กรมแพทย์แผนไทยเผย "หญ้าหยาดน้ำค้าง" สรุปเป็นแค่ "หญ้ากาบหอยตัวเมีย" พบได้ทั่วไป มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย รักษาแผลภายนอก ไม่สามารถรักษามะเร็งได้ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มอบหมายให้ ศ.วงศ์สถิตย์ ฉั่วกุล ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และนางเสาวณีย์ กุลสมบูรณ์ ผอ.สำ นักการแพทย์พื้นบ้าน แถลงข่าวผลการตรวจสอบ "หญ้าหยาดน้ำค้าง" ภายหลังจากที่มีชาวบ้านชาวกำแพงเพชรแห่เก็บ เนื่องจากเชื่อว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้
ภญ.สุภาภรณ์กล่าวว่า หญ้าหยาดน้ำค้างที่ชาวบ้านเรียกกัน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นผักพื้นบ้านเรียกว่า "หญ้ากาบหอยตัวเมีย" และยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปและมีในหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ทั้งยังพบได้ในหลายประเทศ อาทิ จีน ออสเตรเลีย สหรัฐ และมาเลเซีย โดยมีสรรพคุณในการต้านและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่ใช้เป็นยารักษาภายนอก รักษาแผลอักเสบ โดยเฉพาะแผลที่โดนเห็บป่ากัด แก้กลากเกลื้อน แผลน้ำร้อนลวก และใช้ต้มอาบรักษาในสตรีหลังคลอด และไม่มีสรรพคุณในการรักษามะเร็งตามที่ชาวบ้านเข้าใจและมีความเชื่อที่ผ่านมาประเทศเวียดนามเคยมีการรักษาในหลอดทดลอง แต่ให้ผลได้ไม่ดี ไม่สามารถรักษามะเร็งได้ ซึ่งหากจะมีการทำการวิจัยศึกษาต่อยอดควรศึกษาในด้านการต้านเชื้อแบคทีเรียมากกว่า
"ตราบใดยังไม่มีการทำการวิจัยพิสูจน์ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นยาที่รักษามะเร็งได้ ซึ่งที่กังวลคืออาจทำให้ผู้ป่วยมะเร็งอาการลุกลาม เสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้องและหายได้ ทั้งยังสูญเสียเงินจำนวนมาก เนื่องจากมีการขายในกิโลกรัมที่แพงมาก หากเป็นชนิดสดอยู่ที่ 500 บาท แต่หากเป็นชนิดแห้งอยู่ที่หมื่นบาท"ภญ.สุภาภรณ์กล่าว และว่า ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ จะส่งตัวอย่างหญ้ากาบหอยตัวเมียไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อตรวจดูสารสำคัญและความเป็นพิษอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลต่อไป
ทั้งนี้ หากจะต้องการกินผักพื้นบ้านหรือใช้สมุนไพร ควรใช้สมุนไพรที่มีการวิจัยและรับรองแล้ว อย่างขมิ้นชัน มะกรูด ใบยอ และหญ้าปักกิ่ง เป็นต้น ซึ่งมีถึง 30 ชนิดที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้ ทั้งยังหาได้ง่าย.
ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 16 มีนาคม 2555