ผู้เขียน หัวข้อ: ดันยิงผิดคัน! ตร.ห้วยยอดสาดกระสุนหวังยิงสกัดคนร้าย พลาดเป้าถล่มรถชาวบ้าน  (อ่าน 307 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9803
    • ดูรายละเอียด
ตรัง - ตำรวจ สภ.ห้วยยอด สาดกระสุนถล่มรถชาวบ้าน เจาะขาสาวเสมียนแพปลาเจ็บ ก่อนคุมตัวสามี-น้องสาว หลังคิดว่าเป็นคนร้ายที่หลบหนีมาจากพื้นที่ จ.กระบี่ ในคดียิงตำรวจ และผู้ใหญ่บ้าน สุดท้ายตรวจสอบดันยิงผิดเป้าหมาย

จากกรณีเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นสามีภรรยาทะเลาะวิวาทกัน โดยกักขังภรรยาเอาไว้ในบ้าน ทางหลังวัดคลองพน พื้นที่หมู่ 6 บ้านพรุใหญ่ ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทรายขาว จึงได้เข้าตรวจสอบ ทำให้คนร้ายซึ่งเป็นสามีใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ หนูสาย เจ็บหนักส่งโรงพยาบาลกระบี่ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน รวมบาดเจ็บ 2 ราย ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีออกจากพื้นที่ จ.กระบี่ และหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ จ.ตรัง ด้วยรถยนต์เก๋งสีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน หมวด จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยอาวุธปืนสั้น และปืนยาวมาในรถด้วย

ต่อมา ทางกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังรับการประสานมาจาก สภ.ทรายขาว จ.กระบี่ จึงได้ตั้งจุดสกัดบริเวณสี่แยกอันดามัน ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง จากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. วานนี้ (4 ม.ค.) ปรากฏว่า ระหว่างที่ตั้งจุดตรวจสกัดอยู่นั้น ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลเมร่า สีขาว ทะเบียน กธ 7693 กระบี่ ขับมา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นรถต้องสงสัยคันเดียวกับที่ก่อเหตุ จึงได้ใช้อาวุธปืนทั้งปืนสั้นยาวกระหน่ำยิงใส่ และเข้าตรวจสอบรถอย่างทันที โดยรถมีร่องรอยคมกระสุนเจาะเข้าจำนวนหลายจุดทั้งคัน ยางล้อหลังทั้ง 2 เส้นแตก

ทั้งนี้ พบภายในรถโดยสารกันมา จำนวน 3 ราย โดยมี นายสุทธิราช หมาดแดหว่า อายุ 38 ปี อาชีพขับรถส่งของ อยู่บ้านเลขที่ 1/3 9 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นคนขับรถ และคนนั่งข้างคือ น.ส.หนึ่งฤทัย วงศ์ประเสริฐ อายุ 29 ปี อาชีพเสมียนแพปลาแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ เป็นภรรยาได้รับบาดเจ็บ ถูกเจ้าหน้าที่ยิงทะลุรถบริเวณประตู กระสุนเจาะเข้าต้นขาซ้าย ส่วนคนนั่งหลังคือ น.ส.สุดารัตน์ หมาดแดหว่า อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของนายสุทธิราช ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำร่างผู้บาดเจ็บคือ น.ส.หนึ่งฤทัย ส่งโรงพยาบาลห้วยยอด และทำการควบคุมตัว นายสุทธิราช และ น.ส.สุดารัตน์ เอาไว้ ก่อนจะประสานไปยัง พ.ต.อ.ประดิษฐ ชัยพล ผกก.สภ.ห้วยยอด พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.สอบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง เข้าตรวจสอบ

ซึ่งก่อนจะทำการตรวจสอบภายในรถ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนนายสุทธิราช และ น.ส.สุดารัตน์ ที่ได้ถูกควบคุมตัวไว้นั้นอยู่ในอาการตื่นตกใจ และขวัญผวาเป็นอย่างมาก พร้อมยืนยันตลอดเวลาว่าไม่ได้ก่อเหตุ หรือทำผิดกฎหมายมาแต่อย่างใด จึงได้นำตังทั้งคู่มาทำการสอบสวนที่ สภ.ห้วยยอด โดยทำการแยกกันสอบ โดยมีบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียหายต่างรีบเดินทางมาที่สถานีตำรวจ โดยในเบื้องต้น มีการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงผิดตัว ซึ่งในขณะนี้ยังคงไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริงว่าหลบหนีไปในเส้นทางใด

จากการสอบปากคำนายสุทธิราช ให้การว่า ตนเองขับรถออกจากบ้านในพื้นที่ ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เพื่อเดินทางมายังสถานีรถไฟตรัง เพื่อที่จะเดินทางไปอบรมที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันนี้ (5 ม.ค.) โดยนำภรรยามาพร้อมกับน้องสาวตนเอง เพื่อจะได้ขับรถกลับ แต่ตอนเกิดเหตุตนเองเห็นตำรวจยืนอยู่บริเวณสี่แยก ในใจคิดว่าน่าจะเกิดอุบัติเหตุจึงได้ทำการเปลี่ยนเลน และชะลอรถ แต่ทันใดนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระหน่ำยิงเข้าอย่างจัง จนตนเองต้องหยุดรถ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาควบคุมตัวอย่างทันที โดยที่ตนเองไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย และยืนยันว่าไม่ใช่คนร้าย

ด้านนายห้าสัน หมาดแดหว่า อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/1 หมู่ 9 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พ่อของนายสุทธิราช กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้รู้รายละเอียดมากนักเพราะอยู่ที่บ้าน แต่ลูกชายอยู่บนถนน เท่าที่ฟังทราบว่า ลูกชายกำลังเดินทางไปที่สถานีรถไฟตรัง เพื่อที่จะไป จ.สุราษฎร์ธานี ไปกัน 3 คน มีลูกสะใภ้ ลูกชาย และน้องสาวอีกคนหนึ่ง เพื่อนั่งเป็นเพื่อนกันขากลับ แต่ระหว่างทางตำรวจเกิดเข้าใจผิดคิดว่าลูกชายเป็นคนร้าย และได้ใช้อาวุธปืนยิงล้อรถทั้ง 2 ข้าง และถูกลูกสะใภ้

นายห้าสัน กล่าวอีกว่า ลูกชายเป็นคนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด และของมึนเมา แม้กระทั่งบุหรี่ก็ยังไม่สูบ จนรู้สึกเสียใจ น้อยใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมก่อนที่ตำรวจจะทำงานไม่ตรวจดูให้ดีก่อน เพราะทะเบียนรถก็ไม่เหมือนกัน รถของลูกชายเป็นป้าย จ.กระบี่ แต่ของคนร้ายเป็นป้ายทะเบียน จ.เพชรบุรี แต่บังเอิญว่ารถสี และยี่ห้อเหมือนกัน หลังจากนี้ จะขอคุยกับญาติก่อน แต่ยืนยันว่าจะมีการดำเนินคดีไม่ให้เรื่องเงียบ เพราะตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ส่วนลูกสะใภ้ต้องมาบาดเจ็บ และหยุดทำงาน อีกทั้งทรัพย์สินเสียหาย และรู้สึกจิตตกกันทั้งหมด โดยที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น และหวั่นว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ให้ผู้สื่อข่าว และอยู่ในระหว่างการสอบสวนผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ น.ส.หนึ่งฤทัย ภรรยาของนายสุทธิราช อยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว และอยู่ในระหว่างการไล่ล่าตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริง

5 ม.ค. 2564 ผู้จัดการออนไลน์