ผู้เขียน หัวข้อ: ปรับสูตรยามาลาเรียชายแดนพบเชื้อดื้อ10%  (อ่าน 798 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 22 มกราคม 2556 00:00:58 น.
สาธารณสุข * กรมควบคุมโรคเผย พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียจากเชื้อพลาสโมเดียมฟันซิปาลัม ตามขอบชายแดนเพื่อนบ้านดื้อยากว่า 10% เตรียมนำเข้ายารักษาสูตรใหม่มาแทน คาดได้ใช้ประมาณ ก.ค.-ส.ค.นี้

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตรการป้องกันและควบคุมโรคมาลาเรียให้กับ 6 ประเทศในแอฟริกา ได้แก่ โกตดิวัวร์ มาลี โมซัมบิก เซเนกัล ยูกันดา แซมเบีย ว่า สถิติการเกิดโรคมาลาเรียในประเทศไทยถือว่าลดลง จากเดิมอยู่ที่ 4 หมื่นรายต่อปี ในปี 2555 เหลือเพียง 24,723 ราย เป็นคนไทย 15,287 ราย ผู้ป่วยชาวต่างชาติ 9,436 ราย เสียชีวิต 11 ราย เป็นคนไทย 9 ราย ต่างชาติ 2 ราย จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 5 อันดับ คือ ตาก กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง และสงขลา

 
นพ.วิชัย สติมัย ผอ.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถิติการเกิดโรคไข้มาลาเรียในประเทศไทยถือว่าลดลงจากเดิมอยู่ที่ 4 หมื่นรายต่อปีเหลือเพียง 2.5-3 หมื่นรายต่อปี ในจำนวนนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อพลาสโมเดียมฟันซิปาลัม 50% เชื้อพลาสโมเดียมไวแวก 50 ซึ่งใช้ยาอาร์ที่ซูเนต กับยาเมโฟลควิน ในการรักษา จากการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยา 9 จุดในประเทศไทย คือ จ.ระนอง ราชบุรี กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน จันทบุรี ตราด ยะลา และอุบลราชธานี พบว่าแม้คุณภาพยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยจากเชื้อพลาสโม เดียมฟอซิฟอรัมจะยังถือว่าอยู่ในระดับ 90% ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด แต่ในหลายพื้นที่ เช่น ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.จันทบุรี และตราด คุณภาพยาจะอยู่ที่ 87-89% อุบลราชธานี 95-96% และ จ.ระนอง กาญจนบุรี พบว่าคุณภาพยาเริ่มลดลง หากไม่ทำอะไรอาจจะทำให้เปิดปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่พบอยู่ที่ 10% เท่านั้น

ดังนั้นกรมควบคุมโรคจะเริ่มทำการเปลี่ยนมาใช้ยาตัวใหม่ซึ่งเป็นยาสูตรผสมระหว่างไดไฮ โดรอาร์ติมิซินิน กับพิเพอราควิน ซึ่งทั้งกระบวนการสั่งซื้อยา จัดทำคู่มือ และอบรมเจ้าหน้าต้องใช้เวลา ซึ่งคาดว่าประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค.น่าจะสามารถใช้ได้ ส่วนผู้ป่วยที่เกิดจากเชื้อพลาสโมเดียมไวแวก ซึ่งไม่พบว่ามีการดื้อยา ยังสามารถใช้ยาตัวเดิมที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้ผลิต

"ที่ว่าดื้อยานั้นคือพลาสโมเดียมฟันซิปา ลัม ส่วนพลาสโมเดียมไวแวกยังไม่ดื้อ เพราะว่าเราศึกษามาเหมือนกันว่าผลของยาอยู่ที่ 98-99% จึงยังไม่แตะเรื่องพลาสโมเดียมไวแวกเพราะฉะนั้น 2.5-3 หมื่นของผู้ป่วยหรือประมาณ 1.2-1.5 หมื่นจำเป็นต้องใช้ยาตัวใหม่ เชื้อพลาสโมเดียมฟันซิปา ลัมจะทำให้มีอาการมาลาเรียขึ้นสมองรุนแรงและเสียชีวิต แต่เชื้อพลาสมาไวแวกจะไม่ตาย ยกเว้นมีรายงานใหม่ๆ ว่าเสียชีวิต 1-2 รายเท่านั้น".