ผู้เขียน หัวข้อ: ขรก.ร้องสื่อย้ำแพทย์-พยาบาลสภา2มาตรฐาน  (อ่าน 705 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 15 มกราคม 2556 13:26:00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงความคืบหน้ากรณีนายสกล สนธิรัตน (เอ๋) ช่างภาพเนชั่น ประจำรัฐสภา ที่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและมีเลือดออกในสมองขณะปฎิบัติหน้าที่ในรัฐสภา แต่เจ้าหน้าที่ปฎิเสธนำรถพยาบาลส่งโรงพยาบาล เป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง ?ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มกราคม ?ในการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ ที่มีนายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เตรียมจะหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมกรรมาธิการฯวันที่ 17 มกราคม ?ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลพระมงกฏเกล้าฯ กรณีการให้ความช่วยเหลือนายสกล ซึ่งเจ็บป่วยฉุกเฉินระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่รัฐสภา? ทั้งนี้ ที่ประชุมจะได้เชิญนายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาฯ, พล.ต.ชุมพล เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และตัวแทนสื่อมวลชนเข้าชี้แจง


 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แพทย์ พยาบาลฉุกเฉินที่ประจำอยู่ที่รัฐสภา รวมถึงพยาบาลที่ประจำอยู่ในห้องพยาบาลไม่ได้ให้ความเท่าเทียมในการปฏิบัติหน้าที่กับผู้เจ็บป่วย ได้มีข้าราชการประจำรัฐสภา รวมถึงลูกจ้าง ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อขอให้สื่อสารไปยังผู้บริหารของรัฐสภา ต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เท่าเทียมเนื่องจาก การปฏิบัติหน้าที่ของพยาบาลในห้องพยาบาลไม่เป็นธรรม เมื่อลูกจ้าง หรือ ข้าราชการเจ็บป่วยเล็กน้อยและเข้าไปขอยารับประทานเพื่อบรรเทาอาการ ?แพทย์ที่ประจำห้องพยาบาล ไม่ได้จ่ายยาให้โดยทันที พร้อมยกเหตุผลว่าต้องขอใบรับรองจากแพทย์ว่าป่วย หรือมีใบสั่งจ่ายยาจากแพทย์ก่อน ???????? นอกจากนั้นแล้วยังมีการซักประวัติแบบละเอียดกว่าจะจ่ายยาให้ และในบางครั้งข้าราชการมีอาการป่วย และต้องการนอนพักในช่วงที่พักเที่ยง เจ้าหน้าที่พยาบาลปฏิเสธที่จะให้นอนพักในห้องพยาบาล โดยอ้างว่าต้องให้เตียงสำหรับผู้ป่วยซึ่งเป็น ส.ส.และ ส.ว.

“เข้าใจว่า ข้าราชการ ลูกจ้างรัฐสภา ไม่มีเงินไปจ่ายทิปให้พยาบาล แพทย์ เหมือนกับส.ว. หรือ ส.ส. บางคนที่มีการให้เงิน เขาจึงปฏิบัติกับเราอย่างไม่เท่าเทียม ปัญหาการขอยาแล้วไม่ให้ หรือมีความยุ่งยากในการเข้ารับบริการ จึงทำให้หลายคนไปซื้อยาจากองค์กรเภสัชมารับประทานเอง” ข้าราชการรัฐสภารายหนึ่งให้ข้อมูล