ผู้เขียน หัวข้อ: ชี้หลักสากลห้ามเพศที่ 3 บริจาคเลือด  (อ่าน 962 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
สภากาชาดไทยเผย ชี้หลักสากลห้ามเพศที่ 3 บริจาคเลือด ระบุสถิติเชื้อเอชไอวี -ไวรัสตับอักเสบซี เกือบ  100% มาจากกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมแอบแฝง ...

พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวในการประชุมวิชาการงานบริการโลหิตระดับชาติ ครั้งที่ 21 ประจำปี 2556 ว่า หลังจากที่สภากาชาดเคยประสบปัญหาโลหิตขาดแคลนในช่วงปลายปี 2555 ปรากฏว่าในช่วงปีใหม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการเข้าบริจาคโลหิตจำนวนมาก และได้โลหิตมา 12,000 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นโลหิตกรุ๊ปบี แต่กรุ๊ปเอ ยังขาดแคลน ทั้งนี้ โลหิตที่ได้รับบริจาคจะตรวจโดยเทคโนโลยีการตรวจหาสารพันธุกรรมทางชีววิทยาระดับโมเลกุล หรือ NAT เพื่อตรวจหาการติดเชื้อในโลหิต ซึ่งพบว่าในส่วนที่ดำเนินการโดยสภากาชาดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในปี 2552 เป็นร้อยละ 64 ในปี 2555 ส่วนที่ดำเนินการที่โรงพยาบาล เพิ่มจากร้อยละ 12 ในปี 2552 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2555 เมื่อรวมทั้ง 2 ส่วนสามารถตรวจได้ถึงร้อยละ 80 โดยในอนาคตสภากาชาดพร้อมที่จะรับดำเนินการตรวจให้ได้ร้อยละ 100

พญ.สร้อยสอางค์กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเพศที่ 3 ที่ร้องเรียนเรื่องไม่สามารถบริจาคโลหิตเพราะสภากาชาดไทยไม่รับบริจาคนั้น เรื่องนี้มีการเรียกร้องไม่น้อยกว่า 5 ปี ดังนั้น ตนขอชี้แจงว่าไม่ได้เกิดจากการรังเกียจในพฤติกรรมทางเพศ แต่เป็นกฎที่ทั่วโลกตั้งว่าโลหิตจากบุคคลเพศที่ 3 เป็นเลือดกลุ่มเสี่ยง และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบนี้ ดังนั้นประเทศไทยต้องปฏิบัติและคัดกรองอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีตัวเลขทางสถิติระบุว่า โลหิตที่รับบริจาคและตรวจพบการติดเชื้อเอชไอวี หรือไวรัสตับอักเสบซี เกือบร้อยละ 100 มาจากกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมแอบแฝง ดังนั้น จึงต้องปกป้องสิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับโลหิตด้วย.

โดย: ทีมข่าวการศึกษา

7 มีนาคม 2556, 05:30 น.