โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2556 15:41 น.
บริษัทจีนไม่รับวัตถุดิบยาพาราฯปนเปื้อนคืน เหตุต้องเสียภาษีนำเข้าอีก 6 ล้านบาท ขอเปลี่ยนเป็นแลกวัตถุดิบเก่าใหม่ใน 3 เดือน ไม่มีฝ่ายใดเสียเงินเพิ่ม คาดโรงงานแมสโปรดักชันแล้วเสร็จใน ส.ค.นี้
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ภญ.พิศมร กลิ่นสุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการคืนวัตถุดิบยาพาราเซตามอลที่มีข่าวการปนเปื้อนมาก่อนหน้านั้น ว่า สำหรับวัตถุดิบยาพาราฯที่มีการสั่งซื้อ 2 ล็อต ล็อตแรก จำนวน 48 ตัน และล็อตที่ 2 จำนวน 100 ตัน โดยมีการทดลองผลิตไปจำนวน 4 ตัน ทำให้เหลืออยู่ในคงคลังอีก 144 ตันนั้น หลังจากมีข่าวการปนเปื้อน อภ.จึงมีการดำเนินการส่งวัตถุดิบคืน ซึ่งล่าสุดจากการหารือกับบริษัทนำเข้าวัตถุดิบจากจีนว่าจะส่งคืนได้หรือไม่ ปรากฏว่าไม่สามารถส่งคืนได้ เพราะกฎหมายของประเทศจีนในการนำเข้ายาใหม่จะต้องเสียภาษีนำเข้า 30% หรือประมาณ 6 ล้านบาท ทำให้บริษัทจีนไม่ยินยอม เนื่องจากไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณภาพยา หรือเป็นความผิดของบริษัท จึงได้มีการหารือและสรุปให้เป็นการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ โดยทางบริษัทจีนจะส่งวัตถุดิบยาพาราฯที่ผลิตขึ้นใหม่จำนวน 144 ตันมาให้ไทย และไทยจะส่งคืนวัตถุดิบเก่ากลับไป โดยที่ไม่มีฝ่ายใดต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน วัตถุดิบจะส่งถึงไทย ส่วนจะสามารถผลิตในโรงงานแมสโปรดักชันที่ อภ.เตรียมรองรับไว้ผลิตยาได้หรือไม่นั้น ต้องดูที่ความพร้อม แต่เบื้องต้นโรงงานดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 2556 เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบการใช้เครื่องจักรเสียก่อน
ด้าน นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีข่าวการตั้งตนเองเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลและการก่อสร้างโรงงานยาต้านไวรัสเอดส์ล่าช้า เพราะไม่ถูกกับ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล อดีต ผอ.อภ.ว่า ขอยืนยันว่าตนไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ กับ นพ.วิทิต เพราะที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนการที่เลือกตนมาเป็นคณะกรรมการฯ อาจเป็นเพราะตนไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องกับ อภ.น่าจะมีความเป็นกลางที่สุดแล้ว ทั้งนี้ การทำหน้าที่คณะกรรมการฯเป็นไปด้วยความเป็นธรรม เป็นกลาง และยึดตามข้อเท็จจริง ซึ่งจากการตรวจสอบในหลายๆ เรื่อง อย่างกรณีโรงงานแมสโปรดักชันก็พบว่ามีการดำเนินการที่ไม่สมเหตุสมผลและมีข้อสงสัยหลายประการจริง เช่น โรงงานจะต้องเสร็จใน พ.ย. 2554 แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ หรือการแยกโรงงานเป็นสองส่วนสองสัญญา ตรงนี้ทำให้ อภ.เสียหาย จนถูกปรับวันละ 5 หมื่นบาท รวม 1 ปีเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท
