ผู้เขียน หัวข้อ: คนไข้บุก รพ.พระนั่งเกล้า ท้วง ผอ.รพ.ย้ายหมออายุรกรรม  (อ่าน 2749 ครั้ง)

Meem

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2576
    • ดูรายละเอียด
คนไข้บุกร้อง ผอ.รพ.พระนั่งเกล้า เด้งหมออายุรกรรมจากปัญหาใช้ยาเกิน ด้าน นพ.สสจ.นนทบุรี ขอเป็นกาวใจ วอนผู้ป่วยเข้าใจผิด ชี้อยู่ระหว่างตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริง การย้ายหมอไม่เกี่ยวกับการใช้ยาเกินของกรมบัญชีกลาง
       
       วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่บริเวณหน้าแผนกงานเวชระเบียน โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ได้มีกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุประมาณ 60-80 ปี จำนวน 40 คน เดินทางเข้าร้องเรียนผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า พร้อมทั้งชูป้ายเรียกร้องข้อความว่า “ประหยัดใช้ยาแล้วคุณค่าชีวิตเราอยู่ไหน” “หยุดรังแกคนไข้สูงอายุเสียที” เพื่อเรียกร้องกรณีการย้ายแพทย์แผนกอายุรกรรม 1 ท่านอย่างไม่เป็นธรรมไปประจำศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชนวัดแคนอก โดย นางจำเนียร พาณยง อายุ 82 ปี ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง กล่าวว่า ตนเป็นคนไข้โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และได้รับการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่องกับ พญ.นภาพร ลิมป์ปิยากรมา เป็นเวลา 12 ปี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ กลับย้ายแพทย์คนดังกล่าวไปประจำที่อื่น เพราะใช้ยาเกินความจำเป็น ทั้งๆ ที่ยาดังกล่าวเป็นสิทธิข้าราชการที่พวกตนมีสิทธิอยู่แล้ว
       
       น.ส.ภาวพันธ์ (ไม่ทราบนามสกุล) ญาติผู้ป่วยที่ใช้สิทธิข้าราชการที่โรงพยาบาลฯ กล่าวว่า พี่ชายของตนป่วยด้วยโรคเบาหวาน และมีภาวะไตเสื่อม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยานอกบัญชียาหลัก เนื่องจากยาชนิดอื่นไม่สามารถคุมอาการได้ แต่หลังจาก พญ.นภาพร ถูกย้ายไปประจำที่อื่น ทางโรงพยาบาลฯ ได้จัดแพทย์คนใหม่ และมีการปรับลดยา จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงยา ทำให้อาการยิ่งแย่ลง มีภาวะตัวบวม ซึ่งผู้ป่วยทรมานมาก ทั้งๆ ที่มีสิทธิข้าราชการ แต่กลับถูกปิดกั้น โดยอ้างว่าต้องประหยัดงบประมาณ ถือเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง พวกตนจึงต้องการเรียกร้องและขอความเป็นธรรม
       
       ดังนี้ 1.ขอให้ พญ.นภาพร เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลฯ ต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวก เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 2.คนไข้ที่มีความประสงค์ย้ายไปเข้ารับการรักษาประจำกับพญ.นภาพรที่ศูนย์ สาธารณสุขมูลฐานชุมชนวัดแคนอก ขอให้ทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลต้นสังกัดเตรียมความพร้อมในเรื่องเครื่องมือแพทย์ เพราะปัจจุบันไม่มีความพร้อมดังกล่าว และ 3.คนไข้ที่มีสิทธิเบิกจ่ายตรงกับกรมบัญชีกลาง ยังคงได้รับสิทธิเหมือนเดิม
       
       จากนั้นกลุ่มผู้ป่วยฯ มีความพยายามจะบุกไปยังห้องผู้อำนวยการฯ บริเวณชั้น 5 ของโรงพยาบาล แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันไว้ กระทั่ง นพ.ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านปฐมภูมิ เป็นผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ เดินทางพบ และรับหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีดังกล่าว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงกลุ่มผู้ป่วยทั้งหมดได้แยกย้ายสลายตัวลง
       
        นพ.สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี (นพ.สสจ.) กล่าวว่า ทราบเรื่องราวมาโดยตลอด ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิด โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากกรมบัญชีกลางได้ทำหนังสือท้วงติงการใช้ยามา ยังโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โดยพบว่า มีแพทย์ 1 ท่านของโรงพยาบาลมีการจ่ายยามากกว่าปกติ และต้องการให้ผู้อำนวยการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้มีการหารือกันมาก่อน แต่สุดท้ายกลับพบว่ามีผู้ป่วยมาร้องเรียน เนื่องจากไม่เข้าใจระบบ ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาพื้นที่จะทำการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีการใช้ยาเกินความจำเป็นจริงหรือไม่ ส่วนรายละเอียดขอรอให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้ตรวจสอบก่อน
       
        นพ.ธวัตชัย วงค์คงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้พบว่ามีการสั่งจ่ายยามาก จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยาโรคเรื้อรัง แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่ายาชนิดไหน ขอตรวจสอบก่อนว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่เบื้องต้นทางโรงพยาบาลต้องคืนเงินให้แก่กรมบัญชีกลางแล้วประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีการจ่ายยามากเกินประมาณ 40 ราย อย่างไรก็ตาม ส่วนจะมีมากกว่านี้หรือไม่ขอรอการตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน
       
       “ปกติโรงพยาบาลจะมีระบบการทบทวนเวชระเบียน การประเมินการใช้ยาไม่เหมาะสมอยู่แล้ว โดยจะพิจารณาว่ากรณีไหนมีการจ่ายยานอกบัญชียาหลักมากกว่าปกติก็จะมีการเรียก แพทย์ท่านนั้นเข้าพบ เพื่อหารือ และตักเตือนกันไป นอกจากจะมีประเด็นเหนือกว่าจะตรวจสอบกันเองได้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของกรมบัญชี กลาง กรณีนี้ก็ต้องรอการตรวจสอบของคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นเช่นกัน” นพ.ธวัตชัยกล่าว และว่า ที่สำคัญอยากบอกผู้ป่วยทุกคนไม่ต้องกลัว โรงพยาบาลมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาก สามารถรักษาได้ และผู้ป่วยก็ยังใช้สิทธิได้ตามเดิม
       
       ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า ได้รับรายงานด้วยวาจาจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าแล้ว ซึ่งโดยอำนาจผู้บริหารโรงพยาบาลสามารถดำเนินการตรวจสอบภายในโรงพยาบาลได้ ทันที เว้นแต่เป็นเรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่โรงพยาบาลจะจัดการจึงจะรายงานมายังส่วน กลาง สำหรับโรงพยาบาลอื่นๆ ตนได้ประสานขอข้อมูลจากเลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แล้วแต่ยังไม่ได้รับข้อมูล โดยที่ผ่านมา ป.ป.ท.จะส่งหนังสือไปยังโรงพยาบาลที่มีการตรวจสอบพบการเบิกจ่ายค่ารักษา พยาบาลสิทธิสวัสดิการข้าราชการสูงโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการส่วนใหญ่จะเข้มงวดเรื่องการเบิกจ่ายอยู่แล้ว เพราะเกี่ยวข้องกับรายจ่ายของโรงพยาบาล จึงเชื่อว่าจะมีโรงพยาบาลสังกัด สธ.เพียงส่วนน้อยที่มีสภาพเช่นนี้

ผู้จัดการออนไลน์    
20 ธันวาคม 2553