"วิทยา"เผยคนไทยติดเชื้อเอดส์กว่า 1 ล้านคน สั่งปรับเกณฑ์จ่ายยาต้านไวรัสเอดส์พร้อมเร่งบูรณาการสามกองทุนดูแลผู้ติดเชื้อ
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสา ธารณาสุข พร้อมด้วยนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช.) เปิดประชุม "ฮอมกำกึ๊ด ฮอมปัญญา แก้ปัญหาเอดส์" เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรผู้ดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ " ใน จ.เชียงใหม่ โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุข อสม. และ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเข้าร่วมประชุม กว่า 500 คน
นายวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอดส์ในประเทศไทยมากกว่า 1 ล้านคน และมีแนวโน้ม เพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2547 ถึงปี 2554 มีผู้ป่วยเอดส์สะสม 376,690 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 98,721 ราย โดยพบผู้ป่วยมากในกลุ่มวัยทำงานอายุ 30-34 ปี ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงร้อยละ 84 มาจากการมี เพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันซึ่งพบมากในกลุ่มนักเรียนมัธยมและอาชีวศึกษา
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงและมีนโยบาย ให้ 3 กองทุนสุขภาพรัฐ คือ กองทุนสวัสดิการข้าราชการ กองทุนประกันสังคม และ กองทุนประกันสุขภาพ แห่งชาติ บูรณาการดูแลผู้ป่วยเอดส์ร่วมกันเพื่อให้ได้รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กระทรวงสาธารณ สุขได้สั่งให้ทุกจังหวัดเร่งรัดควบคุมป้องกันปัญหาเอดส์ด้วยการรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งการจัดบริการด้านสาธารณสุข ทั้ง การตรวจรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ และ การคุมกำเนิด เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ตามยุทธศาสตร์สู่ เป้าหมายที่เป็นศูนย์และให้บริการสุขภาพแก่ผู้ติดเชื้อจนไม่มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ตามวาระเอดส์แห่งชาติที่จะ มีขึ้นในปี 2555-2559
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะปรับเกณฑ์การเริ่มให้ยาต้านไวรัสเร็วขึ้นที่ระดับเม็ดเลือดขาวซี ดีโฟว์ (CD4) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร รวมทั้งดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดอคติไม่ มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อและกลุ่มที่มีภาวะเปราะบาง
"ตอนนี้พฤติกรรมเสี่ยงเปลี่ยนไป กลุ่มคนรักเพศเดียวกันโดยเฉพาะชายรักชาย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ขระที่ข้อกฏหมายยังมีข้อที่น่าเป็นห่วง ที่น่าสนใจกคือการพกถุงยางซึ่งถูก มองเป็นผู้ค้าประเวณีและถูกจับ สวนทางกับที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามรณรงค์แจกถุงยางอนามัยเพื่อ ความปลอดภัย ในฐานะรัฐมนตรีผมคงต้องเอาเรื่องนี้ไปเป็นการบ้านว่าจะทำอะไรได้บ้าง"
นายแพทย์วินัย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยเอดส์ลงทะเบียนรักษาในดครงการบัตรทอง 30 บาท 242,393 คน โดยในปี 2554 มีผู้ป่วยรับยาต้านไวรัส 153,214 คน ร้อยละ 90 เป็นยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน อีกร้อยละ 10 เป็นสูตรดื้อยา และในปี 2555 สปสช. ได้จัดงบประมาณ 2,940 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้ป่วยที เพิ่มขึ้นเป็น 157,600 คน ส่วนในปี 2556 สปสช. ได้ตั้งงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 3,599 ล้านบาท เพื่อจัดยา ต้านไวรัสให้กับผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 181,000 คน
งบประมาณที่เพิ่มขึ้น มาจากปัญหาการดื้อยา เนื่องจากเชื้อเอชไอวีจะดื้อยาต้านไวรัสง่ายกว่าไวรัส ชนิดอื่น ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่จะต้องใช้ยาต้านไวรสสูตรดื้อยาเพิ่มขึ้นตามเวลา ขณะที่ยาต้านไวรัสสูตรดื้อยา มีราคาแพงกว่ายาสูตรพื้นฐานกว่าร้อยละ 30
นายแพทย์วินัย กล่าวว่า จำนวนผู้รับยาต้านไวรัสในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติเพิ่มขึนปีละ ประมาณ 17,000 คน และหากรวมทั้งประเทศจะมีผู้รับยาเพิ่มขึ้นปีละกว่า 2 หมื่นราย ทั้งนี้หากขาดระบบ รองรับที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะการเข้าถึงระบบการป้องกันอาจก่อปัญหาต่อสังคมและภาระงบประมาณ ด้านสุขภาพของประเทศในอนาคต
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 18 มีนาคม 2555
