ผู้เขียน หัวข้อ: น้องโรค "ซาร์ส" มาแล้ว! ระวังแต่อย่าตื่นตระหนก  (อ่าน 1158 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด

น้องโรค "ซาร์ส" มาแล้ว! ระวังแต่อย่าตื่นตระหนก
Pic_345505

ต้นตอ-เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย รุดเยี่ยมผู้ป่วยโรคโคโรนาไวรัสใหม่ NCoV ในโรงพยาบาลจังหวัดอัล-อาห์ซา ทางภาคใต้ โดยซาอุฯต้นตอการระบาด พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด (เอเอฟพี)

คงยังจำกันได้ ถ้าเอ่ยถึงโรคมรณะ “ซาร์ส” หรือ “โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง” (Severe acute respiratory syndrome หรือ Sars) ซึ่งระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลกเมื่อ 10 ปีก่อน

ไวรัสโรคซาร์ส มีต้นตอจากมณฑลกวางตุ้งในประเทศจีนในปี 2545 ก่อนแพร่ระบาดไปกว่า 24 ประเทศในปี 2546 ทั้งในทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 774 ศพ

ติดเชื้อกว่า 8,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีคนไทยล้มตาย

แทบทุกประเทศต้องปิดกั้นพรมแดน ตรวจผู้เดินทางเข้าออกสุดเข้มงวด ผู้คนหวาดผวาไม่กล้าเดินทาง ส่งผลให้สายการบินเจ๊งระนาวทั่วโลก ก่อนที่มนุษย์จะสยบมันได้ในปี 2547 ตั้งแต่นั้นยังไม่พบโรคซาร์สอีกเลย

ที่ผมหยิบยกเรื่องโรคซาร์สขึ้นมาพูด เพราะขณะนี้มีโรคใหม่ที่ “คล้าย” โรคซาร์สอุบัติขึ้นอีกแล้วครับทั่น! วงการแพทย์ตั้งชื่อให้ว่า “โนเวลโคโรนาไวรัส” (Novel Coronavirus) หรือ NCoV ซึ่งแปลได้ว่า “ไวรัสโคโรนาใหม่” และมันกำลังระบาดอย่างต่อเนื่อง

“ไวรัสโคโรนาใหม่” เริ่มต้นแพร่จากซาอุดีอาระเบียและจอร์แดนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ไปยังเยอรมนี อังกฤษ และฝรั่งเศส ในทวีปยุโรป องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อ NCoV ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 34 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้วถึง 18 ศพ

นับว่าอัตราการตายสูงมากไม่แพ้โรคซาร์สเลยทีเดียว!

สัปดาห์ที่แล้ว WHO แถลงเตือนเป็นครั้งแรกว่า เป็นไปได้สูงมากที่เชื้อ NCoV สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยผ่านการติดต่อสัมผัสกันใกล้ชิด หลังจากพบผู้เสียชีวิตในซาอุฯ เพิ่มอีก 2 ราย จากเดิม 15 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 24 ราย ขณะที่ฝรั่งเศส ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นรายที่ 2 ซึ่งดูๆ แล้ว ล้วนเป็นการติดต่อจากคนสู่คน

เรื่องนี้ทำเอาผู้คนตื่นตระหนก กลัวประวัติศาสตร์โรคซาร์สจะซ้ำรอย!

เจ้า NCoV นี่ เป็นหนึ่งในเชื้อ “โคโรนาไวรัส” ซึ่งเป็นตระกูลเชื้อไวรัสขนาดใหญ่ สมาชิกวงศ์วานของมันรวมทั้งไวรัสไข้หวัดธรรมดาไปจนถึงโคตรไวรัส “ซาร์ส” ที่อันตรายที่สุดเท่าที่เคยพบ
โฉมหน้า-ภาพถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์ของเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่ NCoV ซึ่งคล้ายโรคซาร์ส ที่กำลังแพร่ระบาดในตะวันออกกลางและยุโรป มีลักษณะคล้ายมงกุฎ (เอพี)

โฉมหน้า-ภาพถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์ของเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่ NCoV ซึ่งคล้ายโรคซาร์ส ที่กำลังแพร่ระบาดในตะวันออกกลางและยุโรป มีลักษณะคล้ายมงกุฎ (เอพี)

มนุษย์พบโคโรนาไวรัสครั้งแรกเมื่อกลางทศวรรษ 1960 ที่มาของชื่อ “โคโรนา” ที่แปลว่า “มงกุฎ” มาจากรูปร่างของมัน ซึ่งมีลักษณะเป็นหนามแหลมปกคลุมผิวหน้าคล้ายมงกุฎสมัยโบราณ

โคโรนาไวรัสทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจทั้งในมนุษย์และสัตว์ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ และหายใจลำบาก ปกติแล้ว โคโรนาไวรัสส่วนใหญ่จะติดต่อในสัตว์สปีชีส์เดียวกันหรือสปีชีส์ใกล้ชิดกันมากเท่านั้น

แต่ไวรัส “ซาร์ส” กลับแหกเทือกเถาเหล่ากอ เพราะมันสามารถติดต่อระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หรือมนุษย์กับสัตว์อื่นๆ รวมทั้งลิง แมว สุนัขและสัตว์ฟันแทะต่างๆ เช่นหนู ได้อย่างง่ายดาย

ส่วนเชื้อ NCoV ติดต่อจากคนสู่คนได้ยากกว่าไวรัสซาร์สมาก เชื่อว่าติดต่อกันได้ด้วยการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดเท่านั้น โดยผ่านทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย เมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม

ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่า แม้จะพบเคสแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงบัดนี้ พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับไวรัสซาร์ส

แต่เจ้า NCoV นี่ก็มีฤทธิ์ไม่น้อยหน้าโรคซาร์สซักเท่าไหร่ เพราะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการปอดบวมหรือปอดอักเสบรวดเร็วรุนแรง บางรายมีอาการไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตในที่สุด

จนถึงขณะนี้ วงการแพทย์ยังมึนตึ๊บ ไม่รู้แน่ชัดว่าไอ้เชื้อ NCoV มีที่มาจากไหนกันแน่ ไม่รู้ว่าเกิดจากการกลายพันธุ์ของโคโรนาไวรัสบางชนิดในมนุษย์ที่มีอยู่แล้ว หรือมาจากไวรัสที่ระบาดในสัตว์ก่อนกระโดดข้ามสปีชีส์มาสู่มนุษย์ เพียงรู้ว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ และหลายรายมีโรคประจำตัวอื่นอยู่ก่อนแล้ว

ที่สำคัญ ยังไม่มี “วัคซีน” ป้องกันเชื้อ NCoV นี้ได้ และวงการแพทย์ยังไม่รู้วิธีรักษาที่ได้ผลชะงัด รู้แค่ว่า ผู้ป่วยที่มีอาการหนักจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาทางยาอย่างเข้มข้น เพื่อช่วยให้หายใจได้ เพราะมันจะไปทำลายระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรงรวดเร็วคล้ายโรคซาร์ส

เรียกว่า ในเคสผู้ป่วยหนัก ถ้าช่วยทันก็มีสิทธิ์รอด ไม่ทันก็เด๊ดสะมอเร่ลูกเดียว!

ส่วน “ข่าวดี” ก็คือ ปกติโคโรนาไวรัส รวมทั้งเจ้า NCoV มีลักษณะทางกายวิภาคที่ “อ่อนแอ” เปราะบาง ถ้ามันอยู่นอกร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 วันเท่านั้นและการทำลายก็ไม่ยาก แค่ใช้ผงซักฟอกและน้ำยาทำความสะอาดธรรมดาก็ฆ่ามันได้แล้ว

ดังนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคนบ้านเรา ก็สามารถใช้สูตรเดียวกับการสู้เชื้อโรคร้ายอื่นๆ นั่นคือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ”และหลีกเลี่ยงอย่าเข้าใกล้ผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ

ณ ห้วงเพลานี้ ทั้ง WHO และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในยุโรปเน้นย้ำว่า ความเสี่ยงที่ไวรัสตัวนี้จะแพร่ระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลกเหมือนโรคซาร์ส ยัง “ต่ำ” อยู่มาก ชาวโลกไม่ต้องตื่นตระหนก

แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ประมาทเฝ้าระวังและหาทาง “สยบ” มันให้ได้โดยเร็ว ที่สุด!!!

บวร โทศรีแก้ว

ไทยรัฐออนไลน์

 

NickkY37

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
Re: น้องโรค "ซาร์ส" มาแล้ว! ระวังแต่อย่าตื่นตระหนก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2013, 00:06:51 »
thxxxxxxxxxxxx   ไทยรัฐออนไลน์