4. ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ให้อภัย ไทยพาณิชย์ ไม่บอยคอตแล้ว หลังขอโทษบกพร่องรับสมัครงาน 14 สถาบัน!
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. สื่อมวลชนได้เผยแพร่ทวิตเตอร์ของผู้ใช้นามแฝงว่า @LadyGunga ที่โพสต์ภาพคุณสมบัติการรับสมัครงานของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้อความทำนองว่า ธนาคารเลือกรับสมัครงานจากชื่อมหาวิทยาลัยแล้วเหรอ ประเทศไทย พร้อมบอกว่าไม่เอ่ยชื่อธนาคาร แต่สมมติว่าชื่อไทยพาณิชย์
ทั้งนี้ ในภาพระบุคุณสมบัติของผู้สมัครงานว่า เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.75 จากมหาวิทยาลัย 14 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,ธรรมศาสตร์ ,เกษตรศาสตร์ ,มหิดล ,ศรีนครินทรวิโรฒ ,พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ,อัสสัมชัญ ,กรุงเทพ ,บูรพา ,ขอนแก่น ,เชียงใหม่ ,สงขลานครินทร์ ,หอการค้าไทย ,แม่ฟ้าหลวง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ได้มีผู้มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจำนวนมาก ทำนองตำหนิธนาคารที่เลือกปฏิบัติต่อผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี ทั้งๆ ที่สังคมมองว่าชื่อมหาวิทยาลัยไม่สำคัญ ซึ่งต่อมา ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ส่งหนังสือชี้แจงถึงสื่อมวลชนว่า กรณีที่ธนาคารได้ลงประกาศโฆษณารับสมัครงานในตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงินฝึกหัด Financial Advisor Trainee ทางเว็บไซต์หางาน โดยระบุชื่อมหาวิทยาลัยจำนวน 14 สถาบันนั้น ธนาคารขออภัยอย่างสูงที่มีการผิดพลาดในการสื่อสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวการรับนิสิตนักศึกษาเข้าทำงาน ซึ่งความจริง นโยบายของธนาคารเปิดรับนิสิตนักศึกษาจากทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และได้ดำเนินการตามนโยบายนี้มาตลอด
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคำชี้แจงของธนาคารไทยพาณิชย์จะฟังไม่ขึ้น เพราะได้เกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ผู้บริหารและนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) ทั้ง 40 แห่งเป็นอย่างมาก โดยมีข่าวว่า มรภ.ทั้ง 40 แห่งอาจจะยกเลิกการทำธุรกรรมกับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งนายนิวัต กลิ่นงาม อธิการบดี มรภ.เพชรบุรี และประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ(ทปอ.มรภ.) เผยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ยอมรับว่ามีแนวคิดดังกล่าวจริง แต่ยังไม่ได้ลงมติ เตรียมนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุม ทปอ.มรภ.วันที่ 3 ก.ค. นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลที่อาจจะร่วมบอยคอตธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย
ด้าน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มองว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ทางธนาคารคงต้องไปทำความเข้าใจกับกลุ่ม มรภ. แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ มรภ.ต้องมองย้อนกลับด้วยว่า เหตุใดธนาคารจึงออกประกาศเช่นนั้น หรือว่ากลุ่ม มรภ.ยังไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควร หากกลุ่ม มรภ.ทบทวนแล้วว่าการจัดการเรียนการสอนของ มรภ.ยังบกพร่องอยู่ ก็ควรแก้ไขปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน
ด้านผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ พยายามดับความไม่พอใจของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่เดินสายขออภัยและชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริหาร มรภ.แต่ละสถาบันทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด พร้อมยืนยันด้วยว่า กรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารในโซเชียลมีเดียว่า ธนาคารไทยพาณิชย์มีการแบ่งกลุ่มสถาบันการศึกษาไว้ 3 กลุ่ม คือ AA , AB , BB นั้น ไม่ใช่เอกสารของธนาคารไทยพาณิชย์แต่อย่างใด
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังได้ออกหนังสือขออภัยในความบกพร่องที่เกิดขึ้นกรณีประกาศรับสมัครงานที่มีการกำหนดคุณสมบัติ 14 สถาบัน พร้อมมีคำสั่งยกเลิกและนำประกาศดังกล่าวออกจากสื่อทุกสื่อแล้ว รวมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเรื่องดังกล่าว และกำชับผู้เกี่ยวข้องดูแลป้องกันไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้อีก
ทั้งนี้ เมื่อถึงกำหนดที่ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ(ทปอ.มรภ.) จะพิจารณากรณีไทยพาณิชย์เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ปรากฏว่า ทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ขอส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมด้วย คือนายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ หลังประชุม ทั้งสองฝ่ายได้เปิดแถลงร่วมกัน โดยนายญนน์ ได้กล่าวขออภัยอีกครั้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับว่าเกิดจากความบกพร่องในกระบวนการทำงานของทางธนาคาร และขอบคุณคณะอธิการบดีของมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ที่ให้โอกาสและรับฟังคำชี้แจง พร้อมย้ำว่า ธนาคารมีนโยบายรับนักศึกษาจากทุกสถาบัน ไม่มีการปิดกั้นหรือแบ่งแยก โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและความสามารถเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์มีพนักงานกว่า 22,000 คน เป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากหลายสถาบัน ล่าสุด ปี 2557 ถึง พ.ค.2558 ได้รับพนักงานใหม่ 4,348 คน เป็นผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลับราชภัฏ 860 คน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 429 คน หรือ 30% ของพนักงานทั้งหมด
ด้านนายนิวัต กลิ่นงาม อธิการบดี มรภ.เพชรบุรี ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และนายประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้ร่วมกันชี้แจงว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลขอขอบคุณกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ให้เกียรติและให้ความสำคัญต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งสองกลุ่มสถาบันรับคำขอโทษจากผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ และขอยืนยันว่า การจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสองได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) และเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างสำคัญที่หน่วยงานต่างๆ ควรจะร่วมมือกันอย่างกัลยาณมิตรและให้โอกาสแก่บัณฑิตได้เพิ่มพูนศักยภาพบนพื้นฐานของความเสมอภาค
5. มือปืน จ่อยิง สมยศ สุธางค์กูร เจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ดับคาลานจอดรถ ด้านตำรวจตั้ง 3 ปมชนวนสังหาร!
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ได้รับแจ้งมีชายถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหลังร้านเฮงหูฉลาม ถนนพัฒนาการ แขวง-เขตสวนหลวง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นลานจอดรถ พบศพนายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของสถานบันเทิงพระราม 9 คาเฟ่ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ไหล่ข้างซ้าย 1 นัด โหนกแก้มขวา 1 นัด และกลางหลังอีก 1 นัด ใกล้กันพบรถเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องยนต์อยู่ บริเวณด้านท้ายรถฝั่งซ้ายมีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนจนบุบ
เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายพาภรรยามาทานอาหารที่ร้านดังกล่าว กระทั่งทานเสร็จเวลา 20.00 น. ขณะที่ผู้ตายกำลังเดินออกไปขึ้นรถที่ภรรยาติดเครื่องรออยู่ด้านหลังร้าน จู่ๆ มีชายเดินมาจ่อยิงหลายนัด ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ รปภ.และพนักงานของร้านอาหารดังกล่าว สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย มาขับวนเวียนเหมือนดูลาดเลาหลายรอบ ก่อนจะนั่งรอ เมื่อสบโอกาสจึงก่อเหตุ ทั้งนี้ ตำรวจได้ตั้งปมสังหารไว้ 3 ประเด็นคือ 1. เรื่องหนี้สินการพนันที่มีการโกงกันเป็นเงิน 4 ล้านบาท 2. เรื่องเงินค่าวิ่งเต้นล้มคดี 25 ล้านบาท และ 3.ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินย่านพระราม 9
สำหรับนายสมยศ สุธางค์กูร เป็นเจ้าของคาเฟ่ชื่อดังของเมืองไทย พระราม 9 คาเฟ่ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ถือเป็นศูนย์รวมของนักร้องและตลกชื่อดัง อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องจนต้องปิดตัวลงในที่สุด ทั้งนี้ เมื่อครั้งนายบุญเลี้ยง อดุลย์ฤทธิกุล เจ้าของวิลล่าคาเฟ่และดาราคาเฟ่ ถูกมือปืนยิงเสียชีวิตในลิฟท์ของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง โดยอ้างว่า เพื่อชิงทรัพย์เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2541 นายสมยศ สุธางค์กูร ซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทไปไหนมาไหนด้วยกันกับนายบุญเลี้ยงราวกับฝาแฝด ก่อนแตกคอกันเพราะเรื่องผลประโยชน์ ได้ถูกกระแสสังคมในขณะนั้นเคลือบแคลงว่ามีส่วนพัวพันกับการยิงนายบุญเลี้ยง อดุลย์ฤทธิกุล หรือไม่
ส่วนคดียิงนายสมยศนี้ จากการสอบปากคำนางรัศมี ภรรยานายสมยศ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นาน นายสมยศได้ทวงหนี้จากนางศุภนิดา นรรัตน์ หรือก้อย อายุ 48 ปี กว่า 20 ล้านบาท และหนี้พนันที่ถูกโกงไปอีก 4 ล้านบาท แต่ไม่เคยได้เงินคืน เป็นปัญหาคาราคาซังมาร่วมปี โดยนายสมยศพูดคุยให้ฟังเป็นระยะถึงเรื่องนี้ และเคยเล่าให้ฟังด้วยว่า มีคนขู่จะทำร้าย และว่า 1 สัปดาห์ก่อนนายสมยศถูกยิง ได้นัด เสธ.ณุ ที่ร้านลาบเป็ดหน้าปากซอยบ้านพัก ให้ไปพูดคุยเรื่องทวงหนี้นายเล็ก สามีนางศุภนิดากว่า 20 ล้านบาท ซึ่งสังเกตได้ว่า หลังจากกลับมา นายสมยศมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นนายสมยศได้นำอาวุธปืนที่เก็บไว้บนห้องนอนชั้น 2 มาไว้ด้านล่างไม่ให้ห่างตัว แต่ไม่เคยพกออกไปนอกบ้าน และว่า ช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ(29 มิ.ย.) นางศุภนิดาได้โทรศัพท์มาหาตน เพื่อยืมเงิน 2 แสนบาท แต่ได้ปฏิเสธไป จากนั้นนางศุภนิดาได้สอบถามว่าวันนี้จะไปไหนกันบ้าง ตนจึงตอบไปว่า ช่วงบ่ายจะพานายสมยศไปโรงพยาบาล จากนั้นจะไปรับประทานอาหารกันก่อนกลับบ้าน กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
นางรัศมี กล่าวด้วยว่า นางศุภนิดาสนิทสนมกับนายสมยศมากว่า 20 ปี มีกุญแจเข้าออกบ้านได้ นายสมยศไว้ใจนางศุภนิดามากกว่าตนเสียอีก ส่วนเรื่องที่นายสมยศถูกหลอกเงินไปประมาณ 20 ล้านบาทนั้น นางรัศมี บอกว่า นางศุภนิดาได้มาสารภาพเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนว่า ได้นำเงินไปให้นายสมชัย นิตยา หรือเล็ก ซึ่งเป็นสามี ไปใช้จ่ายเล่นการพนัน และไปซื้อที่ดิน 2 แปลงที่ จ.ชุมพร ซึ่งนายสมยศได้จดทุกอย่างลงในสมุดบันทึก ไม่ว่าจะเรื่องหนี้สินหรือปัญหาต่างๆ โดยตนสงสัยนางศุภนิดา และอยากถามว่า นายสมยศผิดอะไร ถึงต้องมาทำแบบนี้ ทั้งที่ถูกคนอื่นโกงเงินไป
ทั้งนี้ ตำรวจได้สอบปากคำนางศุภนิดาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า เป็นคนสนิทของนายสมยศ และว่า นายสมยศเปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย โดยตนเป็นผู้ประสานงานด้านคดีความระหว่างนายสมยศกับลูกความ พร้อมยอมรับว่า ตนได้นำเงินของลูกความที่ให้เคลียร์คดี ซึ่งนายสมยศให้ตนมา 1 ล้านเพื่อเป็นตัวแทนไปจัดการอีกทอดหนึ่ง แต่ตนกลับนำไปให้นายเล็ก สามี นำไปเล่นการพนัน ซึ่งต่อมา นายสมยศให้เงินอีก 10 ล้าน แต่ตนก็ไม่เคยนำเงินไปจัดการเรื่องคดีความตามที่ตกลงกันไว้ จากนั้นนายเล็กได้วางแผนให้ชักชวนนายสมยศไปเล่นการพนันที่บ้านพรรคพวกย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยนัดแนะกันว่าจะรุมกินโต๊ะนายสมยศ เมื่อนายสมยศไปตามนัด จึงเสียพนันไปกว่า 3 ล้านบาท
นางศุภนิดา ยังบอกด้วยว่า แม้ตนจะคบกับนายเล็กฉันสามีภรรยา แต่ตนเคารพนับถือนายสมยศมากกว่า ภายหลังจึงสารภาพกับนายสมยศ ทำให้นายสมยศโมโหและเริ่มทวงเงินที่ใช้วิ่งเต้นคดีและเรื่องที่เสียพนัน โดยได้ไปทวงกับนายเล็ก 28 ล้าน แต่นายเล็กปฏิเสธ นางศุภนิดา ยังบอกอีกว่า นายสมยศได้ติดต่อ เสธ.คนหนึ่งให้ไปทวงเงินกับนายเล็ก โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เสธ.ได้นัดหมายให้นายเล็กออกมาเจอเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้ แต่นายเล็กไม่ได้ไป กระทั่งประมาณวันที่ 26-27 มิ.ย.นายสมยศมาบอกดิฉันว่า จะให้ เสธ.ไปอุ้มนายเล็ก หากไม่ยอมคืนเงิน
มีรายงานว่า ตำรวจได้คุมตัวนายเล็กมาสอบปากคำแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ค. โดยนายเล็กปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นหนี้หลายล้านบาท แค่หลักแสนบาทเท่านั้น และไม่รู้เห็นการเสียชีวิตของนายสมยศแต่อย่างใด ส่วนผลการสอบปากคำ เสธ.ณุ หรือ พ.อ.ภาณุ จันทร์ศรี อดีตนายทหารสังกัดทหารบก เจ้าตัวยอมรับว่าได้พูดคุยเจรจาเรื่องหนี้สินกับนายเล็กตามที่นายสมยศไหว้วาน แต่ไม่ได้ใช้กำลังหรือไปอุ้ม ขณะที่การสอบปากคำนายปริญญา หรือนายปีเตอร์ ปิยะภาค และนางมุกรินทร์ นิตยา หรือเรียม น้องนายเล็ก ทั้งคู่ยอมรับว่า ได้เล่นพนันกับนายสมยศจริง แต่ไม่ได้มาก ประมาณ 7-8 แสนบาท พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการโกงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ชุดคลี่คลายคดีทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสมยศได้แจ้งความดำเนินคดีนางศุภนิดา-นายเล็ก-นายปีเตอร์-นางมุกรินทร์ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ด้วย ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุครั้งนี้ ตำรวจได้สเก็ตช์ภาพและขอศาลออกหมายจับแล้ว 2 คน เป็นชายไทย คนขี่จักรยานยนต์ผิวคล้ำ ผมสั้น ส่วนมือปืนผมยาว ผิวคล้ำ สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน ทั้งคู่อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2558