ผู้เขียน หัวข้อ: นพ.สมเกียรติ รอบิ๊กตู่ออกคำสั่งคุ้มครองพยาน แฉกลับสวรส.บริหาร IDRCยุคแรกไม่โปร่ง  (อ่าน 472 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9797
    • ดูรายละเอียด
“นพ.สมเกียรติ” รอ “นายกฯ” ออกคำสั่งคุ้มครองพยาน และขอความเป็นธรรม หลังถูกปลดออกจาก ผอ.สวรส. แจงโครงการ IDRC ในยุคที่ตนบริหารโปร่งใส่ ตรวจสอบได้ พร้อมแฉกลับ IDRC ระยะแรก พบการดำเนินโครงการไม่ปกติ เหตุไม่มีบันทึกในฐานข้อมูล สวรส.

12 ม.ค.58 นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติให้คุ้มครองตนในฐานะพยาน และได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 เพื่อขอให้ออกคำสั่งคุ้มครองตน เนื่องจากตามมาตรา 103/5 ซึ่งใช้ประกอบมาตรา 103/2 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กำหนดไว้ว่า ในกรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการคุ้มครองพยานจึงเป็นอำนาจฝ่ายบริหาร โดยนายกรัฐมนตรีถือเป็นผู้บังคับบัญชการสูงสุด ดังนั้นจึงต้องเป็นผู้ดำเนินการคุ้มครองพยานหรือต้องมีมาตรการอื่นที่เหมาะสมออกมา ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้คงอยู่ระหว่างคิดว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากตนเป็นกรณีแรกในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ขอให้มีการคุ้มครองพยาน   

“ขณะนี้อยู่ระหว่างรอว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร และเรื่องทุจริตที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ประกาศเป็นนโยบายชัดเจนอยู่แล้วที่จะเร่งดำเนินการ ซึ่งกรณีของผมถือเป็นกรณีแรกของประเทศที่ข้าราชการในภาครัฐออกมาเปิดเผยข้อมูลไม่ปกติ ดังนั้นควรให้มีการคุ้มครองพยานโดยเร็ว เพราะหากต่อไปไม่มีข้าราชการออกมาเปิดเผยข้อมูลปัญหาทุจริต จะส่งผลให้ราชการเกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้นในอนาคต เฉพาะที่ผ่านมาได้มีการประเมินการทุจริตในแวดวงราชการประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องเร่งดำเนินการเป็นแบบอย่างเพื่อให้ข้าราชการมีความกล้าที่จะออกมาให้ข้อมูลการกระทำที่ไม่ถูกต้อง” อดีตผู้อำนวยการ สวรส. กล่าว และว่า ตามมาตรฐานการบริหารบ้านเมืองที่ดี ในการดำเนินการเรื่องนี้จะต้องไม่เกิน 15 วัน ซึ่งขณะนี้ก็น่าที่จะครบกำหนดแล้ว และทราบว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตอบกลับไปยัง ป.ป.ช. ส่วนมีเนื้อหาอย่างไรนั้น ไม่ทราบรายละเอียด

นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า สำหรับโครงการสนับสนุนการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรสนับสนุนทุนวิจัยประเทศแคนาดา (International Development Research Cente r: IDRC) เรื่องนี้อยากให้สื่อนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วน ซึ่ง IDRC ได้ให้ประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายทุนการวิจัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ปี 2551 เน้นการทำวิจัยในด้านสุขภาพ ทั้งโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ และโรคติดเชื้อทั้งหมด โดยโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะที่หนึ่ง ตั้งแต่ปี 2551-2555 ที่เป็นการดำเนินการของผู้บริหาร สวรส.ในอดีต ซึ่งจากการตรวจสอบในช่วงนี้พบว่า ในฐานข้อมูลของ สวรส. ไม่ปรากฎโครงการจากประเทศเพื่อนบ้านที่รับทุนจาก IDRC นี้ และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ยังทราบด้วยว่า งบประมาณเพื่อใช้ในโครงการนี้ได้มีการโอนไปยังบัญชีนอกกองทุน สวรส. โดยได้มีการแยกเปิดบัญชีต่างหาก ซึ่งเรื่องนี้อยากให้สื่อไปสอบถามกับประธานบอร์ด IDRC คนแรก ที่ดูแลโครงการนี้มาโดยตลอด ถึงสาเหตุว่าทำไมจึงไม่มีการจัดเก็บการดำเนินโครงการ IDRC ไว้ในฐานข้อมูล สวรส.

“เรื่องนี้ผมมีหลักฐานจากฐานข้อมูลของ สวรส.เอง ในช่วงปี 2551-2555 ที่พบว่าไม่มีการบันทึกข้อมูลโครงการ IDRC รวมถึงหลักฐานคำสั่งที่ 28/2551 ลงนามโดยอดีต ผอ.สวรส. ที่ให้โอนเงินไปยังบัญชีนอก สวรส. ซึ่งข้อมูลนี้ควรมีการเปิดเผยให้สาธารณะรับทราบ ขณะเดียวกันยังมีความเชื่อมโยงไปยังอดีตประธานบอร์ด สวรส. ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ปลดผมออกจากตำแหน่ง ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด” อดีต ผอ.สวรส. กล่าว     

ส่วนระยะที่ 2 เป็นช่วงที่ตนได้เข้าบริหารแล้วหลังปี 2555 โดยได้ขอให้มีการบันทึกการดำเนินงาน IDRC ในฐานข้อมูลของ สวรส. ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าว มีข้อมูลโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการภายใต้ IDRC รวมถึงการเบิกจ่ายและใช้งบประมาณในโครงการจำนวน 250 ล้านบาท ต่างจากการดำเนินโครงการในระยะแรก ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้ขอให้ปิดบัญชีที่ทำการโอนเงินงบ IDRC ไปภายนอก สวรส. แต่จนถึงขณะนี้กลับยังไม่สามารถปิดบัญชีดังกล่าวได้ จึงต้องสอบถามว่าเป็นเพราะเหตุใด มีความโปร่งใสหรือไม่ และเรื่องนี้อยากขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เข้าไปตรวจสอบการเคลื่อนไหวของบัญชีนี้ด้วย และอยากให้สื่อนำเสนอข้อมูลทั้ง 2 ด้าน

“ขอฝากไปยังรัฐบาล ตามนโยบายที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ประกาศจะเร่งดำเนินการกับการทุจรติคอรัปชั่น ควรที่จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้แล้ว อีกทั้งทางรัฐมนตรีสาธารณสุขทั้ง 2 ท่าน ก็ควรปฏิบัตตามนโยบายตามที่ประกาศไว้เช่นกันในการดำเนินการกับปัญหาความไม่โปร่งใส่ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่มาดำเนินการให้ผมออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตามผมได้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปยัง ป.ป.ช.แล้ว เชื่อว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดจะปรากฎแน่นอน” นพ.สมเกียรติ กล่าว


Mon, 2015-01-12
http://www.hfocus.org/content/2015/01/9059