ผู้เขียน หัวข้อ: นายกฯปู แจมงานเซ็น MOU ตั้งกองทุนรักษาพยาบาล อปท.  (อ่าน 829 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
   
“ยิ่งลักษณ์” ปั้นหน้าสวยเป็นประธานเซ็น MOU ระหว่าง 4 หน่วยงานใหญ่ จัดตั้งกองทุนรักษาพยาบาล ขรก.ท้องถิ่นและครอบครัว รวมกว่า 5.3 แสนคนทั่วประเทศ ตั้งงบเบื้องต้น 6 พันล้านบาท หวังแก้ปัญหาเข้าไม่ถึงสิทธิ สามารถเข้ารักษา รพ.รัฐได้ทุกแห่ง ไม่ต้องสำรองจ่ายเอง สร้างความทัดเทียมกับ ขรก.พลเรือน เริ่ม ต.ค.นี้
       
       วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อให้บุคคลผู้มีสิทธิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จำนวนกว่า 5.3 แสนคน รวมทั้งสิ้น 12 องค์กร ว่า รัฐบาลต้องการให้มีการบูรณาการและสร้างเอกภาพของระบบประกันสุขภาพให้เป็นแนวทางเดียวกัน เพื่อสร้างความเสมอภาคในการรับบริการสาธารณสุข โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) พิจารณาหารือร่วมกันเพื่อพัฒนาระบบการดูแลและคุ้มครองความมั่นคงสิทธิด้านการรักษาพยาบาลสำหรับข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่น เนื่องจากปัจจุบัน พบว่า ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่นประสบปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการักษาพยาบาล โดยเฉพาะกรณีโรคค่าใช้จ่ายสูง
       
       น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ละแห่ง โดยเฉพาะ อปท.ขนาดเล็ก เมื่อเกิดกรณีผู้ป่วยที่มีโรคค่าใช้จ่ายสูง จะทำให้ประสบปัญหาไม่มีงบประมาณเพียงพอ และเกิดผลกระทบต่อข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้เกิดระบบคุ้มครองความมั่นคงด้านสิทธิการรักษาพยาบาลสำหรับข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัวให้ได้รับบริการที่เสมอภาคกับสิทธิอื่นๆ และลดภาระความเสี่ยงของ อปท.ขนาดเล็ก จึงได้จัดตั้ง “กองทุนกลางค่ารักษาพยาบาลข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัว” ขึ้น
       
       “การจัดตั้งกองทุนกลางดังกล่าว กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจะขอตั้งงบประมาณจัดตั้งกองทุนเบื้องต้น 6,000 ล้านบาท โดยโอนไปให้ สปสช.จัดเป็นกองทุน เพื่อดูแลข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น ลูกจ้างประจำและครอบครัว สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง เทศบาล 1,900 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 5,693 แห่ง รวมจำนวนทั้งหมด 537,692 คน เฉลี่ยประมาณรายละ 12,000 บาท ซึ่งสิทธิประโยชน์จะเสมอภาคและทัดเทียมระบบสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลข้าราชการพลเรือน ไม่ต้องสำรองจ่าย สามารถรักษาที่โรงพยาบาลรัฐได้ทุกแห่ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
       
       น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ จะร่วมกันพัฒนาให้ผู้มีสิทธิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 ได้รับสวัสดิการรักษาพยาบาลจากรัฐที่ไม่แตกตางกันจากสิทธิเดิมและให้มีการพัฒนาด้านสิทธิประโยชน์และวิธีการใช้บริการเพื่อให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างส่วนท้องถิ่นและบุคคลในครอบคัว รวมถึงผู้มีสิทธิอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับความสะดวกในการเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยไม่ต้อสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลของ อปท.ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณาและจัดทำ MOU เพื่อยกร่างพระราชกฤษฎีกาภายใต้มาตรา 9 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2557 หรือวันที่ 1 ต.ค.2556 เป็นต้นไป
       
       “ขอชื่นชมในความร่วมมือของทุกหน่วยงานในการดำเนินงาน เพื่อให้ข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นและครอบครัว ได้เข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขได้อย่างมีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม เท่าเทียม และมีมาตรฐานเดียวกัน โดยการลดข้อจำกัดทั้งด้านงบประมาณ และข้อจำกัดด้านข้อกฎหมาย/ระเบียบที่การเบิกจ่ายเดิมมีการแยกเฉพาะส่วนแต่ละองค์กรและแตกต่างจากระบบประกันสุขภาพภาครัฐ 3 ระบบหลัก เพื่อให้ได้รับบริการสาธารณสุขอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
       
       ทั้งนี้ 12 องค์กร ประกอบด้วย ตัวแทนจากสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการและพนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาพันธ์ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมลูกจ้างประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการส่วนตำบลและเทศบาล สมาพันธ์เทศบาลแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ