื่อมเสียไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามตามที่ผมได้สัญญากับชาวมหิดลไว้ว่าจะขอเวลาสักระยะโดยอาศัยแนวทางประกอบการตัดสินใจ4องค์ประกอบ ตามที่เรียนให้ทราบแล้วข้างต้น
ผมจึงได้ตัดสินใจว่าจะขอปฏิบัติหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพียงตําแหน่งเดียว ทั้งนี้เพื่อจะได้รับใช้ประเทศชาติและเพื่อความเป็นเอกภาพของมหาวิทยาลัยมหิดล
สําหรับการบริหารมหาวิทยาลัยมหิดลในระยะเปลี่ยนผ่านว่าจะดําเนินการอย่างไรนั้นผมจะนําเข้าปรึกษาหารือในสภามหาวิทยาลัยมหิดลในการประชุมสภาฯวันที่15ตุลาคม 2557
ผมขอวิงวอนต่อชาวมหิดลว่าเหตุการณ์เช่นนี้มิควรเกิดขึ้นอีกในมหาวิทยาลัยที่เป็นที่รักของเรามหาวิทยาลัยต้องเป็นแบบอย่างด้านจริยธรรมของสังคมขอให้ชาวมหิดลทุกคนปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักธรรมาภิบาลบริหารความคิดความเห็นที่แตกต่างโดยสันติด้วยสติและปัญญาปัญหาภายในมหาวิทยาลัยของเราควรแก้ไขกันเอง โดยไม่ต้องประโคมข่าวสู่สังคมภายนอก ที่จะไม่เข้าใจความเป็นมาของแต่ละปัญหาอย่างลึกซึ้ง ไม่เข้าใจบริบทและวัฒนธรรมของมหิดล เป็นการให้ข้อมูลด้านเดียวแก่สังคม และทําให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยมหิดลเสื่อมเสีย
ผมขอให้ชาวมหิดลทุกคนตระหนักอีกครั้งว่าขณะนี้มิใช่เวลาที่ประเทศเป็นปกติแต่ชาติของเรากําลังอยู่ในช่วงของการปฏิรูปซึ่งชาวไทยทุกคนรวมทั้งชาวมหิดลด้วยจะต้องรวมพลังร่วมแรงร่วมใจ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้ชาติของเราก้าวหน้า และมีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ผมจะนัดหมายเพื่อสรุปงานที่ผมได้ดําเนินการในฐานะอธิการบดีและเพื่อขอบคุณทุกท่านตาม
กําหนดการที่จะแจ้งให้ทราบต่อไปในขณะนี้ดัชนีชี้วัดทุกตัวระบุว่ามหาวิทยาลัยของเรามีความก้าวหน้าในทุกทางโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคและมีโครงการจํานวนมากที่ลงดําเนินการในชุมชนที่ประชาชนไทยในชุมชนจะได้รับการพัฒนาให้มีชีวิตที่ดีขึ้นสุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณท่านรองอธิการบดีคณบดีผู้อํานวยการผู้อํานวยการกองและชาวมหิดลทุกท่านที่เสียสละทุ่มเททํางานเพื่อมหาวิทยาลัยมหิดล และสังคมไทย และขอบคุณสําหรับกําลังใจที่ท่านได้มอบให้กับผมมาโดยตลอด
ขอบคุณครับ
ศาสตราจารย์รัชตะ รัชตะนาวิน
อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิด
มติชนออนไลน์ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557