ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เปิดมุมมอง
ประเด็น... ทรรศนะเก่า และทรรศนะใหม่เกี่ยวกับสุขภาพกับการตรวจสอบองค์กรสุขภาพ ไว้น่าสนใจ ควรต้องรับฟัง
ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ เล่าให้ฟังว่า คสช. ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ (คตร.) ซึ่ง คตร.ได้เข้าไปตรวจสอบองค์กรสุขภาพ เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ตรวจสอบและผู้ปฏิบัติว่า สุขภาพ ...คืออะไร น่าจะเป็นคุณต่อการถือเอาประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นตัวตั้ง
ทรรศนะเก่า คิดว่า...สุขภาพคือการไม่มีโรค
ผล...ทำให้เรื่องสุขภาพจำกัดอยู่เฉพาะเรื่องมดหมอหยูกยาและโรงพยาบาลเท่านั้น
การทำงานเพื่อสุขภาพของคนทั้งมวล (Health for All) พบว่า ทรรศนะที่คับแคบดังกล่าวไม่สามารถสร้างสุขภาพของคนทั้งมวลได้ ทำให้ระบบบริการมุ่งแต่เฉพาะการรักษาโรคเป็นการตั้งรับ คือ...รอให้คนเจ็บป่วยแล้วก็สร้างโรงพยาบาลรักษาโรค
ซึ่งทำให้หมดเปลืองทั้งชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
ท้ายที่สุดแล้วก็ไปต่อไปไม่ได้ ต้องปฏิรูปหันมาเน้น การรุกสร้างสุขภาพดี (Good health)...ไม่ใช่ตั้งรับอยู่เฉพาะเรื่อง สุขภาพเสีย (Ill health)
นั่นคือทำทุกอย่างที่ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี อย่าให้เจ็บป่วยล้มตายโดยไม่จำเป็น ที่เรียกว่า สร้างนำซ่อม คือ การสร้างสุขภาพดีต้องนำการซ่อมสุขภาพเสีย
ปัจจัยที่กำหนดสุขภาพดีนั้นกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ อยู่นอกแวดวงสิ่งที่เรียกว่าการสาธารณสุข เช่น เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนธรรม สิ่งแวดล้อม ความเข้มแข็งของชุมชน การสื่อสาร นโยบายสาธารณะ สันติภาพ
ถ้ายากจนเกิน...ก็ไม่มีสุขภาวะหรือสุขภาพ ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ ว่า
สังคม ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกันทุกๆระดับ ทั้งในครอบครัว ในชุมชน ในองค์กร ในสังคมใหญ่...ถ้าเป็นไปด้วยดีเป็นปัจจัยของสุขภาวะที่สำคัญ ถ้าขัดแย้งรุนแรงหรือขาดสันติภาพ ทำให้ไม่มีสุขภาวะ ความยุติธรรมสำคัญที่สุดของการอยู่ร่วมกันด้วยความสุข การศึกษาและการสื่อสารมีผลกระทบต่อสุขภาพ ฯลฯ
ฉะนั้น ทรรศนะใหม่ของสุขภาพ สุขภาพ...คือสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางปัญญา
หรือบางคนกล่าวว่า Health is the whole หรือ...สุขภาพคือทั้งหมด หรือสุขภาพบูรณาการอยู่ในการพัฒนามนุษย์และสังคมทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องมดหมอหยูกยาและโรงพยาบาลเท่านั้น
ถึงตรงนี้ คงต้องกล่าวถึง องค์กรตระกูล ส. ที่เกิดมาเพื่อเป็นเครื่องมือปฏิรูประบบสุขภาพ โดยมีทรรศนะสุขภาพใหม่ที่ว่า...ปัจจัยกำหนดสุขภาพกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ อยู่นอกแวดวงการสาธารณสุข
องค์กรตระกูล ส. จึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ที่ถ้าใช้ทรรศนะเก่าสุขภาพ จะมองว่าอยู่นอกเรื่องสุขภาพ แต่ถ้าใช้ทรรศนะใหม่ ระบบสุขภาพครอบคลุมกว้างขวางมาก
ยกตัวอย่าง สปสช. ไม่ได้สนใจเฉพาะจะไปจ่ายเงินให้โรงพยาบาลเท่านั้น นั่นเป็นการตั้งรับเกินไป แต่ สปสช. ไปสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชน เพราะความเข้มแข็งของชุมชนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสุขภาพ
เช่น สปสช. ไปสนับสนุนการตั้ง กองทุนสุขภาพตำบล เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กกำพร้า เพื่อว่า...ประเทศไทยจะได้เป็นสังคมที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน
น่าสนใจว่า กองทุนสุขภาพตำบล ขณะนี้มีทุกตำบลแล้ว แล้วอย่างนี้...รัฐบาลจะไม่ดีใจดอกหรือ ที่มีองค์กรช่วยรัฐบาลทำงาน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน
อย่าไปตีกรอบว่าอะไรอยู่นอกหรือในหน้าที่ ถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นตัวตั้งจะไม่ดีกว่าหรือครับ
หรืออย่างงานของ สสส. ในสังคมที่สลับซับซ้อนและยาก ไม่มีรัฐบาลใดจะแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำได้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จ...สุขภาวะก็ไม่เกิด
ปัญหาที่ยากและสลับซับซ้อนการใช้อำนาจไม่ได้ผล ดังที่ฝรั่งพบมานานแล้ว และพูดว่า Power is less and less effective เรื่องนี้...เมื่อครั้งที่คุณทักษิณเป็นนายกฯใหม่ๆ ขอคุยกับอาจารย์หมอประเวศเป็นส่วนตัว ได้เตือนท่านว่าอย่าไปใช้อำนาจ นอกจากไม่ได้ผลและจะเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา
วิธีการที่ควรเดินไปก็คือต้องเปิด พื้นที่ทางสังคม และ พื้นที่ทางปัญญา อย่างกว้างขวาง
นั่นคือให้สังคมทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และต้องใช้ข้อมูล ความรู้ เหตุผล หรือกระบวนการทางปัญญา เพราะใช้อำนาจหรือความรุนแรงก็ไม่ได้ผล
ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ ย้ำว่า องค์กรทางราชการไม่ชำนาญในการเปิดพื้นที่ทางสังคม และพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง สสส. จึงเป็นเครื่องมือเปิดพื้นที่ทางสังคมและพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง
แล้ว...รัฐบาลไม่ดีใจดอกหรือที่มีองค์กรไปช่วยรัฐบาลทำในสิ่งที่ระบบราชการไม่ชำนาญ แม้เพราะเหตุนี้จึงดูเหมือนว่า สสส. เข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ซึ่งก็ไม่นอกเหนือไปจากเรื่องสุขภาพเพราะ Health is The whole
องค์กรตระกูล ส. ไม่ว่าจะเป็น สปสช. สสส. สช. ลงไปทำงานสนับสนุนเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นอย่างกว้างขวาง เพราะตระหนักว่า ชุมชนท้องถิ่น...เป็นฐานของประเทศ ถ้าฐานของประเทศแข็งแรงจะรองรับประเทศให้มั่นคง ทั้งนี้โดยเน้นการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำระหว่างทุกฝ่าย เพื่อสร้างความสามัคคีของคนในชาติ
...ไม่ยุยงให้คิดเชิงปฏิปักษ์ ไม่ฝักใฝ่...เล่นการเมืองเรื่องอำนาจ ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ร่วมมือด้วย ดังที่ทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคกับรัฐบาลทักษิณ เรื่องปฏิรูปประเทศไทยกับรัฐบาลอภิสิทธิ์
ขณะนี้รัฐบาลนี้มียุทธศาสตร์ประชารัฐสานพลังเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี องค์กรตระกูล ส. ทั้งหมด เช่น สปสช. สสส. สช. สวรส. ก็ยินดีสนับสนุนรัฐบาล เพราะถ้าเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง ประชาชนย่อมมีสุขภาวะหรือสุขภาพที่ดี
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วย่อมเห็นอานิสงส์ของทรรศนะใหม่เกี่ยวกับ สุขภาพ ว่า สุขภาพบูรณาการ...อยู่ในการพัฒนามนุษย์และสังคมทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องมดหมอหยูกยาและโรงพยาบาลเท่านั้น
สุดท้ายนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ตั้งความหวังว่า...ความร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก จะเป็นฐานแห่งการเรียนรู้ร่วมกันของเพื่อนคนไทยทุกภาคส่วน
เพื่อรวมพลัง บินออกจากเข่ง ที่กักขังคนไทยไว้ให้จิกตีกันและตกอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์เรื้อรัง ไปสู่อนาคตใหม่แห่งแสงสว่าง และการร่วมสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก.
ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 12 ต.ค. 2558