ผู้เขียน หัวข้อ: สกู๊ปพิเศษ : สิทธิผู้ป่วยกับการคุ้มครองทางกฎหมาย ม.41  (อ่าน 884 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2556 06:00:00 น.
สกู๊ปพิเศษ :?สิทธิผู้ป่วยกับการคุ้มครองทางกฎหมาย ม.41
ลดความขัดแย้งฟ้องร้องนายแพทย์-พยาบาลได้จริงหรือ!
ภายหลังจากที่ นางสาวเอราวัณ กันนุฬา อายุ 23 ปีบ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 9ตำบลหนอง ขวาว อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ได้นำลูกสาวคือเด็กหญิงกัญญาวีร์ อายุ 6ปี เข้ามรักษาตัวซึ่งป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกที่อาคาร 10 ตึกกุมารเวชตั้งแต่วันที่ 26ธันวาคม 2555 จนมาถึงวันที่ 1มกราคม 2556 จนเด็กต้องเสียชีวิตลงบนเตียงจนมีเสียงสะท้อนออกมาจากผู้ที่มาใช้บริการของ โรงพยาบาลชั้นนำของจังหวัดสุรินทร์ว่าเหตุการครั้งนี้ไม่ควรจะเกิดจนล่าสุด ผู้ปกครองได้ติดต่อทนายความเพื่อที่จะหาแนวทางในการฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ ของโรงพยาบาลที่ทำให้ลูกสาวของตนเองเสียชีวิตลงโดยไม่ยอมบอกสาเหตุและปล่อย ปะละเลยจนกระทั่งเด็กได้นอนเสียชีวิตบนเตียงดังนั้นปัญหาดังกล่าวจึงได้มี การนำเรื่องของ"สิทธิผู้ป่วยกับการคุ้มครองทางกฏหมาย"มาพูดคุยกันในวันนี้


 
ในอดีต แพทย์ และบุคลากรสาธารณสุขจำนวนมากพึงพอใจกับขบวนการเยียวยาตามมาตรา41ที่ให้กับ ผู้ป่วยที่ใช้บัตรทอง เพราะหลังจากที่มาตรา41 ในพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพประกาศใช้มากว่า6ปีแพทย์ที่ทำการรักษาคนไข้บัตรทอง สามารถวางใจได้ว่า หากเกิดความผิดพลาดเสียหาย คนป่วยจะได้รับการชดเชยเยียวยาอย่างทันท่วงทีในขณะที่ตัวแพทย์และบุคลากรการ แพทย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ในขบวนการหาคนผิดมาลงโทษ หรือเสี่ยงต่อการถูกสอบสวนดำเนินคดี แต่ที่ผ่านมาเป็นเฉพาะกรณีผู้ป่วยที่ใช้บัตรทองเท่านั้นหากเป็นผู้ป่วยที่ อยู่นอกระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ยังไม่มีกลไกเยียวยาใดๆอย่างเป็นระบบแต่กฏหมายฉบับนี้จะ ทำให้มีผู้ฉวยโอกาสมาขอเงินชดเชยเยียวยามากมาย ขณะที่สถานบริการสาธารรสุขต้องหาเงินมาเข้ากองทุนเพราะความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือผู้เสียหายต้องเอาชีวิตของตนเองความพิการและการเป็นโรคที่ไม่ต้องมาแลกกับเงินชดเชย

การฉวยโอกาสนั้นเป็นไปไม่ได้แม้ประสบการณ์ในต่างประเทศที่มีการนำ No Fauit Liability iaw มาใช้จะพบว่า มีผู้มาขอรับการเยียวยาชดใช้จริง แต่ก็เป็นกรณีที่มีความเสียหายจริงๆการชดเชยเยียวยาจึงเป็นสิ่งที่เป็นธรรม ต่อผู้เสียหายโดยไม่ต้องไปฟ้องร้องเอาที่ศาลไม่สร้างความร้าวฉานในความ สัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วย ส่วนประสบการณ์ของโรงพยาบาลเองการใช้มาตรา 41 ของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพพบว่ามีผู้ที่ได้รับเยียวยาชดเชยเพียงไม่กี่พันคน และกองทุนนี้นอกจากจะไม่ล้มละลายแล้วยังมีเงินเหลือสะสมมากกว่าที่คาดเอาไว้อีก

ดังนั้น ผู้ป่วยที่เกิดความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ ส่วนใหญ่จะไม่ต้องฟ้องแพทย์หากมีกระบวนการเยียวยาที่น่าพึงพอใจ กรณี ตัวอย่างที่เห็นได้ขัดว่ากระบวนการเยียวยาชดเชยต่อความเสียหายในการรับ บริการทางการแพทย์สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้เสียหายคือเหตุการณ์ที่ผู้เข้า รับการรักษาโรคไข้เลือดออกที่ผ่านมาที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ดูแลเท่าที่ควรจนกระทั่งปล่อยให้เด็กเสียชีวิตบนเตียงคนไข้จนทำให้ผู้เสียหายคิดจะฟ้อง ร้องแพทย์และโรงพยาบาลตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องและท้ายที่สุดก็ยังคงรักษาความ สัมพันธ์ที่ดีต่อแพทย์และโรงพยาบาลที่เข้าทำการรักษา

นางธิดา จันทิมาธร อนุกรรมการสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์เผยว่ากฏหมายนี้กำหนดให้มีกองทุนขึ้นมา ดูแลแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะทำให้กองทุนนี้สร้างความเป็นธรรมในสังคมให้มากขึ้น เพราะอุบัติการณ์ความผิดพลาดทางการแพทย์เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ว่าเกิด ขึ้นได้แม้แพทย์จะพยายามรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถก็ตามและเมื่อเกิด ความเสียหายได้รับการเยียวยาทุกคนก็ได้รับการเยียวยา ด้วยการชดเชยเพระกองทุนนี้จะดูแลประชาชนทั้ง65ล้านคนทั่วประเทศแต่หากไม่มี กองทุนจากกฏหมายนี้จะมีคนกว่าอีก20ล้านคนไม่ได้รับการดูแลเพราะไม่ได้อยู่ใน ระบบบัตรทองส่วนงบประมาณของกองทุนได้มานั้นมาจากกองทุนในมาตรา41 และเงินสมทบจากสถานพยาบาลเอกชนเป็นเบี้ยสมทบเป็นหลักการเดียวกับการประกัน ความเสี่ยงดีกว่าการจ่ายความเสียหายเป็นรายกรณีไปส่วนโรงพยาบาลของรัฐกองทุน จะขอเงินสมทบต่อปีซึ่งปีนี้ทางรัฐบาลได้จัดสรรเงินงบประมาณลงมาในปี2556ให้ กับโรงพยาบาลทุกแห่งจำนวน 98,200ล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนข้อวิตกกังวลว่า คนไข้จะได้เงินสองต่อโดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าเกิดจากความเสียหายทางการแพทย์หรือเนื่องจากว่าโรคที่เป็นอยู่ นั้น คงไม่จริงเพราะคนไข้ที่จะได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น ต้องเป็นคนไข้ที่ได้รับความเสียหายจากการบริการทางการแพทย์เท่านั้น การช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นไปเพื่อการบรรเทาความเดือดร้อนและลดความขัดแย้ง โดยเร็วที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องซึ่งการชดเชยเพิ่มเติมจะมีได้ก็ต่อเมื่อมี การพิจารณาถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น

ส่วน หมอที่ทำงานหนักเพื่อรักษาประชาชน จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกฏหมายนี้ คง จะไม่จริงตามข้อวิตกเพราะพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฏหมายที่ไม่มีการหาคนผิดหรือการ กล่าวโทษ ต่เป็นกฏหมายที่ยมรับว่าความผิดพลาดทางการบริการทางการแพทย์เกิดขี้นได้โดย ไม่มีเจตนาแต่เมื่อมีความผิดพลาดก็ควรมีการเยียวยาต่อผู้เสียหายโดยให้รัฐ กับสถานพยาบาลมาช่วยกันเฉลี่ยความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นที่ ไหนเมื่อไหร่ก็ได้แพทย์หรือบุคลากรที่ทำการรักษาไม่ต้องรับผิดกับความเสีย หายที่เกิดขึ้นหรือต่อวิชาชีพจึงสามารถดูแลคนอื่นได้อีกต่อๆไปอย่างเต็มความ สามารถโดยไม่ต้องกังวลกับการฟ้องร้องหรือกรณีหาเงินมาชดเชยกับผู้เสียหายที่ สำคัญคือมาตรา 45มีการกำหนดให้อำนาจศาลพิจารณาละเว้นโทษให้แก่แพทย์หรือบุคลากรการแพทย์หาก มีการนำเรื่องไปฟ้องอาญาซึ่งการละเว้นโทษขนาดนี้ไม่ค่อยมีปรากฏในกฏหมาย อื่นๆซึ่งถือว่าเป็นการปกป้องและให้ประโยชน์แก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานเพื่อการผลักดันพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯนี้นั้นต้องยอมรับความ จริงว่าที่ผ่านมานั้นล้มเหลวในระบบการให้ความเป็นธรรมในการให้บริการสาธารณสุข

ไม่ว่าจะเป็นการฟ้องร้องคดีตามกฏหมายแพ่ง หรือการใช้พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.2539 ผู้เสียหายต้องประสบกับอุปสรรคมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิสูจน์ความผิด พลาดในการบริการสาธารณสุขทำให้คดีที่ผู้ร้องความเสียหายในศาลแทบไม่เคยได้ รับความเป็นธรรมเลย ถึงแม้ปัจจุบันจะมีพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคพ.ศ.2550 ช่วยให้การฟ้องร้องคดีได้ง่ายขึ้น เช่น ไม่ต้องใช้ทนาย ไม่ต้องจ่ายค่าวางศาล ผู้เสียหายไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็มีผลต่อความสัมพันธ์แพทย์กับผู้ป่วย?หากผู้เสียหายได้รับการเยียวยา จะทำให้การฟ้องร้องลดน้อยลง

พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจาก การบริการหรือมาตรา41ที่ผู้เสียหายที่ได้รับการเยียวยาจากพ.ร.บ.ดังกล่าวที่ ต่างคนต่างที่อยากจะได้สิทธิของตนเองที่ควรจะได้รับจากการบริการของบุคลากร ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลนั้นๆแต่หากว่าวงการแพทย์ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหา การฟ้องร้องที่สร้างความทุกข์ต่อผู้ปฏิบัติงานแล้วยังมีการเรียกร้องมูลค่า เงินชดเชยที่สูงขึ้นแต่หากการปฏิบัติงานของพยาบาลหรือแพทย์มีการเอาใจใส่ ตลอดจนการดูแลคนไข้ดั่งญาติของตนเองแล้วจะไปกลัวอะไรกับการฟ้องร้องเพราะที่ ผ่านมาถือว่าไม่ใช่การฟ้องร้องต่อศาลแต่เป็นการฟ้องให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า การบริการของโรงพยาบาลคงจะต้องมีการเข้มงวดในด้านการบริการให้ดีกว่านี้และ ไม่ต้องปล่อยปะละเลยจนถึงขนาดให้คนไข้นอนตายบนเตียงเพราะความรู้สึกและเจ็บ ปวดของญาติผู้ที่เสียชีวิตต้องมามีความกังวลกับแพทย์พยาบาลกับการฟ้องร้อง และเรียกร้องค่าเสียหายเพราะจำนวนประชากรของประเทศไทยจำนวน61ล้านคนไม่มีผู้ ป่วยคนไหนที่อยากจะได้สิทธิตรงนี้แต่อยากจะได้สิทธที่ต้องให้แพทย์พยาบาลได้ เข้ารับการดูแลรักษาคนไข้ให้ดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

อัครัช มุกดาอนันต์