ผู้เขียน หัวข้อ: กรมบัญชีกลางตั้ง สปสช. ทำหน้าที่เคลียริ่งเฮาส์เบิกจ่ายสิทธิรักษาพยาบาลให้ข้าราชการ  (อ่าน 1310 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)โดยมอบให้ทำหน้าที่เป็นศูนย์รับข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาลให้กับข้าราชการกว่า5ล้านคน ในโรงพยาบาลที่รักษาสิทธิข้าราชการ เพื่อบูรณาการรับส่งข้อมูลการเบิกจ่ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ รพ.และผู้มีสิทธิในระบบสวัสดิการข้าราชการทั่วประเทศ เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้โรงพยาบาลได้รับความสะดวกในการส่งข้อมูลการให้บริการเพื่อส่งเบิกและทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลระบบสุขภาพของไทยเป็นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ย้ำชัดสิทธิประโยชน์รักษาพยาบาลของข้าราชการยังคงเดิม
 
 
 
เมื่อวันที่26กุมภาพันธ์ 2556 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง และนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือเรื่อง “การพัฒนาหน่วยงานกลางในการจัดการธุรกรรมการเบิกจ่ายและระบบข้อมูลบริการสาธารณสุขผู้มีสิทธิข้าราชการ ระหว่างกรมบัญชีกลาง และ สปสช.”เพื่อจัดทำฐานข้อมูลในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของประเทศให้ไปในแนวทางเดียวกัน
 
 
 
นายมนัส กล่าวภายหลังลงนามฯว่า ตามนโยบายของรัฐบาลให้มีการบูรณาการระบบการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการข้าราชการ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนประกันสังคม เพื่อให้โรงพยาบาลบริหารจัดการข้อมูลการเบิกจ่ายได้สะดวก อันจะส่งผลดีต่อการให้บริการผู้ป่วย รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนทั้ง3 กองทุน เพราะจะทำให้เกิดการบูรณาการการรับส่งข้อมูลเพื่อการเบิกจ่าย สามารถวิเคราะห์ข้อมูลระบบสุขภาพของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียว และเกิดระบบข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ที่สอดคล้องกันทั้ง3 กองทุน
 
 
 
ดังนั้น กรมบัญชีกลาง จึงได้จัดทำบันทึกความร่วมมือพัฒนาหน่วยงานกลางในการจัดการธุรกรรมการเบิกจ่าย และระบบข้อมูลบริการสาธารณสุขผู้มีสิทธิข้าราชการกับ สปสช. โดยกรมบัญชีกลางได้มอบให้ สปสช.ทำหน้าที่ในการทำหน้าที่เป็นเคลียริ่งเฮาส์ (clearing house) หรือเป็นศูนย์รับข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาล/สถานพยาบาลในโครงการของผู้มีสิทธิสวัสดิการข้าราชการทุกแห่ง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2556 นี้เป็นต้นไป สำหรับปีงบประมาณ 2556 ยังคงเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามระบบเดิม คือ สถานพยาบาลจะขอเบิกเงินกับกรมบัญชีกลางโดยตรง ขณะที่ข้อมูลการเบิกจ่ายงบกลางนั้น จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 ได้มีการเบิกจ่ายงบกลางไปแล้วจำนวน22.157.50 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะบริหารจัดการให้เบิกจ่ายอยู่ภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจำนวน 60,000ล้านบาท
 
 
 
“สำหรับการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของสิทธิข้าราชการทั้งหมดยังเป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลางทั้งหมด และข้าราชการที่อยู่ในกองทุนสวัสดิการข้าราชการนั้นยังคงได้รับการรักษาเช่นเดิมตามสิทธิที่พึงจะได้รับ โดยตั้ง สปสช.เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลการให้บริการทางการแพทย์ให้กับกรมบัญชีกลางเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ของสิทธิข้าราชการเท่านั้น”นายมนัสกล่าว
 
 
ด้านนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของอธิบดีกรมบัญชีกลางในการมองภาพรวมด้านข้อมูลสุขภาพของประเทศ โดยได้มอบให้ สปสช. ทำหน้าที่ประมวลผลและออกรายงานการจ่ายเงินให้กับกรมบัญชีกลาง พร้อมทั้งจะออกรายงานการประมวลผลการรับข้อมูลและการเบิกจ่ายให้กับหน่วยบริการด้วย ซึ่ง สปสช.จะวิเคราะห์ข้อมูลการใช้บริการของข้าราชการ ข้อมูลการเงิน และจัดทำรายงานส่งให้กรมบัญชีกลางเป็นระยะ รวมถึงจะมีการพัฒนาระบบข้อมูลการเงินของระบบประกันสุขภาพระดับประเทศ (National Health Financing Information) และจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสุขภาพระดับประเทศ (National Health Information System)
 
 
 
เลขาธิการ สปสช. ย้ำว่า บทบาทการกำหนดสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลของข้าราชการเป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลาง ซึ่ง สปสช. ไม่ได้เข้าไปจัดการหรือกำหนดหลักเกณฑ์หรือสิทธิประโยชน์แต่อย่างใด การทำหน้าที่ในครั้งนี้ สปสช. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการเบิกจ่าย กรมบัญชีกลางจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทำหน้าที่ข้างต้นให้กับ สปสช. ตามที่ลงนามข้อตกดำเนินการกันในแต่ละปีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับข้าราชการและญาติที่มีสิทธิกว่า5ล้านคนทั่วประเทศ อีกทั้งจะใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการจัดสิทธิประโยชน์อื่นๆต่อไป


มติชน