บทวิเคราะห์: แบบสอบถาม ความคิดเห็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้าย (extern) ต่อหลักสูตร และชีวิตนักศึกษาแพทย์
เนื่องจากมีรายงานแสดงให้เห็นปัญหาด้านสภาพจิตใจของนักศึกษาแพทย์(1) และปัจจุบันมีหลักสูตรแพทย์ใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก สมาพันธ์แพทย์รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป จึงสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายช่วงก่อนจบการศึกษา (ก.พ. มี.ค. 67) ต่อหลักสูตร และชีวิตนักศึกษา(2) มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 142 คน (ที่เข้าเงื่อนไข 138 คน) ทั้งที่ศึกษาอยู่ในคณะแพทยศาสตร์ภาครัฐและเอกชน และศูนย์แพทย์ ทั้งที่ศึกษาหลักสูตร 6 ปี และ 5 ปี
พบว่านักศึกษาส่วนใหญ่ประสบกับความเครียด โดยประสบความเครียดปานกลางถึงมากที่สุดถึง 97% สาเหตุหลัก คือ การสอบ (91%) รองลงมาคือ ความกดดันจากอาจารย์ การฝึกอบรมที่หนัก ปัญหาอื่นๆ ได้แก่ ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง เช่น แพทย์ประจำบ้าน นักศึกษารุ่นพี่ เพื่อนนักศึกษา บางส่วนเกิดจาก ปัญหาส่วนตัว ครอบครัว และ การเงิน
สำหรับปัญหาที่เกิดจากการสอบ เทียบกับจำนวนนักศึกษาทั้งหมดแล้วเรียงตามลำดับ ดังนี้ กลัวสอบไม่ผ่าน (87%) สอบถี่เกินไป (43%) ข้อสอบยากเกินไป (42%) และ กลัวได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อน (26%)
เห็นว่าความรู้วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ หรือ pure science (ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์) จำเป็นต่อการศึกษาแพทยศาสตร์ 57% ไม่จำเป็น 43% และ เห็นว่าระบบการเรียนการสอนควรใช้ระบบ Integrated curriculum เป็นระบบหลัก (46%) รองลงมาคือ Problem base learning และ Traditional lecture
นักศึกษาที่คิดว่าตนเองมีความรู้ด้านทฤษฎีเพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพ 62% ที่คิดว่าตนเองมีทักษะในการทำหัตถการเพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพ 56% แต่สำหรับนักศึกษาที่คิดว่าตนเองมีความพร้อมทั้งสองด้าน คือ ด้านทฤษฎีและด้านหัตถการเพียงพอต่อการประกอบวิชาชีพคิดเป็น 43%
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้มีทักษะด้านหัตถการไม่เพียงพอ คือ ไม่มีผู้ป่วยให้ฝึก และหัตถการที่ได้ฝึกน้อย ได้แก่ intercostal drainage, endotracheal intubation, normal labor นอกจากนี้นักศึกษา 88% เห็นว่าการฝึกหัตถการจากหุ่นทดลองมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับการฝึกจากผู้ป่วยจริง
สำหรับการฝึกงานในฐานะแพทย์เพิ่มพูนทักษะนักศึกษา 97% คิดว่าจะช่วยเพิ่มทักษะ ความรู้ ความชำนาญ ในการประกอบวิชาชีพ
ความเห็นเพิ่มเติม ได้แก่ คณะแพทย์ (โรงเรียนแพทย์) มีข้อดี คือ วิชาการทันสมัย ภาระงานไม่หนักจนเกินไป อาจารย์มีหน้าที่สอนโดยตรงไม่ถูกรบกวนด้วยงานตรวจรักษา, ศูนย์แพทย์ (รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ก.สาธารณสุข) มีข้อดี คือ ได้ศึกษาผู้ป่วยหลากหลายโรคและอาการ ได้ฝึกหัตถการอย่างเพียงพอ, ความเห็นเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ทำงานหนักเกินไป ควรลดชั่วโมงการอยู่เวรและถ้าอยู่เวรทั้งคืนควรได้หยุดในวันต่อไป ควรมีวันหยุด (รวมทั้งไม่ต้องราวน์วอร์ด) อย่างน้อย 1 วันต่อ 1-2 สัปดาห์
บทวิเคราะห์นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายช่วงก่อนจบการศึกษาเป็นนักศึกษาที่ผ่านการศึกษามาแล้วเกือบครบหลักสูตรทำให้เห็นภาพรวมของการศึกษาและชีวิตนักศึกษาแพทย์ ทั้งสามารถให้ข้อมูล ประสบการณ์ แสดงความรู้สึก และความวิตกกังวล ได้ตรงกับความเป็นจริงและครอบคลุมมากที่สุด
สาเหตุของความเครียดของนักศึกษาแพทย์เกิดจากการสอบเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อแยกสาเหตุจากการสอบแล้ว พบว่าสาเหตุสำคัญ คือ กลัวสอบไม่ผ่านมิใช่กลัวได้คะแนนสอบน้อยกว่าเพื่อน ดังนั้นการลดความเครียดด้วยการยกเลิกระบบเกรด(3) ควรพิจารณาให้รอบด้าน เพราะอาจทำให้เสียประโยชน์จากระบบเกรด เช่น นักศึกษาใช้เกรดเป็นเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาของตน นักศึกษาใช้เพื่อนที่มีผลในการเรียนดีเป็นต้นแบบ ใช้เกรดเพื่อทราบข้อดีข้อเสียของตนสำหรับเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นแพทย์และเรียนต่อเฉพาะทาง
นักศึกษามองเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ต่อการศึกษา ดังนั้นนักศึกษาจึงควรมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ดี ซึ่งอาจดำเนินการโดยมีการสอบคัดเลือกความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของผู้สมัครเข้าเรียนอย่างจริงจัง หรือมีหลักสูตรปูพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับนักศึกษา
นักศึกษาประเมินตนเองมีความพร้อมทั้งทางด้านทฤษฎีและทักษะในการทำหัตถการเมื่อจบการศึกษาเพียง 43% ซึ่งปัญหานี้อาจเกิดจากการผลิตแพทย์เพิ่มจำนวนมากทำให้ทรัพยากรในการผลิต ได้แก่ จำนวนผู้ป่วย จำนวนหัตถการ ไม่เพียงพอ ตรงกับความคิดเห็นจากแพทย์กลุ่มต่างๆ(4) ดังนั้นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์จึงไม่ควรใช้วิธีเพิ่มการผลิตเพียงอย่างเดียว แต่อาจใช้วิธีการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ การกระจายแพทย์(4) การบริหารจัดการแพทย์ภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ
นักศึกษาเห็นว่าการฝึกหัตถการจากหุ่นทดลองมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับการฝึกจากผู้ป่วยจริง ดังนั้นการฝึกฝนการทำหัตถการควรได้รับการฝึกฝนจากผู้ป่วยจริง หุ่นทดลองอาจเป็นเครื่องมือในการเสริมทักษะเท่านั้นไม่ควรใช้ทดแทนการฝึกฝนจากผู้ป่วย
แพทย์จบใหม่ส่วนใหญ่ยังไม่มีความมั่นใจในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่แพทย์ทุกคนสามารถประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ทุกประเภทตามมาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 กอรปกับหลักสูตรแพทย์เพิ่มพูนทักษะช่วยเพิ่มทักษะ ความรู้ ความชำนาญ แต่แพทย์จบใหม่มิได้เข้าโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะทั้งหมด (ปี 2566 แพทย์จบใหม่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ 7%) ดังนั้นเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี และป้องกันแพทย์จบใหม่จากการถูกฟ้องร้อง ร้องเรียน จึงควรสนับสนุนหรือมีมาตรการให้แพทย์จบใหม่ทุกคนเข้าร่วมโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
หลักสูตรแพทย์ปัจจุบันแม้จะเป็นหลักสูตรแพทย์ 6 ปี กระนั้นนักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังขาดความมั่นใจในการประกอบวิชาชีพเมื่อจบการศึกษา ดังนั้นการที่แพทยสภาจะอนุมัติหลักสูตรแพทย์ใหม่ๆ เช่น หลักสูตรแพทย์ 4 ปี หลักสูตรแพทย์ 2 ปริญญา ที่ลดระยะเวลาในการศึกษาลงทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงควรพิจารณาให้รอบคอบ และมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าจะไม่ลดคุณภาพแพทย์ก่อน จึงค่อยอนุมัติหลักสูตรเหล่านั้น
เอกสารอ้างอิง
1. สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย, รายงานผลแบบสอบถามปัญหาความเครียดและสุขภาพจิตของนักศึกษาแพทย์, 12 พฤศจิกายน 2566
2. สมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป, ผลแบบสอบถาม ความคิดเห็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้าย (extern) ต่อหลักสูตร และชีวิตนักศึกษาแพทย์, เวปไซต์สมาพันธ์แพทย์ โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (28 พฤษภาคม 2567)
3. คณะแพทย์ฯจุฬาฯปรับหลักสูตร/การประเมินใหม่ ไม่มีการให้เกรด เปลี่ยนเป็น S/U ผ่านกับไม่ผ่าน หวังลดความเครียดผู้เรียน สร้างแพทย์ที่สังคมไว้วางใจ, ไทยโพสต์ (29 มกราคม 2567)
4. ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์, อดีตนายกแพทยสภา ขอนายกฯชะลอ-ทบทวนโครงการผลิตแพทย์, ประชาชาติ (17 เมษายน 2567)
5. แพทยสภา, แพทย์ได้รับใบอนุญาตแยกสถาบันปี 2543-2566, ค้นวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 จาก
https://www.tmc.or.th/pdf/stat-med-18-12-23-002.pdf6. ประกาศรายชื่อนักศึกษาแพทยผู้ทำสัญญาชดใช้ทุนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขประจำปี พ.ศ. 2566, สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, ค้นวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 จาก
https://hr.moph.go.th/site/hr_moph/wp-content/uploads/2023/05/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AF-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%9E.%E0%B8%A8.-2566_2-%E0%B8%9E.%E0%B8%84.66-1.pdfสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปฯ
28 พฤษภาคม 2567