มีรายงานข่าวว่า มีงานบางอย่างที่เมื่อทำแล้วก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะงานที่ต้องทำเต็มเวลานั้น ส่วนใหญ่จะก่อให้เกิดแนวโน้มการมีภาวะซึมเศร้าในแต่ละปีสูง เช่น อาชีพนางพยาบาล แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าคุณควรเลือกอาชีพอื่น หรืออาชีพนางพยาบาลไม่ดีแต่อย่างใด
ดร.ดีโบราช ลีกก์ จิตแพทย์จากสถาบัน "Buffalo" กล่าวว่า มีงานบางอย่างที่สามารถทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า หรือกระตุ้นให้มีอาการซึมเศร้าได้ ขณะเดียวกันคนที่มีความเครียดสูงจากการทำงาน มีโอกาสในการจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นกับตนเองได้มากขึ้น หากพวกเขาดูแลตัวเอง และได้รับความช่วยเหลือที่ถูกวิธี และนี่เป็นอาชีพที่ก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าอาชีพอื่นๆ
พยาบาลดูแลผู้ป่วยที่บ้าน/และคนดูแลเด็กผู้ให้บริการดูแลส่วนบุคคล มีรายงานว่าคนกลุ่มนี้จำนวนถึง 11% นั้น แข่งขันกันประสบปัญหาภาวะซึมเศร้า (แต่สำหรับผู้ที่ตก งานร้อยละ 7% ก็สามารถตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน โดยคิดเป็น 13%) เพราะพวกเธอมีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำ เช่น การให้นมและอาบน้ำให้ลูกๆ รวมถึงต้องดูแลคนอื่นๆ ที่มักไม่ค่อยได้แสดงอาการชื่นชม หรือแสดงอาการขอบคุณ เพราะคนเหล่านี้มีอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอดเวลา และคำขอบคุณนั้นก็ไม่ได้อยู่ในวิสัยของผู้ป่วยเหล่านี้
ขณะเดียวกัน นายคริสโตเฟอร์ วิลลาร์ด นักจิตวิทยาจากคลินิกในมหาวิทยาลัย Tufts และผู้เขียนหนังสือ "จากใจของเด็ก" กล่าวว่า อาการซึมเศร้าที่คนทำงานกลุ่มนี้ประสบ เนื่องจากพวกเธอเห็นความเครียดที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย รวมถึงการไม่ได้รับการตอบสนองที่ดี เช่น การขอบคุณ หรือให้กำลังใจ จึงมีส่วนทำให้คนกลุ่มนี้ต้องตกอยู่ท่ามกลางภาวะซึมเศร้าในการทำงานนั่นเอง
พนักงานส่งอาหารอาชีพนี้ได้ถูกจัดอันดับความสำคัญให้อยู่ล่างสุด รองจากผู้ที่ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารและแม่ครัวที่ต้องดูแลเรื่องอาหาร ตามบ้านพักในแถบชนบท แม้ว่าพนักงานเหล่านี้ส่วนมากจะได้รับค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำ แต่พวกเขาก็สามารถเสี่ยงจากงานที่ต้องคอยฟังคำสั่งจากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาผู้หญิงที่ทำงานอาชีพนี้ร้อยละ 15% ประสบกับภาวะซึมเศร้า ในขณะที่ผู้หญิงทั่วไปประสบกับภาวะซึมเศร้าเพียง 10% ด้านนายลีกก์กล่าวว่า งานนี้เป็นงานที่มักไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่ามากนัก และคนจำนวนมากค่อนข้างต่อต้าน หากต้องทำงานที่ออกแรงในลักษณะนี้ และเมื่อคนกลุ่มนี้เกิดภาวะซึมเศร้า มันจึงยากในการสร้างพลังหรือแรงจูงใจ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาชีพนี้ได้
นักสังคมสงเคราะห์มันอาจไม่น่าแปลกใจที่จะหานักสังคมสงเคราะห์ มาช่วยจัดการกับเด็กที่ถูกทารุณกรรม หรือช่วยประสานงานให้กับครอบครัวที่เข้าข่ายภาวะวิกฤติกับปากท้อง ที่ต้องการร้องเรียนกับภาคราชการผ่านป้ายผ้าสีแดง พูดง่ายๆ ว่างานนี้เป็นงานที่ทำให้เกิดความเครียดได้ตลอด 24 ชั่วโมง และตลอด 1 อาทิตย์ก็ว่าได้ แต่อาจจะมีคำพูดว่าคุณได้งานที่ดีทำ แต่คุณต้องทำงานหนักและต้องเป็นผู้เสียสละไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากนักสังคมสงเคราะห์ต้องทำงานกับคนที่มีความยากจน ดังนั้น
มันจึงเป็นการยากที่จะไม่เสียสละ หรือทุ่มเทให้กับงาน
พนักงานดูแลสุขภาพอาชีพนี้รวมถึงแพทย์ นางพยาบาล นักกายภาพบำบัดและอาชีพอื่นๆ ที่ต้องให้ความสนใจผู้อื่น และจบลงโดยการไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับตนเอง คนดูแลสุขภาพต้องให้เวลากับผู้อื่นหลายชั่วโมง เรียกได้ว่ามากกว่าปกติ เพราะชีวิตของผู้อื่นนั้นต้องอยู่ในความดูแลของพนักงานดูแลสุขภาพเหล่านี้ อย่างไรก็ตามความเครียดที่เกิดจากการทำงานด้านนี้ สามารถทำเป็นแผนภูมิให้เห็นภาพได้ เพราะทุกวันพวกเขาจะเห็นความเจ็บป่วย อาการบาดเจ็บ ความตาย และการซื้อขายกับสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วย นายวิลลาร์ด กล่าวว่า คุณสามารถหยิบเฉดสีใดเฉดสีหนึ่งออกมาดู ในขณะที่โลกกำลังตกอยู่ในความโศกเศร้า
ศิลปิน, ผู้สร้างความบันเทิง, นักเขียนอาชีพเหล่านี้สามารถนำมาซึ่งความผิดปกติของค่าจ้าง และมีชั่วโมงการทำงานที่ไม่แน่นอน รวมถึงภาวะการแตกแยก เพราะคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ จะมีอัตราความผิดปกติทางอารมณ์สูง และในปีที่ผ่านมานั้นมีรายงานว่า ผู้ที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึง 9% สำหรับผู้ชายภาวะซึมเศร้านั้นน่าจะมาจากการที่ต้องทำงานเต็มเวลา ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ชายประสบภาวะซึมเศร้าประมาณ 7%
นายลีกก์กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ฉันเห็นมากในวงการบันเทิงและศิลปินที่เป็นโรคไบโพลาร์ (โรคที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติในลักษณะที่มีอารมณ์ดี หรือหงุดหงิดมากกว่าปกติสลับกันภายใน 1 สัปดาห์) อาจจะมีความผิดปกติของอารมณ์ หรือพูดง่ายๆ ว่าผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับศิลปะต้องได้รับการรักษา อย่างไรก็ตามภาวะซึมเศร้าไม่ได้ก่อให้เกิดความผิดปกติ สำหรับผู้ที่จะต้องทำงานหรือเริ่มเข้าสู่งานด้านศิลปะ เพราะหลังจากนั้นจะพบว่า งานด้านศิลปะช่วยทำให้ชีวิตมีแต่ความสนุก.
ไทยโพสต์ 26 ธันวาคม 2554