ผู้เขียน หัวข้อ: นายกฯ วางนโยบาย Medical Hub เป็นศูนย์กลางสุขภาพครบวงจร  (อ่าน 875 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2556 16:31:00 น.
9 พ.ค.56 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเชิงนโยบาย เรื่อง Medical Hub โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า การหารือในวันนี้ เพื่อการบูรณาการทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณะสุข และกระทรวงศึกษา เพื่อพัฒนาองค์การแพทย์ของเราให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาด้านสุขภาพ เป็น Medical Hub โดยเราจะทำงานบูรณาการคือ 1.บูรณาการงานที่วางยุทธศาสตร์ให้เป็นเอกภาพ 2.ลดความซ้ำซ้อน และ 3.การพูดคุยกันเพื่อต่อยอดให้เกิดความสำเร็จและการเชื่อมโยงอย่างเต็มที่ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณลงในแต่ละที่อย่างสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้งบประมาณกระจาย จนทำให้ประสิทธิ์ภาพต่างๆลดน้อยลง


 
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ขอเรียนว่าในส่วนยุทธศาสตร์ของประเทศ สิ่งที่เราอยากเห็นในการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ส่วนหนึ่งคือเรื่องของสุขภาพ ซึ่งเรามองในหลายส่วนด้วยกัน 1.การเติมเต็มด้านพื้นฐานของสุขภาพ วันนี้เราอยากบูรณาการระบบประกันสุขภาพ ระบบแพทย์ฉุกเฉินให้เข้มข้น และเกิดการดูแลในการยกระดับต่างๆ 2.การดูแลสุขภาพในเชิงท่องเที่ยว ที่อยากทำให้ต่อยอดในการสร้างอาชีพ และสุดท้ายคือการพัฒนาสุขภาพให้เกิดความเป็นเลิศทางด้านของศูนย์กลาง เพราะวันนี้นโยบาย Medical Hub เราได้หารือและมอบหมายให้กระทรวงสาธารณะสุขเป็นต้นกล้าในการพูดคุย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นเรากำหนดแนวทางในการพัฒนา Medical Hub เป็น 4 ด้าน คือ 1.เป็นศูนย์กลางในการบริหารเพื่อส่งเสริมสุขภาพ จะทำอย่างไรให้ศูนย์สุขภาพครบวงจร เสริมสุขภาพให้ดีขึ้น 2.ศูนย์กลางบริการทางด้านเซอร์วิสฮับ เพื่อต่อยอดกับระบบสปา ระบบการทำงานเพื่อสร้างสุขภาพ และรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย และเป็นจุดหนึ่งที่หลายๆประเทศเข้ามาใช้บริการ 3.มองว่าส่วนนี้คือส่วนของการพัฒนาความเป็นเลิศ ที่เราอยากจะเห็นเป็นศูนย์กลางวิชาการทางด้านงานวิจัย โดยกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณะสุขทำงานร่วมกัน และหากเราหารือในเชิงของการประชุมวิชาการ ทางด้านทิศทางข้างหน้า เรื่องของโรค เรื่องสุขภาพ อายุคน จะเป็นไปในทางไหน และสิ่งไหนที่ประเทศเราขาด ถ้าเราคุยเชิงยุทธศาสตร์ตรงนี้ให้ชัดว่า แต่ละส่วนงานจะช่วยกันขับเคลื่อนและต่อยอดความสำเร็จนี้อย่างไร โดยที่รัฐจะมีหน้าที่ในการบูรณาการสร้างความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ งานวิจัยต่างๆ และเมื่อตนได้รับฟังในที่ประชุมนี้ ก็จะนำไปต่อยอดกับงานวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ในการวางแนวทางเพื่อเป็นพื้นฐาน และ4.ศูนย์กลางทางด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งจากการลงพื้นที่จะเห็นว่าหลายพื้นที่มีวัตถุดิบ มีสมุนไพร และสิ่งที่มีค่า แต่ยังไม่มีการนำไปวิจัย หากมีการทำการวิจัยในเชิงของการตลาดและส่งออก ในอนาคตก็จะกลายเป็นส่วนที่ต่อยอดในการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชน และเราจะใช้ต้นทุนเหล่านี้ในการรักษาพยาบาลของเราด้วย ซึ่งส่วนนี้เราอยากจะเห็นการบูรณาการร่วมกัน