ผลแบบสอบถาม ประสบการณ์การใช้ยาฉีดไดโคลฟีแนค (Diclofenac injection)ของบุคลากรทางการแพทย์
ที่มาจากที่สภาการพยาบาลได้ออกประกาศ เรื่อง ห้ามมิให้ยา Diclofenac ชนิดฉีด เนื่องจากมีรายงานการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหน้าแข้งและเท้า (Sciatic nerve) ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการพยาบาลไม่สามารถให้ยาฉีดยา Diclofenac (ไดโคลฟีแนค) ได้ด้วยตนเอง สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) จึงได้ทำการสอบถามประสบการณ์การใช้ยาฉีดไดโคลฟีแนค (Diclofenac injection) จากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์การใช้ยาฉีด Diclofenac ทุกสาขา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาถึงข้อดี-ข้อเสีย นำไปปรับปรุงการใช้ให้เกิดประโยชน์ และ ลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
กลุ่มเป้าหมายบุคลาการทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์สั่งจ่าย, จ่าย หรือฉีดยา Diclofenac
ระยะเวลาดำเนินการการสำรวจได้ทำขึ้นในช่วงเดือน มีนาคม ถึง มิถุนายน พ.ศ. 2564
ผลการดำเนินการมีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 275 คน ประกอบด้วย แพทย์ 238 คน, พยาบาล 28 คน, เภสัชกร 6 คน และวิชาชีพอื่น ๆ 3 คน
สรุปผลแบบสอบถามยาฉีด Diclofenac มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด มากถึงมากที่สุด 223 คน (83.5%), ปานกลาง 40 คน (15.0%), น้อยถึงน้อยที่สุด 4 คน (1.5%)
ยาฉีด Diclofenac มีความคุ้มค่า (ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคา) มากถึงมากที่สุด 235 คน (88.7%), ปานกลาง 23 คน (8.7%), น้อยถึงน้อยที่สุด 7 คน (2.6%)
ยาฉีด Diclofenac มีความปลอดภัย มากถึงมากที่สุด 179 คน (66.5%), ปานกลาง 77 คน (28.6%), น้อยถึงน้อยที่สุด 13 คน (4.8%)
บุคลากรทางการแพทย์ทราบวิธีฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ก้นแบบ Ventrogluteal technique 213 คน (78.3%), ไม่ทราบ 59 คน (21.7%)
บุคลากรทางการแพทย์หรือสถานพยาบาลที่บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติงานอยู่ได้รับผลกระทบจาก ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง ห้ามมิให้ยา Diclofenac ชนิดฉีด มาก 151 ราย (58.1%), ได้รับเพียงเล็กน้อย 68 ราย (26.2%), ไม่ได้รับ 41 ราย (15.8%)
ผลกระทบที่ได้รับ คือ ต้องฉีดยาตัวอื่นที่แพงกว่า เช่น Parecoxib, ต้องฉีด Diclofenac เอง, ต้องฉีดยาตัวอื่นที่อันตรายกว่า เช่น Morphine, ค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาลสูงขึ้น, ต้องฉีดยาตัวอื่นที่ประสิทธิภาพด้อยกว่า เช่น Paracetamol และ อื่น ๆ
ความเห็นอื่น ๆ ต่อ ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง ห้ามมิให้ยา Diclofenac ชนิดฉีด ได้แก่ ไม่เห็นด้วยกับประกาศของสภาการพยาบาล, ควรใช้วิธีการปรับปรุงมาตรฐานการฉีดยาแทนการห้ามพยาบาลฉีดยา, การตัดสินใจออกประกาศดังกล่าวไม่อ้างอิงหลักฐานทางวิชาการ, ผู้ป่วยและระบบสาธารณสุขได้รับผลกระทบ, หากมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นจากยาแพทย์ผู้สั่งยาจะรับผิดชอบเอง
สรุปผลแบบสอบถามจำแนกตามสาขาวิชาชีพ แพทย์แพทย์ที่ตอบแบบสอบถามเป็นแพทย์สาขาศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ 65 คน (27.3%) แพทย์สาขาเวชปฏิบัติทั่วไป 51 คน (21.4%) แพทย์สาขาศัลยกรรม 25 คน (10.5%) และ แพทย์สาขาอื่น ๆ
มีความเห็นว่า ยาฉีด Diclofenac มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดมากถึงมากที่สุด 84.2% (192/228) มีความคุ้มค่ามากถึงมากที่สุด 89.4% (211/236) มีความปลอดภัยมากถึงมากที่สุด 69.2% (162/234)
ทราบวิธีฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ก้นแบบ Ventrogluteal technique 80% (188/235)
พยาบาลมีความเห็นว่า ยา Diclofenac มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดมากถึงมากที่สุด 84.6% (22/26) มีความคุ้มค่ามากถึงมากที่สุด 87.5% (21/24) และ มีความปลอดภัยมากถึงมากที่สุด 40% (10/25) ปลอดภัยปานกลาง 56% (14/25) ปลอดภัยน้อยถึงน้อยมาก 4% (1/25)
ทราบวิธีฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ก้นแบบ Ventrogluteal technique 85.2% (23/27)
เภสัชกรมีความเห็นว่า ยาฉีด Diclofenac มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดมากถึงมากที่สุด 80% (4/5) มีความคุ้มค่ามากถึงมากที่สุด 100% (6/6) และ มีความปลอดภัยมากถึงมากที่สุด 100% (6/6)
วิเคราะห์ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีจากประสบการณ์ในการใช้ยาฉีด Diclofenac แพทย์ที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นแพทย์สาขาที่มีประสบการณ์การใช้ยาฉีด Diclofenac อย่างสูง ได้แก่ แพทย์ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์, แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป และแพทย์ศัลยกรรม
บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ ทั้งแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร มีความเห็นว่ายาฉีด Diclofenac มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด, มีความคุ้มค่า และ มีความปลอดภัยสูง
ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง ห้ามมิให้ยา Diclofenac ชนิดฉีด ส่งผลกระทบต่อบุคลากรทางการแพทย์ และสถานพยาบาล อย่างมาก
บุคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่ง (21.7%) ไม่ทราบวิธีการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ก้นแบบ Ventrogluteal technique ซึ่งเป็นวิธีการฉีดที่ป้องกันการบาดเจ็บของ Sciatic nerve ได้
สรุปและข้อเสนอแนะตามความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม ยาฉีด Diclofenac เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวด มีความคุ้มค่า และ มีความปลอดภัยสูง แต่ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง ห้ามมิให้ยา Diclofenac ชนิดฉีด ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลไม่สามารถฉีดยา Diclofenac ได้ด้วยตนเอง จึงส่งผลกระทบต่อบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลอย่างมาก
การบาดเจ็บของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหน้าแข้งและเท้า จากการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ก้น สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีการฉีดยาแบบ Ventrogluteal technique แต่บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนยังไม่ทราบวิธีการดังกล่าว ทำให้ยังมีรายงานภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวเกิดขึ้นประปราย และมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าการบาดเจ็บของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดจากตัวยาฉีด Diclofenac
การเน้นย้ำวิธีการฉีดยาดังกล่าวไว้ในการเรียนการสอนของนักศึกษาด้านสาธารณสุข การฝึกอบรมและฟื้นฟูความรู้ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนะนำให้ใช้เป็นวิธีการแรกในการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อที่ก้น จะเป็นการป้องการบาดเจ็บของเส้นประสาทดังกล่าว ทั้งจากยาฉีด Diclofenac และยาฉีดตัวอื่น ๆ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความมั่นใจในตัวยาฉีด Diclofenac ยิ่งขึ้น และ สามารถนำยาฉีด Diclofenac ที่มีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความปลอดภัยสูง กลับมาใช้เป็นยาฉีดแก้ปวดตัวหลักได้อีกครั้ง
เผยแพร่
๗ สิงหาคม ๒๕๖๔
สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย (สพศท.)