ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.สร้างสถิติโลก ส่งแพทย์200 รักษาคน7,000 ลงกินเนสส์บุ๊ก  (อ่าน 912 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด

สธ.ร่วมสร้างสถิติโลก ส่งทีมแพทย์เฉพาะทางทุกสาขา ออกหน่วยแพทย์อาสา 200 คน ตรวจรักษาโรคฟรี ประชาชน 7,000 คน เฉลิมพระเกียรติ "ในหลวง-ราชินี" ลงกินเนสส์บุ๊ก...

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2556 ณ ห้องประชุมแพทยสภา สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และนายวิเชียร ชุบไธสง เลขาธิการสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกันแถลงข่าว โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ  เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยรวมใจแพทย์ไทยทุกสาขาออกหน่วยแพทย์อาสา ในวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค. 2556 ณ โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์ 1 จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนใน จ.พระนครศรีอยุธยา มารับบริการประมาณ 7,000 คน

ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 11/2555 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พ.ย. 2555 มีมติเห็นชอบให้จัดโครงการหน่วยแพทย์เฉพาะทางอาสาร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ โดยมีนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาล สำหรับผู้บริหารทางการแพทย์รุ่นที่ 1 แพทยสภา ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้ริเริ่มโครงการ โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการแพทย์ทั่วประเทศ ซึ่งโครงการออกหน่วยแพทย์เฉลิมพระเกียรตินี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก ด้วยการดำเนินการขอบันทึกสถิติแพทย์เฉพาะทางที่มาออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เป็นจำนวนมากที่สุด ลงในหนังสือ “สถิติโลกกินเนสส์บุ๊ก” (Guinness Book World Record) เป็นการเทิดพระนามและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยในการสาธารณสุขเพื่อประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งเป็นกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพพลานามัยที่ดีของประชาชนในชุมชน รวมทั้งสร้างธรรมาภิบาลในการมีส่วนร่วมของแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา กำหนดจัดในวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค. 2556 ที่โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์ 1 จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะมีประชาชนใน จ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงมารับบริการประมาณ 7,000 คน

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การจัดบริการผู้เจ็บป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์เฉพาะทางของกระทรวงสาธารณสุข จะใช้ระบบการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพ ซึ่งส่วนใหญ่โรงพยาบาลเหล่านี้มักอยู่ใน กทม. หรือในจังหวัดใหญ่ๆ ทำให้ประชาชนต้องรอคิวในการรักษาพยาบาลค่อนข้างยาว ซึ่งได้พยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด การจัดหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางออกไปให้บริการประชาชนในครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ให้บริการที่ด้อยคุณภาพ แต่เป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการรักษาเบื้องต้นมาแล้ว และส่งต่อมา ให้มีโอกาสได้รับการรักษาโรคเฉพาะทางในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ต้องรอคิวนานจนเกินไป ในการดำเนินงานครั้งนี้ กระทรวงได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประสานเตรียมจัดพื้นที่โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์ 1 จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เป็นโรงพยาบาลสนามเคลื่อนที่ สามารถตรวจรักษา ผ่าตัดแก่ผู้ป่วยที่มาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง ในเครือข่ายบริการที่ 4 ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนแพทย์เฉพาะทางพยาบาล และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จากกรมอนามัย และโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ ร่วมจัดบริการร่วม โดยให้บริการโรคเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาลเลิศสิน ผ่าตัดผู้ป่วยที่มีปัญหานิ้วล็อก   สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม (Mammogram) โดยรถตรวจมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ตรวจพัฒนาการเด็ก ตรวจการได้ยิน โรงพยาบาลวัดไร่ขิงร่วมกับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ตรวจวัดสายตาและตัดแว่นให้ฟรี และได้ร่วมกับราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ รพ.พระพุทธชินราช พิษณุโลก รพ.ขอนแก่น ตรวจและรักษาจอประสาทตาด้วยเลเซอร์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน สถาบันประสาทวิทยาตรวจโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ กรมอนามัยร่วมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังให้บริการตรวจโรคทั่วไป ซึ่งประชาชนยังมีความต้องการบริการ ได้จัดทีมแพทย์จากโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใน จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงพยาบาลใกล้เคียง เช่น โรงพยาบาลสระบุรี   อ่างทอง ราชบุรี และสุพรรณบุรี ร่วมให้บริการ ในส่วนของการเตรียมการคัดกรอง เพื่อส่งตัวผู้ป่วยมารับการรักษาต่อที่หน่วยแพทย์อาสา ได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง นัดหมายและนำผู้ป่วยที่อยู่ในการคัดกรองเบื้องต้น มารับการตรวจรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในวันจัดกิจกรรม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการ ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ได้รับตามสิทธิ รวมทั้งเรื่องยาและเวชภัณฑ์ที่ต้องการเพิ่มเติม องค์การเภสัชกรรมจะให้การสนับสนุน

ขณะที่ ศ.นพ.อดิศร กล่าวว่า หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาล สำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ จัดทำขึ้นโดยสถาบันแพทยสภาในฐานะสภาวิชาชีพเวชกรรมร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาด้านการเมือง การปกครอง กฎหมาย และเศรษฐศาสตร์อันดับสูงสุดของประเทศ ภายใต้รัฐสภาในรุ่นที่ 1 ได้เปิดการศึกษาอบรมตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 2555 ถึง 17 มี.ค. 2556  มีผู้เข้ารับการศึกษาอบรมทั้งหมด 120 คน ประกอบด้วย แพทย์และวิชาชีพสายแพทย์ 70 คน ซึ่งมาจากโรงพยาบาลสถาบันโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาล สามเหล่าทัพ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลภาคเอกชน อีก 40 คนมาจากข้าราชการพลเรือน ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ประกอบการหรือบุคคลทั่วไปที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางด้านสาธารณสุข

นักศึกษาที่เรียนในหลักสูตรมีความมุ่งหวังที่จะจัดทำกิจกรรมเพื่อประชาชน โดยจะจัดหน่วยแพทย์เฉพาะทางเคลื่อนที่ไปให้บริการกับประชาชนอย่างครบวงจร ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรอง การส่งเสริมสุขภาพ การรักษาระดับปฐมภูมิจนถึงระดับตติยภูมิ โดยมีแพทย์อาสาสมัครเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครจำนวนมากที่สุดเป็นครั้งแรกในโลก โดยแบ่งกลุ่มการให้บริการออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1. การตรวจคัดกรอง 2. การรักษาพยาบาล และ 3. การส่งเสริมสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องด้วยทั้งสองพระองค์ทรงห่วงใยในทุกข์สุขของราษฎรมาโดยตลอด 2. เพื่อลดปัญหาการเข้าถึงการรักษาในระดับทุติยภูมิและตติยภูมิในพื้นที่ใกล้เคียงจุดออกหน่วย 3. เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับระบบสาธารณสุขไทย ในการบริการทางด้านสุขภาพกับประชาชน 4. เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหลายหน่วยงานในการให้บริการทางด้านสาธารณสุขแก่ประชาชน

ทั้งนี้ การออกหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค. 2556 ณ โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์ 1 จ.พระนครศรีอยุธยา โดยประชาชนชาวพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง จะได้รับการบริการทางด้านสาธารณสุขอย่างครบวงจร เกิดปรากฏการณ์ใหม่ในวงการสาธารณสุขของประเทศไทย ที่ได้รับความสนใจจากทุกมุมโลก โดยมีการบันทึกในกินเนสส์บุ๊ก (Guinness Book World Record) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ในการให้บริการทางการแพทย์อย่างครบวงจร ได้แก่ การคัดกรองโรคต่างๆ การส่งเสริมสุขภาพ การรักษาระดับปฐมภูมิ และมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยรักษาระดับตติยภูมิ กรณีที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแพทย์จากหน่วยงานทางการแพทย์ รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ รวมพลังกันจัดโครงการนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลที่พระราชทานให้ประชาชนชาวไทย คาดว่าจะมีแพทย์เฉพาะทางร่วมให้บริการมากที่สุดในโลก ไม่ต่ำกว่า 200 คน มีคลินิกให้บริการ 15 คลินิก ให้บริการประชาชนประมาณ 7,000 คน

ส่วนนายวิทวัส ชัยภาคภูมิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้า เป็นสถาบันทางวิชาการชั้นนำ ที่มุ่งไปสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนาประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืน พันธกิจหลักหนึ่งที่สำคัญของสถาบันคือ ด้านการศึกษาอบรม ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาได้จัดหลักสูตรในระดับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม การปกครองส่วนท้องถิ่น การระงับข้อพิพาทขัดแย้ง และเสริมสร้างสังคมให้เกิดความสันติสุข รวมถึงการสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

โดยทางสถาบันฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทางแพทยสภา ในฐานะสภาวิชาชีพเวชกรรม จัดอบรมหลักสูตรธรรมาภิบาล สำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ โดยในหลักสูตรนี้มุ่งที่จะบูรณาการองค์ความรู้ในเรื่องธรรมาภิบาล ตลอดจนความเข้าใจ และประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญแก่ผู้บริหารสายแพทย์และสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลิตบุคลากรที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการสร้างความเจริญพัฒนาของประเทศไทยต่อไป การที่นักศึกษาในหลักสูตรดังกล่าว มีความตั้งใจจัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งถือว่ากิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เพื่อส่งเสริมสุขภาพพลานามัยที่ดีของประชาชนในชุมชน อีกทั้งเป็นการสะท้อนถึงมิติการมีส่วนร่วมของแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา ซึ่งเป็นหลักสำคัญหนึ่งของการสร้างธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้าจึงขอสนับสนุนการจัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในครั้งนี้ และพร้อมที่จะสนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อให้การดำเนินโครงการนี้ประสบความสำเร็จ

ทางด้านนายวิเชียร ชุบไธสง เลขาธิการสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า สมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า เป็นศูนย์รวมนักศึกษาศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่าของสถาบันพระปกเกล้า และมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมของสถาบันพระปกเกล้า หรือของนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า การที่นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารทางการแพทย์ รุ่นที่ 1 ได้จัดทำโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เห็นได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดีในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเจ็บป่วย โดยคณะแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะมีขึ้นในประเทศไทย ดังนั้น สมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า จึงได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้โดยให้การสนับสนุนในทุกด้านอย่างเต็มที่.

โดย: ทีมข่าวการศึกษา

31 มกราคม 2556, 18:37 น.