ผู้เขียน หัวข้อ: ร.พ.ชิงเค้กความงาม 2 หมื่น ล. "บีเอ็นเอช-เวชธานี" พลิกกลยุทธ์ดึงลูกค้า  (อ่าน 1165 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9796
    • ดูรายละเอียด
การปรับตัวของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่ผ่านมา ไม่ได้แค่เพียงพลิกภาพลักษณ์ ที่เน้นดีไซน์และบรรยากาศเหมือนโรงแรมหรู ที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ มาอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่เข้ามาใช้บริการเท่านั้น

แต่ยังเสริมบริการพิเศษที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป

ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมการตรวจเช็กสุขภาพ ทันตกรรมความงาม ศูนย์ความงาม รวมไปถึงบริการทางการแพทย์ที่เฉพาะเจาะจงในด้านอื่นๆ

จากเดิมที่เน้นในเรื่องของการรักษาโรคอย่างเดียว

โดย เฉพาะ "ศูนย์ความงาม" ซึ่งปีนี้ค่อนข้างคึกคักเมื่อหลาย ๆ โรงพยาบาลสนใจลงมาเล่นตลาดนี้ ทั้งในแง่ของการชูเป็นจุดขายใหม่และการอัดแคมเปญส่งเสริมการตลาดที่แรงขึ้น

อาทิ พญาไทจัดแคมเปญ นวัตกรรมร้อยไหมยกกระชับใบหน้า เพื่อความอ่อนเยาว์ ราคาเส้นละ 1,500 บาท เหมา 20 เส้น ราคา 27,000 บาท ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายนนี้

หรือต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา "ศูนย์ผิวหนังเลเซอร์และความงาม" หรือ SLC ของเวชธานี ได้จัดแคมเปญ "7 วัน มหัศจรรย์แห่งความสวย" ที่มีส่วนลดถึง 50% พร้อมจัดโปรโมชั่นซื้อ 2 รายการ แถม 1 รายการ พร้อมผ่อน 0% นานสูงสุด

6 เดือน

"วุฒิ สุขเจริญ" ผู้อำนวยการบริหารการตลาด โรงพยาบาลเวชธานี ฉายภาพปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า โรงพยาบาลปัจจุบันไม่ใช่ธุรกิจที่ให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเดียว แนวคิดคือคนที่ไม่ป่วยก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้

เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางเวชธานีวันนี้ มุ่งทำตลาดทั้งกลุ่มคนป่วยและไม่ป่วยควบคู่กันไป

เมื่อ บวกกับกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคปัจจุบันเพิ่มขึ้น ทางโรงพยาบาลจึงให้ความสำคัญกับศูนย์ตรวจสุขภาพและศูนย์ความงามเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน ธุรกิจด้านความงามมีการเติบโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการดูแลสุขภาพตนเอง อีกทั้งยังมีส่วนในการเพิ่มความมั่นใจ และเสริมบุคลิกภาพ

สำหรับ SLC ของเวชธานี มีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งแม้ว่าแนวโน้มการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงและมากขึ้น แต่ SLC ก็ยังเติบโตได้ 30% ทุกปี

ในส่วนของแคมเปญที่เพิ่งจบไป เขาระบุว่า เป็นครั้งแรกที่ SLC ออกแคมเปญลดราคามากถึง 50% พร้อมมอบสิทธิพิเศษผ่อนชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน ซึ่งได้รับการตอบรับเกินที่คาดไว้

ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะมีแคมเปญรูปแบบดังกล่าวออกมาเพิ่มเติมจากโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่จัดเป็นปกติอีกหรือไม่

"เรา ไม่ได้ทำโปรโมชั่นที่แรง ๆ มานานแล้ว ครั้งนี้เลยจัดทำเป็นกรณีพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้า และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้ามาทดลองใช้บริการ"

รายที่มีการขยับตัวลงมาเล่นตลาดอย่างชัดเจนก็คือ "บีเอ็นเอช"

โดย ปีนี้ได้เปิดเกมรุกมากขึ้น ตั้งแต่การทุ่มงบฯ ปรับโฉมโรงพยาบาลที่มีอายุมานานถึง 114 ปีให้ดูสดใหม่ แต่ยังคงบรรยากาศให้มีกลิ่นอายในแบบโคโลเนียลสไตล์

รวมถึงการปรับโพซิชันนิ่งจากเดิมที่เน้นบริการในกลุ่มแม่และเด็ก ก็หันมาให้น้ำหนักในเรื่องการให้บริการความงามมากยิ่งขึ้น

"น.พ.ดุลย์ ดำรงศักดิ์" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอชเล่าว่า ที่ผ่านมาบีเอ็นเอชไม่ได้โฟกัสในเรื่องของความงาม แต่ปีนี้จะหันมาให้น้ำหนักมากขึ้น

เร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดศูนย์ความงาม โดยเจาะไปที่ผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนด์ จับกลุ่มคนไทยโดยเฉพาะวัยทำงานและผู้ใหญ่ รวมถึงลูกค้าต่างชาติ ซึ่งจะให้บริการทั้งด้านเลเซอร์และศัลยกรรมพลาสติก อาทิ ยกกระชับผิวหน้า ลดไขมันส่วนเกิน เสริมหน้าอก โดยชูจุดแข็งในแง่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เขา ฉายภาพว่า ตลาดความงามมีขนาดใหญ่มาก ในขณะที่คนที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีก็มีความต้องการดูแลในเรื่องของความ งามมากขึ้น ช่วยขยายตลาดให้เติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลก็มองเห็นโอกาสในการให้บริการ

แม้ว่าคลินิกด้านความงามจะมีจำนวนมาก แต่ก็ยังเชื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนยังมีช่องว่างที่โรงพยาบาลเอกชนจะสามารถแข่งขันได้

"เดิม มีอยู่แล้ว แต่เป็นหน่วยเล็ก ๆ เราจะทำเป็นบิวตี้เซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ ลงทุนในด้านของเครื่องมือที่มีราคาแพงและยังไม่มีให้บริการในคลินิกความงาม เราอยากจะฉีกตัวเองออกมาจากตรงนั้นเลย"

ด้านผู้นำตลาดศัลยกรรมความ งามที่ครบวงจรอย่าง "ยันฮี" ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีภาพลักษณ์ในเรื่องนี้อย่างโดดเด่น และมีการขยับตัวในด้านนี้ก่อนโรงพยาบาลอื่นๆ

"น.พ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮีเล่าว่า ปัจจุบันมีบริการความงาม 36 สาขาค่อนข้างครอบคลุม แต่ยังมุ่งขยายบริการเจาะลึกมากขึ้น

"บุคลิกภาพ เป็นสิ่งสำคัญ การรักษาความสวยความงามทำศัลยกรรมตกแต่งเป็นการเอาใจใส่พัฒนาบุคลิกภาพเสริม ภาพลักษณ์ของตัวเอง รวมไปถึงภาพลักษณ์ขององค์กร"

ทั้งนี้ จำนวนคลินิกความงามที่เปิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ได้กระทบหรือแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากยันฮี ตรงกันข้ามเขามองว่า เป็นการช่วยกระตุ้นตลาดความงามให้ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญก็ช่วยเพิ่มลูกค้าให้กับยันฮี ในส่วนของบริการที่คลินิกไม่สามารถทำได้

"คลินิกเล็ก ๆ ทำได้สเกลระดับหนึ่ง ส่วนโรงพยาบาลอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำแบบครบวงจรเหมือนเรา ดังนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจึงไม่ส่งผลกระทบกับเราแต่อย่างใด"

การ ขยับตัวของโรงพยาบาลสู่ "บริการความงาม" ครั้งนี้ นอกจากช่วยสร้างสีสันให้ธุรกิจความงามมูลค่า 20,000 ล้านบาทที่มีการแข่งขันดุเดือดอยู่แล้วคึกคักยิ่งขึ้น

ประเด็นสำคัญ ในแง่ของธุรกิจโรงพยาบาลแล้ว ก็ยังช่วยเพิ่มรายได้ และขยายฐานลูกค้าของตัวเอง จากความต้องการ "สวย" ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในทุกวันนี้

ประชาชาติธุรกิจ  15 เมษายน พ.ศ. 2555