นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า บริษัทมีแผนศึกษาการลงทุนใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นการลงทุนสร้างใหม่และควบรวมกิจการ (M&A) ล่าสุดได้ซื้อโรงพยาบาลสุนทรภู่ จังหวัดระยอง ต้นเดือนสิงหาคมนี้จะเริ่มเข้าไปปรับปรุงและอีก 1 ปีจะเปิดให้บริการได้ โดยเน้นรักษาโรคพื้นฐานและมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก รองรับกลุ่มลูกค้าโรงงานนิคมอุตสาหกรรม ส่วนโรคซับซ้อนจะส่งต่อไปที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยอง
นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลกรุงเทพ-เชียงใหม่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ส่วนโรงพยาบาลกรุงเทพ-อุดรธานี จะเปิดให้บริการในอีก 2 เดือนข้างหน้า โดยแผนการขยายสาขาจากนี้ไปตั้งเป้าจะเปิดใหม่ปีละ 3-4 แห่ง เป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง โดยช่วงแรกเริ่มต้นที่ 50 เตียง ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเจรจาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"ตอนนี้การขยายสาขาตามทำเลต่าง ๆ ในกรุงเทพฯและหัวเมืองสำคัญ ๆ ค่อนข้างครอบคลุม จากนี้จึงมีแผนจะศึกษาตลาดประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยประเทศที่สนใจ คือ พม่า และเวียดนาม คาดว่าอีก 2-3 เดือนจะมีความชัดเจนว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเองหรือร่วมทุน"
พร้อมกันนี้ยังมีแผนจะกลับมาก่อสร้างโรงพยาบาลพนมเปญอีกแห่งหนึ่ง หลังจากชะลอไประยะหนึ่ง จากเดิมที่มีอยู่ 2 แห่ง เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก และคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงต้นปี 2556 ซึ่งจะทำให้สามารถดูแลกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมทั้งในกัมพูชา เวียดนาม และลาว ใช้งบฯลงทุนไปแล้ว 700 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มงบฯลงทุนก่อสร้างอีก 250 ล้านบาท และงบฯเครื่องมือแพทย์อีก 200 ล้านบาท
"วันนี้เรามีโรงพยาบาล 29 แห่ง รวมเชียงใหม่ อุดรธานี ระยอง เป็น 32 แห่ง ต่อไปเราจะมีโรงพยาบาลรักษาโรคง่าย ๆ ค่าใช้จ่ายไม่สูง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนโรงพยาบาลเราที่เข้าไปถือหุ้น อย่างบำรุงราษฎร์ 23.8% หรือ รามคำแหง 38% เป็นโรงพยาบาลที่มีระบบการบริหารที่ดีอยู่แล้ว ยังไม่มีแผนเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น และต่อไปอาจมีการแชร์ในเรื่องเวชภัณฑ์หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนในต่างประเทศจะเน้นไปที่อาเซียนตอนบน ที่จะสามารถเชื่อมไปยังจีนตอนใต้ได้"
นายแพทย์ปราเสริฐกล่าวว่า ส่วนโรงพยาบาลในเครือที่มีอยู่เดิมจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยกลุ่มพญาไทและเปาโล จะมุ่งการต่อยอดด้านเทคนิคการให้บริการ ส่วนโรงพยาบาลกรุงเทพจะพัฒนาให้เป็นแฟ็กชิพของกลุ่ม และมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศเป็น 35% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอาเซียน จากปัจจุบันลูกค้าต่างประเทศและคนไทยอยู่ที่ 28:72
ขณะที่ นายแพทย์ชาตรี ดวงเนตร กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพกล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดสถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกายกรุงเทพ หรือ BASEM ได้ใช้งบฯลงทุนมากกว่า 70 ล้านบาท เพื่อยกระดับให้เป็นผู้นำทางด้านการรักษาอาการบาดเจ็บและวิเคราะห์ปัญหาจากการเล่นกีฬา ซึ่งเป็นศูนย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากฟีฟ่า หรือศูนย์การแพทย์แห่งความเป็นเลิศของฟีฟ่า ถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในอาเซียน
13 ก.ค. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
