แฉหมอประดิษฐใช้เงินสปสช.ผิดประเภทจ่ายอุ้มขรก.รัฐวิสาหกิจ-สปส.ยอดสะสม300ล.เตรียมฟ้องอาญา
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556 00:00:41 น.
สาธารณสุข * บอร์ด สปสช.ฟากตัวแทนภาคประชาชน เตรียมฟ้อง "หมอประดิษฐ-ครม." ข้อหาทำผิดกฎหมายเอาเงินหลักประกันสุขภาพไปอุ้มข้าราชการและคนรวย ด้าน "หมอประ ดิษฐ" โต้เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดไม่มีการล็อกสเปก ส่วนการเจาะเลือดใครก็ทำได้ "ปลัด สธ." รับลูก รมว.สธ.เผยระเบียบไฟเขียว อสม.เจาะเลือดคนไข้ได้ ยกร่างเสร็จแล้วใกล้ประกาศใช้
วันที่ 1 พ.ค.2556 น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ผู้แทนภาคประชาชนด้านเกษตรกรในบอร์ด สปสช. กล่าวว่า ขณะนี้ บอร์ด สปสช.หลายคนและผู้ป่วย รวมทั้งโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพ สะสมความไม่พอใจที่ รมว.สาธารณสุขใช้อำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงวันประชุมบอร์ด สั่งบรรจุวาระการประชุมบอร์ด และใช้บอร์ดเป็นตรายางออกมติที่ตัวเองต้องการหรือรับใบสั่งมา ทำให้บอร์ด สปสช.กลายเป็นบอร์ดส่วนตัวของรัฐมนตรี และล่าสุดได้สั่งให้มีมติบอร์ดและเสนอ ครม. ให้เอาเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพไปใช้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประกันสังคม ทั้งๆ ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีระเบียบรองรับการจ่ายเงินคืนให้ สปสช. ทำให้ที่ผ่านมาใช้เงิน สปสช.ไปเป็นเงินสะสมกว่า 300 ล้านบาท จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่สามารถเรียกเงินคืนได้ หรือยังไม่มีคำตอบว่าจะได้เงินคืนมาเมื่อไหร่ รวมทั้งจะต้องใช้เงิน สปสช.สำรองจ่ายต่อไปอีกจำนวนกี่ร้อย กี่พันล้านบาท เป็นการออกมติผิดกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 38 อย่างชัดเจน ทำให้ รพ.ต่างๆ โดยเฉพาะ รพ.ในชนบท ได้รับงบประมาณน้อยลง หรือได้รับงบประมาณช้าลง กระทบกับการจัดบริการผู้ป่วยระบบ สปสช.มากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความจำเป็นที่เครือข่ายภาคประชาชนจะจับมือกับเครือข่ายผู้อำนวยการ รพ.ที่ได้รับผลกระทบยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ศาลปกครอง และ สตง. ในเร็วๆ นี้
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการ รพ.จะนะ จ.สงขลา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ รมว.สาธารณสุขได้ใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จงใจทำผิดกฎหมายด้วยการใช้เงินกองทุนของ สปสช.ไปอุ้มข้าราชการและคนรวย ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพและระบบสาธารณสุขของรัฐปั่นป่วน วุ่นวาย อ่อนแอลง และมีแนวโน้มว่าเงินชดเชยให้กับ รพ.ต่างๆ ในชนบทจะไม่พอ ทำให้ผู้ป่วยเดือดร้อน ในฐานะที่ รพ.มีส่วนได้เสียและรับผลกระทบโดยตรง เครือข่ายผู้อำนวยการ รพ.จะร่วมกับเครือข่ายผู้ป่วยและภาคประชาชน มอบหมายให้ทนายความยื่นเรื่องฟ้องเอาผิดทางอาญา ทางปกครอง และทางวินัยกับนายกรัฐมนตรี ที่ต้องรับผิดชอบต่อมติ ครม. และฟ้องเอาผิดกับ รมว.สาธารณสุขที่ต้องรับผิดชอบต่อการออกมติบอร์ด สปสช. ที่ผิดกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
"นอกจากมีการทำผิดกฎหมาย ใช้เงินผิดประเภท ผิดกองทุนแล้ว ขณะนี้มีข่าวในพื้นที่ว่ามีการวางธงที่จะย้ายผู้อำนวยการ รพ.ชุมชนบางคนที่คัดค้านการใช้อำนาจออกนโยบายทับซ้อน เอื้อประโยชน์ธุรกิจเอกชน โดยเตรียมการที่จะเคลื่อนไหวดึง อสม.ออกมาให้กำลังใจสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดแบบพกพา ที่ชมรมแพทย์ชนบทเปิดโปงว่าตั้งราคาสูงกว่าองค์การเภสัชกรรมขายในท้องตลาดหลายเท่าตัว และจะมี อสม.ออกมาคัดค้าน ต่อต้านการตรวจสอบทุจริตของ รพ.ชุมชน เป็นการสุมไฟให้เกิดความขัดแย้งในการทำงานเชิงรุกในพื้นที่ เสี่ยงกับการทำลายระบบควบคุมป้องกันโรคที่ สธ.ทุ่มเทสร้างกันมายาวนาน ที่เน้นการทำงานร่วมระหว่าง รพ.ชุมชน รพ.สต. อสม. และท้องถิ่น" ผู้อำนวยการ รพ.จะนะ กล่าว
ด้าน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สธ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบทออกมาระบุว่า พบความปกติในการจัดซื้อเครื่องตรวจระดับน้ำตาล อาจจะมีการล็อกสเปกจากประเทศเกาหลี ว่า ยืนยันว่าไม่มีการล็อกสเปก และเท่าที่ทราบจังหวัดที่มีการจัดซื้อไปแล้วนั้นซื้อจากบริษัทของอเมริกา ไม่ใช่ของเกาหลี แพทย์ชนบทต้องเอาหลักฐานมาพูดให้ชัดเจน ทั้งนี้ จากการชี้แจงของ น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ว่าเครื่องที่ซื้อควรเป็นเครื่องที่มีมาตรฐาน ISO แต่เครื่องจากเกาหลีที่ท่านอธิบดีกล่าวถึงเป็นเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้รับการรับรอง ดังนั้นจึงชัดเจนแล้วว่าไม่ได้มีการล็อกสเปก
"ควรกล่าวอย่างมีหลักฐาน อย่ากล่าวเลื่อน ลอย ตั้งแต่พูดเรื่องคอนเซ็ปต์เรื่องการซื้อเครื่อง และมาเปลี่ยนใหม่ว่าเป็นการล็อกสเปก เป็นเครื่องจากเกาหลี ตอนแรกบอกน่าจะเป็นตัวสตริป (strip) เพราะเขาขายกัน 4-5 บาท ซึ่งเป็นของเกาหลีทั้งนั้น แสดงว่าที่พูดนี่คือย้อนตัวเองกลับมาว่าท่านกำลังพูดอะไรกันแน่ เพราะถ้าไปบอกให้ซื้อ 4-5 บาท มันเป็นของเกาหลี แล้วผมจะไปล็อกสเปกทำไม ท่านเป็นคนบอกให้ซื้อเอง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางชมรมแพทย์ชนบทออกมาระบุว่าเนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีระเบียบให้ อสม.ทำการเจาะเลือดคนไข้ตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด นพ.ประดิษฐกล่าวว่า เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลที่ขายตามท้องตลาดก็ให้ประชาชนไปเจาะเลือดตัวเอง ถามว่าแล้วทำ อสม.เจาะเลือดให้คนอื่นได้หรือไม่
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ประกาศ สธ.ที่อนุญาตให้ อสม.เจาะเลือดจากปลายนิ้วจะใช้เป็นกรณีๆ เมื่อวานนี้ ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพระบุว่า เป็นการปฏิบัติตามแผนแม่บทในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถของ อสม. ซึ่งจะมีทั้งแผนการอบรม การจัดซื้อวัตถุดิบ อุปกรณ์ ตามแผนเดิมจะทำคู่ขนานไป โดยขณะนี้สภาเทคนิคการแพทย์ แพทยสภา กรมสนับสนุนวิชาชีพ ได้ยกร่างระเบียบดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศ เนื่องจากต้องส่งมายัง สธ.ให้พิจารณาก่อน
