ป.ป.ช. มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พิจารณาสั่งการให้คุ้มครองพยาน ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ตามกฎหมาย ป.ป.ช. หลังกล่าวหา รมว.-รมช.สธ.มีผลประโยชน์ทับซ้อน
วันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือขอรับการคุ้มครองผู้กล่าวหา ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ตามมาตรา 103/5 ประกอบมาตรา 103/2 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554
โดย ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้แจงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการให้คุ้มครอง ศ.นพ.สมเกียรติ กรณีอาจถูกกลั่นแกล้งปลดให้ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฯ อันเนื่องมาจากผู้กล่าวหาหรือแจ้งเบาะแสต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีกล่าวหา นพ.พงษ์สุทธิ์ จงอุดมสุข อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขกับพวกว่า ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพื้นฐานรายเดือนและโบนัส รวมถึงการเบิกจ่ายเงินรายได้โครงการที่รับทุนวิจัยจากประเทศแคนาดา (IDRC) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกรณีกล่าวหา ศ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับพวก ที่ได้รับทุนจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข แล้วต่อมา ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา และคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ร.บ. ป.ป.ช. มีเจตนาคุ้มครองผู้กล่าวหา ซึ่งได้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล เกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ หรือข้อมูลอื่นใดอันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง หรือไม่ได้รับปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม อันเนื่องจากการกล่าวหาหรือการให้ถ้อยคำ หรือแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ปรากฏว่า ศ.นพ.สมเกียรติ เป็นผู้กล่าวหา ศ.รัชตะ และ นพ.สมศักดิ์ ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งได้ขอคุ้มครองไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 103/5 ประกอบมาตรา 103/2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ว่าอาจถูกกลั่นแกล้งปลดให้ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขโดยการบอกเลิกสัญญาจ้างผู้บริหาร ที่อ้างเหตุผลเกี่ยวกับการโต้แย้งอำนาจของประธานและคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในการบริหารการประชุม ดังนั้น การบอกเลิกจ้างผู้บริหารที่ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขได้มีต่อ นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล เป็นผู้กล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าวข้างต้น
ดังนั้น เพื่อให้นโยบายแห่งรัฐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองช่วยเหลือพยานให้มีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อให้การส่งเสริมป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการให้คุ้มครองศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล หรือมีมาตรการอื่นใดตามที่เห็นสมควรต่อไป
จึงแถลงเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ไทยรัฐออนไลน์ 22 ธ.ค. 2557