ผู้เขียน หัวข้อ: อ้อน! สปสช.เพิ่มสิทธิรักษารากฟัน-คลอดไม่จำกัดครั้ง-ตรวจเลือด  (อ่าน 1221 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   13 มกราคม 2556 15:29 น.   

   


       ภาคประชาชน เสนอ สปสช.เพิ่มสิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพ ทั้งการรักษารากฟัน ไม่จำกัดจำนวนครั้งคลอดบุตร พิสูจน์ดีเอ็นเอ ลดเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพ แนะเตรียมความพร้อมด้านการคลังรองรับเปิดเออีซี ป้องกระทบหน่วยบริการสุขภาพขนาดเล็ก
       
       นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้านการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ สปสช.ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และผู้ให้บริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการดำเนินการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปี 2555 ในรูปแบบสมัชชาพิจารณ์ ระดับภาคทั้ง 4 ภาค ภาคละ 1 จังหวัด ตั้งแต่พฤษภาคม-กันยายน 2555 ที่ผ่านมา พบว่า ภาคประชาชนและหน่วยบริการมีข้อเสนอที่หลากหลายประเด็น โดยเฉพาะภาคประชาชนมีข้อเสนอในเรื่องที่ใกล้ตัวคือ เรื่องสิทธิประโยชน์ โดยเสนอให้เพิ่มการรักษารากฟันในทุกกลุ่มอายุ ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการคลอดบุตร หรือการตรวจดีเอ็นเอเพื่อทราบสถานะบุคคล รวมทั้งให้กองทุนสวัสดิการข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม มีระบบการเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้นหรือมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
       
       “ขณะเดียวกัน ยังได้เสนอให้มีเครื่องช่วยคนพิการ เช่น ที่นอนลม ผ้าอ้อม การตรวจสุขภาพประจำปีทุกโรค เช่น คัดกรองภาวะเสี่ยงในกลุ่มแรงงานนอกระบบ และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาแรงงานต่างด้าวด้วย” นพ.จรัล กล่าว
       
       นพ.จรัล กล่าวอีกว่า ในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานนั้น ในส่วนของผู้ให้บริการมีข้อเสนอให้ทบทวนตัวชี้วัดหรือเกณฑ์ประเมินคุณภาพและมาตรฐานบริการที่ง่ายและเหมาะสม พร้อมทั้งเสนอให้ ใช้มาตรการด้านการเงินอย่างเข้มงวดในการผลักดันให้หน่วยบริการปรับปรุงมาตรฐาน ขณะที่การส่งต่อและการประสานหาเตียงให้ผู้ป่วยใน รพ.รัฐยังมีอุปสรรคอยู่บ้างโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยเสนอให้ สปสช.ควรจัด รพ.เอกชนทุกแห่งเข้าร่วมโครงการได้ด้วย

   

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
       นพ.จรัล กล่าวด้วยว่า สำหรับในเรื่องการเงินการคลังนั้น ผู้ให้บริการมีข้อเสนอให้เพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัว และขอให้หารือกับรัฐบาลขอให้มีการทบทวนงบรายหัวคงที่ 3 ปี เพราะจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการของหน่วยบริการได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการจัดสรรเงินขอให้เน้นการสร้างความเป็นธรรมลงไปถึงระดับพื้นที่ทั้งอำเภอ หรือแม้แต่หน่วยบริการขนาดเล็กด้วย และข้อเสนอยังรวมถึงขอให้มีการทบทวนการหักเงินเดือนของจังหวัดที่มีข้าราชการน้อยไปช่วยจังหวัดที่มีข้าราชการมาก ควรให้มีการเบิกจ่ายสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และมีการเตรียมการด้านการเงินเพื่อรองรับอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งจะต้องมีการเตรียมพร้อมในการรองรับ จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อหน่วยบริการในอนาคต รวมทั้งให้มีการปรับระบบการจ่ายล่วงหน้าให้มากขึ้น และควรมีการตั้งกองทุนสำรองระดับเขตเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องของหน่วยบริการ แก้ไขให้งบเหมาจ่ายไม่รวมเงินเดือน พัฒนาการเรียกเก็บเงินชดเชยค่าบริการผ่านระบบดีอาร์จี
       
       นพ.จรัล กล่าวต่อไปว่า สำหรับการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้เข้าร่วมได้เสนอให้เพิ่มงบสนับสนุนค่าบริการ และให้ อปท.สมทบตามขนาดของกองทุน ทบทวนโครงสร้างคณะกรรมการบริหารกองทุนให้ครอบคลุมภาคส่วน รวมทั้งการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สนับสนุนให้มีศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชนระดับตำบลและระดับอำเภอ และในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุน ให้มีตัวแทนภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งด้านการบริหารจัดการของ สปสช.ควรให้มีการจัดส่งข้อมูลรายงาน ซึ่งไม่ควรให้เป็นภาระของหน่วยบริการ โดยต้องสะดวกต่อผู้ปฏิบัติงาน ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือประสานสถาบันการศึกษา เพื่อจัดให้มีหลักสูตรเรื่องระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นความรู้พื้นฐานในทุกระดับการศึกษา
       
       “การรับฟังความคิดเห็นนั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่กำหนดให้จัดประชุมเพื่อให้คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ สรุปบทเรียนและประสบการณ์การดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพในอนาคต” นพ.จรัลกล่าว
       
       ด้าน นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2548-2554 ที่ผ่านมา ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนและได้มีการประกาศเป็นนโยบายหรือกำหนดเป็นชุดสิทธิประโยชน์แล้ว เช่น การสนับสนุน เร่งรัดพัฒนาบริการปฐมภูมิใกล้บ้านใกล้ใจ การให้ความคุ้มครองผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ การเพิ่มการเข้าถึงบริการแพทย์แผนไทย การบริหารจัดการโรคที่มีค่าใช่จ่ายสูงอย่างครบวงจร การขยายบริการทดแทนไตสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ยกเลิกการจำกัดการคุ้มครองการเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่เกิน 2 ครั้งต่อไป การเพิ่มการเข้าถึงยาราคาแพง และยาในบัญชี จ(2) การนำร่องการใช้บัตรประชาชน Smart card แทนบัตรทอง การผ่าตัดปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ เป็นต้น