ผู้เขียน หัวข้อ: ซัมเมอร์สุดกร่อย! ฮอลลีวูดตกต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี  (อ่าน 895 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
หน้าร้อนปี 2014 กลายเป็นซัมเมอร์ที่ย่ำแย่ที่สุดของฮอลลีวูดในรอบ 17 ปี เลยทีเดียว จนมีความเห็นว่าผู้ชมอาจจะเริ่มเบื่อหน่ายหนังภาคต่อ และหนังที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษทางคอมพิวเตอร์แล้ว
       
       สำหรับวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดนั้น ช่วงเวลาระหว่างสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. จนไปถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ส.ค. คือช่วงเวลาที่เรียกว่า “ซัมเมอร์” และนับเป็นจังหวะเวลาแห่งการทำเงินทำทอง และโกยรายได้ของบรรดาสตูดิโอต่างๆ เพราะถือว่าเป็นช่วงที่ผู้คนส่วนใหญ่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านกัน ผู้สร้างหนังจึงมักจะเข็นผลงานฟอร์มยักษ์ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยออกมาช่วงนี้
       
       แต่สำหรับซัมเมอร์ปี 2014 ในฮอลลีวูดทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด เมื่อหนังทุกเรื่องทำรายได้รวมกันได้แค่ 4,050 ล้านเหรียญฯ เท่านั้นถือว่าตกลงจากปีก่อนถึง 15% และยังน้อยที่สุดนับจากปี 2006 ที่ฮอลลีวูดทำเงินในปีนั้นไป 3,750 ล้านเหรียญฯ ด้วย
       
       แต่ พอล เดอกาเบเดียน นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Rentrak ได้ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ต่างๆ นั้นแย่กว่าที่ทุกคนคิดเสียอีก เพราะหากปรับค่าเงินเฟ้อแล้วนับว่าซัมเมอร์ปี 2014 เป็นหน้าร้อนของฮอลลีวูดที่หนังทำเงินได้น้อยที่สุดนับจากปี 1997 เลยทีเดียว
       
       ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวเลขรายได้ของฮอลลีวูดในซัมเมอร์ปี 2014 น่าจะแย่กว่านี้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย Teenage Mutant Ninja Turtles ที่เข้าฉายปิดท้ายหน้าร้อนปีนี้ ก็ช่วยทำให้สถานการณ์ต่างๆ กระเตื้องขึ้นมาบ้างด้วยการกวาดเงินไปแล้วถึง 174 ล้านเหรียญฯ ทำให้ตัวเลขรายได้รวมทะลุขึ้นมาถึงหลัก 4 พันล้านเหรียญฯ ได้ในที่สุด
       
       ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างน้อยฮอลลีวูดก็ยังมีหนังซูเปอร์ฮีโร่ 2 เรื่องจากค่าย Marvel ที่ทำเงินสูงเป็นอันดับ 1 และ 2 ในซัมเมอร์นี้ โดยหนังฮีโร่แนวตลกขายขำที่ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยของเหล่าตัวละครที่แฟนหนังส่วนใหญ่คงไม่ได้คุ้นเคยนักอย่าง Guardians of the Galaxy กลับทำเงินมาเป็นอันดับ 1 และยังสามารถแซงหน้าเพื่อนร่วมค่าย Captain America: The Winter Soldier ได้ด้วย
       
       ถึงตอนนี้ Guardians of the Galaxy กวาดเงินในสหรัฐฯ ไปถึง 295 ล้านเหรียญฯ แล้วยังคงเดินหน้าทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง เพราะกระแสปากต่อปากของหนังยังคงทำงานต่อไป ขณะที่ Captain America: The Winter Soldier ทำเงินไปทั้งสิ้น 259 ล้านเหรียญฯ อย่างไรก็ตามการที่ Guardians of the Galaxy ทำเงินไม่ถึง 300 ล้านเหรียญฯ ได้ทำให้ต้องบันทึกเอาไว้ว่าซัมเมอร์ปี 2014 ถือเป็นหน้าร้อนแรกในรอบ 13 ปี นับจากปี 2001 ที่ไม่มีหนังฮอลลีวูดเรื่องใดทำเงินเกิน 300 ล้านเหรียญฯ เลย
       
       โดยนอกจากผลงานของค่าย Marvel และ Disney แล้ว หนังที่ทำเงินไปใช้ได้ในซัมเมอร์ปีนี้ก็คือ Transformers: Age of Extinction ที่กวาดเงินไป 244 ล้านเหรียญฯ ส่วน Teenage Mutant Ninja Turtles ก็ทำเงินไปสูงกว่าที่ทุกฝ่ายคาด และ 22 Jump Street เป็นหนังตลกฮิตประจำซัมเมอร์ 2014 ด้วยรายได้ถึง 190 ล้านเหรียญฯ เช่นเดียวกับหนังภาคต่อที่มีแฟนประจำรอดูอยู่แล้วอย่าง X-Men: Days of Future Past, Dawn of the Planet of the Apes และ The Amazing Spider-Man 2 ก็ทำเงินไปไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีเรื่องใดที่หวือหวาขึ้นมา
       
       สำหรับหนังที่น่าผิดหวังกลับมีอยู่หลายเรื่องทั้ง Hercules ของ เดอะ ร็อค ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ส่วน Edge of Tomorrow ของ ทอม ครูซ แม้จะทำรายได้นอกสหรัฐฯ ไปไม่น้อย แต่รายได้ในบ้านเกิดที่ประมาณ 100 ล้านฯ ก็ถือว่าน้อยไปอยู่ดีเมื่อเทียบกับทุนสร้างประมาณ 178 ล้านเหรยญฯ
       
       และที่น่าผิดหวังที่สุดก็น่าจะเป็นหนังรวมดารา The Expendables 3 ที่ระดมดารามาประชันบทบาทมากมาย แต่กลับทำรายได้ถึงตอนนี้ได้แค่ 37 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น จนผู้สร้างได้ออกมาเปรยแล้วว่า หากคิดจะมีการสร้าง The Expendables 4 ต่อไป ก็อาจจะต้องทำหนังออกมาเพื่อเน้นขายในตลอดหนังต่างประเทศโดยเฉพาะเอเชียเป็นหลักแทน
       
       อย่างไรก็ตาม รายได้ของหนังเด่นๆ ในปี 2014 อย่าง Guardians of the Galaxy, Guardians of the Galaxy และ Captain America: The Winter Soldier กลับเทียบไมได้เลยเมื่อเปรียบกับหนังดาวเด่นของซัมเมอร์ปี 2013 อย่าง Iron Man 3, Despicable Me 2 และ Man of Steel ที่ทำเงินไป 409, 368 และ 291 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ
       
       ทอม นูแนน แห่งสาขาภาพยนตร์ของ University of California Los Angeles (UCLA) ได้แสดงความเห็นถึงความล้มเหลวของปี 2014 ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นปัญหาจากการที่ผู้สร้างทำหนังโดยอาศัย “รูปแบบตายตัว” มากเกินไป หรือจะพูดอีกอย่างว่าคนดูเริ่มจะเบื่อหน่ายกับรูปแบบต่างๆ ที่ซ้ำซากจำเจของฮอลลีวูดแล้ว “เราเข้าใจว่านี่คือธุรกิจ และหนังภาคต่อก็เป็นหนังที่ผู้สร้างพอจะคาดเดาผลตอบรับของหนังได้มากกว่า หนังใหม่แกะกล่อง แต่จะพยายามทำออกมาให้มันแปลกใหม่มากกว่านี้ไม่ได้เลยรึ?” นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    8 กันยายน 2557