ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 11-16 ก.พ.2556  (อ่าน 1068 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9805
    • ดูรายละเอียด
สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 11-16 ก.พ.2556
« เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2013, 21:03:12 »
1. “ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ” ตรัส “ในหลวง-พระราชินี” ทรงหายจากพระอาการประชวรแล้ว!
       
       ​เมื่อวันที่ 13 ก.พ. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระดำรัสแก่คณะข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี และคนไทยที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐอินเดีย ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมลีลา พาเลซ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ประทับ ระหว่างเสด็จเยือนสาธารณรัฐอินเดีย โดยทรงมีพระดำรัสถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า ขณะนี้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงแล้ว “เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีไข้ต่ำๆ อยู่ติดต่อกัน จากการตรวจพบว่า ทรงมีปอดอักเสบทางด้านขวา และแพทย์ได้ถวายยาปฏิชีวนะ ตอนนี้ทรงหายแล้ว ไม่มีไข้แล้ว ทรงแจ่มใสขึ้นมาก ก็ยังต้องติดตามพระอาการอยู่ ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แพทย์ถวายการรักษา ตลอดจนกายภาพบำบัดจนหายดีมาก เป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ทรงพระดำเนินได้อย่างคล่องแคล่ว และทรงออกพระกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่แพทย์ยังแนะนำให้พักพระราชกรณียกิจทั้งสองพระองค์ไปอีกระยะหนึ่ง แต่ว่าอันตรายนั้นไม่มีแล้ว ขอให้คนไทยทุกคนสบายใจได้”
       
       2. ปชป. จี้ นายกฯ – ผบ.ตร. ย้าย “คำรณวิทย์” เหตุใช้กลไก ตร.ช่วย “พงศพัศ” ขณะที่ปมโพลชี้นำ ถึงมือศาล ปค.สูงสุด!

       ​เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลวิจัยเชิงสำรวจเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ร้อยละ 43.9 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ขณะที่ร้อยละ 37.6 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
       
       ​วันต่อมา(14 ก.พ.) นายนพดล เผยผลวิจัยเชิงสำรวจของเอแบคโพลล์อีกเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ในกลุ่มที่จะไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่ๆ ร้อยละ 47.1 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ขณะที่ร้อยละ 38.5 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
       
       ​วันต่อมา(15 ก.พ.) มีผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของอีก 2 สำนักออกมา โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต สำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัต ร้อยละ 44.04 และเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้อยละ 34.13 ขณะที่นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 25.20 ระบุว่าจะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ และร้อยละ 23.07 จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ขณะที่ร้อยละ 41.33 ยังไม่ตัดสินใจ
       
       ​ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) ตรวจสอบการทำและเผยแพร่ผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเข้าข่ายชี้นำประชาชนนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. กกต.กทม.ได้มีมติไม่รับคำร้องดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากผู้ร้องนำเอกสารหลักฐานมาจากสื่อมวลชน ไม่ได้พบการกระทำผิดด้วยตัวเอง และไม่สามารถหาเอกสารหลักฐานหรือข้อมูลเชิงลึกมายืนยันการกระทำผิดได้ เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น
       
       ​หลัง กกต.กทม.ไม่รับคำร้องเรื่องโพลชี้นำ วันต่อมา(13 ก.พ.) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ร่วมกับผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.บางคน และผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 7 คน เดินทางไปยื่นฟ้อง กกต.กทม.และ กกต.กลาง ต่อศาลปกครองกลาง ฐานเป็นหน่วยงานทางปกครองละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 โดยชัดแจ้ง ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย ด้านศาลปกครองกลางได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งนัดคู่กรณีมาไต่สวนเร่งด่วนในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เวลา 13.30น.
       
       ​อย่างไรก็ตาม 2 วันต่อมา(15 ก.พ.) ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกเลิกนัดไต่สวนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ศาลปกครองกลางพิจารณาคำฟ้องแล้ว เห็นควรส่งคดีดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากองค์คณะเห็นว่า คดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น อยู่ในอำนาจของศาลปกครองสูงสุด
       
       ​ทั้งนี้ วันเดียวกัน ที่ประชุม กกต.กทม.ได้มีมติรับเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 ร้องขอให้ตรวจสอบการทำและเผยแพร่ผลโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของสวนดุสิตโพล เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.กทม.จะสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และสามารถขอขยายเวลาสอบสวนได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน ก่อนเสนอความเห็นต่อ กกต.กลาง ให้มีคำวินิจฉัยต่อไป
       
       ​ด้านพรรคประชาธิปัตย์เริ่มร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นกลางของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว โดยนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแถลง(14 ก.พ.) เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) โยกย้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกนอกพื้นที่นครบาลตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เป็นกลางในการช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ เพราะใช้กลไกของตำรวจในการช่วยเหลือ เช่น เกณฑ์ตำรวจชุมชนไปฟังการปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง ,สั่งการให้แม่บ้านตำรวจต้องไปเลือกผู้สมัครพรรคหนึ่ง หากไม่เลือกจะไล่ออกจากแฟลตตำรวจ ทั้งยังขอร้องให้นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว แต่งเพลงหาเสียงให้ พล.ต.อ.พงศพัศ นายวัชระ เผยด้วยว่า ตนจะยื่นหนังสือให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
       
       ​ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รีบออกมาโต้กลับพรรคประชาธิปัตย์ว่า “ผมพูดเสมอว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ไม่ต้องให้ย้ายหรอก ผมจะลาออกทันที ให้รีบๆ เป็นรัฐบาล ผมจะได้ลาออกสักที ผมให้คนที่เคารพรักประดับยศให้ก็ไปฟ้องผม ทนายพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำร้าย ก็กล่าวหาว่าผมทำ พอแอ๊ด คาราบาว แต่งเพลงให้ผู้สมัครหมายเลข 9 ก็ฟ้องผมอีก แอ๊ดกับผมรักกันมาตั้งนานแล้ว ผมเจอกันบ่อย จึงถามแอ๊ดแต่งเพลงให้ใครบ้าง เขาบอกแต่งให้เบอร์ 11 และบอกไปว่า ทำไมไม่แต่งให้ทุกคนไปเลย จะได้เป็นแฟชั่น แต่แอ๊ดบอกว่าไม่ได้ ต้องให้เขาขอมา และต้องมีข้อมูลให้เขา แล้วแอ๊ดไปเอาข้อมูลจากพรรคเพื่อไทย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”
       
       ​ด้าน พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. รีบออกมาสรุปทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นการกระทำใดของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เป็นการให้คุณให้โทษกับผู้สมัครรายใด
       
       3. โจรใต้ครึ่งร้อย บุกถล่มฐานทหารนราธิวาส โชคดี จนท.รู้ก่อน ส่งนาวิกโยธินย้อนรอย ปะทะเดือด ผล โจรใต้ตายเกลื่อน 16 ศพ

       ​เมื่อวันที่ 13 ก.พ. เวลา 01.30น. โจรใต้ประมาณ 50-60 คน นำโดยนายมะรอโซ จันทราวดี ได้สวมชุดคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหารกองร้อยปืนเล็กที่ 2 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 กองทัพเรือ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ฐานย่อยในพื้นที่สีแดง ต.บาเร๊ะเหนือ ตั้งอยู่ในสวนยางพารา ริมถนนบ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่ฝ่ายทหารทราบเบาะแสมาก่อนแล้วว่ากลุ่มโจรใต้จะโจมตีฐานทหารดังกล่าว จึงเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว โดยเกิดการปะทะและยิงตอบโต้กันนานกว่า 1 ชั่วโมง
       
       ​ด้านตำรวจ สภ.บาเจาะ พยายามเข้าไปช่วยอีกแรง แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้ เพราะคนร้ายโรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ขวางถนนเอาไว้หลายจุด หลังผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยจุดที่ยิงปะทะกัน พบคนร้ายเสียชีวิตหลายคน และหลบหนีไปได้ไม่ต่ำกว่า 30-40 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารปลอดภัย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
       
       ​ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รอจนเช้า จึงนำกำลังเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ แต่นอกจากคนร้ายจะโรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้ขวางทางแล้ว ยังได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ในถังแก๊สหนัก 50 กก.บนถนนที่เจ้าหน้าที่จะผ่าน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเคลียร์นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถเข้าไปยังฐานปฏิบัติการได้
       
       ​เมื่อถึงหน้าฐานปฏิบัติการ พบศพคนร้ายแต่งกายชุดพรางใส่เสื้อเกราะแบบทหาร ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกไหมพรม นอนเสียชีวิตกระจายกันตามโคนต้นยางพาราที่คาดว่าใช้เป็นจุดกำบังรวม 16 ศพ ขณะที่ข้างกายมีอาวุธปืนอาก้าและปืนเอ็ม 16 ทุกคน
       
       ​พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เผยว่า กลุ่มคนร้ายที่เสียชีวิต ประกอบด้วย นายมะรอโซ จันทราวดี ซึ่งเป็นแกนนำกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.บาเจาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคง 11 หมาย และเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมายจับที่ออกโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 3 หมาย ทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อเหตุบุกสังหารโหดนายชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง ต.บาเร๊ะใต้ ต.บาเจาะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ,นายซาอูดี อาลี ,นายซาบิรี โลตาเชะ ,นายมะไพดี ปูเต๊ะ ,นายกาสมัน มะเด็ง ,นายปรือกิ นิมิง ,นายรอมือลี ซาเระ ,นายมะสักกรี สะสะ ,นายฮาเซ็ม บือราเฮง ,นายมะนัง บือราเฮง , นายอาหะมะ โซะกุนิง ,นายมะตอเฮ แฉะ ,นายอับดุลเลาะ โต๊ะมะ ,นายมะยุดดิน รีรา ,นายมัสลัน มะลี และนายอัสรี รอเป็ง
       
       พ.อ.ปราโมทย์ เผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างแบบมาตรฐาน 3 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง(ปลากระป๋อง) 3 ลูก อาวุธปืนยาว 13 กระบอก อาวุธปืนพก 3 กระบอก รถกระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง
       
       ​รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของผู้เสียชีวิต พบจดหมายโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมประกาศจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์ และมวลชน รวมทั้งประกาศทวงคืนทุกชีวิตที่สูญเสียไป
       
       ​ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่ามีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 6 ตำบลของจังหวัดนราธิวาสและปัตตานี โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว แต่ขอความร่วมมือไม่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ออกจากบ้านยามวิกาลของคืนวันที่ 13 ก.พ. ถึง 06.00น.วันที่ 14 ก.พ. เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย เพราะยังมีกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีอยู่อีก 30-40 คน ห่วงประชาชนจะไปพบเจอเข้า อาจเป็นอันตรายได้
       
       ​สำหรับความสำเร็จของการรับมือโจรใต้ครั้งนี้ น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 เผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายมะรอโซ แกนนำอาร์เคเคจะนำกำลังเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร เพื่อล้างแค้นให้กับนายสุไฮดี ตาเห สมุนคนสนิท ซึ่งเป็น 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุยิงครูชลธีเสียชีวิต และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 ก.พ. “หลังเจ้าหน้าที่วิสามัญนายสุไฮดี ยังสามารถตรวจยึดแผนผังและเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 เจ้าหน้าที่จึงได้วางมาตรการรับมือกลุ่มคนร้ายที่จะบุกถล่ม”
       
       ​นอกจากนี้ ทางผู้ใหญ่ในกองทัพเรือได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก(รีคอน) 11 นาย ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของหน่วยนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ(ซีล) 11 นาย ไปประจำการที่ฐานดังกล่าว เพื่อร่วมปฏิบัติการและรับมือกลุ่มคนร้ายที่จะก่อเหตุ ทำให้การปะทะครั้งนี้ ไม่เกิดความสูญเสียในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหาร
       
       ​เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุปะทะดังกล่าว จนกลุ่มโจรใต้เสียชีวิต 16 ศพ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รีบออกมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคนร้ายที่เสียชีวิต พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสหาทางเยียวยาครอบครัวเหล่านั้น เนื่องจากไม่มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุ กระทั่งมีเสียงวิจารณ์ว่า จะมีการจ่ายเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาทแก่ครอบครัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว เหมือนกับที่จ่ายให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองหรือ? ซึ่งภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิม ได้ออกมาโต้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ พร้อมพูดใหม่ว่า ที่ตนบอกว่าต้องหาทางเยียวยานั้น หมายถึงการพูดคุยก็ได้ ทำไมต้องไปแปลความว่า 7.5 ล้านบาท “ผมไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือ ผมไม่โง่นะ มันไม่มี เพราะจะเอาเงินที่ไหนไปให้เขา”
       
       ​ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุความไม่สงบ เฉพาะกรณีที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.การชดเชยทรัพย์สินที่เสียหายตามระเบียบ ทั้งบ้านและสวนยาง ซึ่งเป็นเงินเยียวยาแน่นอน 2.การดูแลด้านมนุษยธรรมแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งไม่ได้พูดถึงตัวเงิน เพราะบางครอบครัวอาจไม่จำเป็นต้องให้เงิน
       
       ​ส่วนความคืบหน้าว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ หลัง ร.ต.อ.เฉลิม ส่งสัญญาณอยากให้ประกาศในพื้นที่สีแดง แต่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เห็นด้วย โดยอยากให้ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ว่าอยากให้ประกาศหรือไม่ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.) ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต.เป็นประธาน ได้มีมติเอกฉันท์ว่า ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากประเมินทุกมิติแล้วเห็นว่า สถานการณ์ยังไม่จำเป็นต้องประกาศ และเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้
       
       4. “เสธ.หนั่น” ถึงแก่กรรมแล้ว หลังรักษาตัวนานเกือบ 3 เดือน ด้าน “ปิยะพันธ์” ได้เลื่อนเป็น ส.ส.แทน!

       ​เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงถึงอาการของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.2555 ด้วยปัญหาทางเดินหายใจ(ถุงลมโป่งพอง) ว่า ตลอดเวลา แพทย์ได้ให้การรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยังใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมทั้งเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด แม้จะมีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ แต่ก็รักษามาโดยตลอด
       
       ​กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.สนั่นมีอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง ความดันลดต่ำลงมาก ส่งผลให้ภาวะไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจล้มเหลว ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบในเวลา 17.00น.
       
       ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทานแก่ พล.ต.สนั่น ที่ศาลาขจรประศาสน์ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. พร้อมพระราชทานพวงมาลา เพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน
       
       ​การเสียชีวิตของ พล.ต.สนั่น ทำให้ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนาว่างลง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 109 กำหนดว่า กรณีที่ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อว่างลงเพราะเหตุอื่นใด ทางประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง ซึ่งกรณีนี้ ส่งผลให้นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 6 ของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับการประกาศให้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแทน พล.ต.สนั่น
       
       5. ทั่วโลกตื่น อุกกาบาตขนาดใหญ่ถล่ม “รัสเซีย” เจ็บนับพัน ด้านนักดาราศาสตร์ไทย ชี้ อุกกาบาตตกใส่โลก ไม่ใช่เรื่องแปลก!

       ​เมื่อวันที่ 15 ก.พ. เวลา 09.20น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 10.20น.ตามเวลาในไทย สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า อุกกาบาตลูกหนึ่งได้พุ่งผ่านท้องฟ้าเหนือเทือกเขาอูราล ในเมืองเชลยาบินส์ บริเวณตอนกลางของประเทศรัสเซีย และเกิดระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดส่งคลื่นสั่นสะเทือนออกมากระแทกกระจกอาคารสิ่งก่อสร้างจำนวนมากแตกเสียหาย และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับพันคน
       
       ​ทั้งนี้ เหตุการณ์อุกกาบาตระเบิดเหนือประเทศรัสเซียครั้งนี้ สร้างความตื่นตระหนกและตื่นตะลึงให้แก่ผู้ที่พบเห็นอย่างมาก โดยเป็นภาพวัตถุชนิดหนึ่งพุ่งแหวกท้องฟ้ายามเช้าด้วยความเร็วสูง มีควันขาวพุ่งเป็นทางตามวิถีโคจร ก่อนจะเกิดแสงสว่างวาบขึ้น ส่งผลให้ผู้คนแตกตื่นและพากันวิ่งเข้าหาที่หลบภัยภายในอาคาร แต่กระนั้นก็มีผู้บาดเจ็บนับพันคน ส่วนใหญ่ถูกเศษกระจกที่แตกจากแรงสั่นสะเทือนของอุกกาบาตที่ระเบิด ขณะที่โรงเรียนทั่วทั้งเมืองเชลยาบินส์ต่างพากันปิด หลังจากกระจกหน้าต่างของอาคารสิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหาย
       
       ​สภาวิทยาศาสตร์รัสเซีย แถลงว่า นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า อุกกาบาตที่ลอยอยู่เหนือเมืองเชลยาบินส์ น่าจะมีน้ำหนักราว 11 ตัน เดินทางเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วอย่างน้อย 54,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเกิดระเบิดจนแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ที่ความสูงราว 30-50 กิโลเมตร เหนือพื้นโลก
       
       ​ด้านนายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย กล่าวในการประชุมด้านเศรษฐกิจที่เมืองคราสโนยาร์ส แคว้นไซบีเรียว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า “ไม่เพียงเศรษฐกิจเท่านั้นที่เปราะบาง แต่เป็นโลกของเราทั้งหมด” ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีดมิทรี โรโกซิน บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้นำโลกควรจะต้องพัฒนาระบบที่สามารถยิงทำลายหรือขัดขวางวัตถุจากอวกาศไม่ให้ตกใส่โลกขึ้นมาให้สำเร็จ
       ​
       ​สำหรับความเคลื่อนไหวในไทย นายวรเชษฐ์ บุญปลอด กรรมการวิชาการสมาคมดาราศาสตร์ไทย(สดร.) พูดถึงอุกกาบาตที่ตกในรัสเซียว่า ทางองค์การอวกาศแห่งยุโรปได้ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องดาวเคราะห์น้อย 2012 ดีเอ 14 ที่เคลื่อนที่เฉียดโลก แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดเหตุการณ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเท่านั้น การที่มีผู้บาดเจ็บนับพันคน ไม่ได้เกิดจากอุกกาบาตโดยตรง แต่เป็นผลจากการที่อุกกาบาตเคลื่อนที่เข้าสู่บรรยากาศโลกด้วยความเร็วค่อนข้างสูง เกิดเป็นคลื่นกระแทกหรือช็อกเวฟ ทำให้กระจกแตกกระเด็นใส่คนที่อยู่ใกล้จนได้รับบาดเจ็บ
       
       ​นายวรเชษฐ์ ยังยืนยันด้วยว่า การมีอุกกาบาตตกลงมายังโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกลางทะเล หรือกลางป่าลึก หรือในทะเลทราย ไม่มีใครเห็น จึงไม่เป็นข่าว แต่ครั้งนี้ตกในประเทศรัสเซีย และตกในเมืองที่มีคนอาศัยอยู่มาก เมื่อคนเห็นมาก จึงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถูกจินตนาการกันไป

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    17 กุมภาพันธ์ 2556