ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.มอบ “ราชวิทยาลัย” ทำบัญชียา-เวชภัณฑ์ รับมือภาวะฉุกเฉิน  (อ่าน 850 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   6 มีนาคม 2556 21:54 น.   

   


       สธ.สั่งการบ้านราชวิทยาลัยต่างๆ จัดทำบัญชียาและเวชภัณฑ์จำเป็นในภาวะฉุกเฉิน เน้นกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังและต้องได้รับยาต่อเนื่อง คาดแล้วเสร็จ พ.ค.56
       
       นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมหารือเรื่องการจัดระบบสำรองยาและเวชภัณฑ์ในภาวะฉุกเฉิน และจัดทำเป็นศูนย์การสำรองยาระดับประเทศครั้งแรก ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หน่วยงานวิชาการ และราชวิทยาลัยต่างๆ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นในการจัดระบบยาและเวชภัณฑ์ให้เพียงพอในภาวะฉุกเฉินนั้น จะต้องสำรองอย่างน้อย 1-2 เดือนขึ้นไป และหากมีการสำรองยาแล้วประมาณ 6 เดือน แต่ไม่เกิดเหตุวิกฤตหรือภัยธรรมชาติใดๆ ที่ส่งผลต่อระบบยา อภ.จะทำหน้าที่ในการลำเลียงยาดังกล่าวไปใช้ในสถานพยาบาล เพื่อไม่ให้เกิดการค้างสต๊อกยา
       
       นพ.วิทิต กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายชื่อบัญชียาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น ที่ประชุมมีข้อสรุปให้ราชวิทยาลัยต่างๆ กลับไปจัดทำบัญชียาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นและต้องใช้อย่างต่อเนื่องในผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ เช่น ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำเป็นต้องล้างไตผ่านช่องท้อง ต้องฟอกเลือด จึงต้องมีการสำรองน้ำเกลือ โดยการจัดทำบัญชีรายชื่อยาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน พ.ค.2556 ส่วนงบประมาณในการจัดทำระบบยังไม่ได้หารือในรายละเอียด
       
       นพ.ประทีบ ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า เมื่อราชวิทยาลัยต่างๆ ได้จัดทำบัญชียาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นในภาวะฉุกเฉินแล้วเสร็จ จะเสนอที่ประชุมเพื่อพิจารณาและคัดกรองจัดทำเป็นบัญชียาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นในอันดับต้นๆ โดยมอบให้ นพ.เกรียง ตั้งสง่า ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นประธานคณะทำงานในการคัดกรองบัญชีดังกล่าว เบื้องต้นยาที่จำเป็นจะเน้นยาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และโรคที่ต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ต้องใช้น้ำยาล้างช่องท้องและฟอกเลือด ผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องใช้ยาต้านไวรัส ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องได้รับอินซูลีน รวมไปถึงผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องสำรองยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในห้องผ่าตัดด้วย เช่น การดมยา และเครื่องมือทดแทนการทำงานของหัวใจ ซึ่งในผู้ป่วยหัวใจบางกรณีต้องใช้เครื่องมือดังกล่าว หากเสียจำเป็นต้องมีเครื่องทดแทนทันที