ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เผย8สัญญาณบ่งชี้'หลับใน'  (อ่าน 902 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
สธ.เผย8สัญญาณบ่งชี้'หลับใน'
« เมื่อ: 02 มกราคม 2013, 19:49:51 »
สธ.เผย8สัญญาณบ่งชี้'หลับใน'
รมว.สธ. สั่ง รพ.ในพื้นที่ปริมณฑล 4 ภาค พร้อมรับมืออุบัติเหตุจราจรฉลองปีใหม่ ช่วงขากลับเข้า กทม.เต็มที่ เตือนระวังหลับใน ชี้ง่วงแล้วขับอันตรายเท่ากับคนเมา
                          1 ม.ค. 56  นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดี กรมควบคุมโรค พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ รองผู้บัญชาการตรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 1 และคณะตรวจเยี่ยมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุจราจรช่วงขากลับ ที่จุดตรวจตำรวจทางหลวงวังน้อย กม.ที่ 72-73 อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และเยี่ยมให้กำลังใจการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาลเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
                          นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ ที่บูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน ในรอบ 5 วันนี้เป็นที่น่าพอใจ ภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา โดยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดอุบัติเหตุ 23 ครั้ง เสียชีวิต 4 ราย น้อยกว่าปีที่แล้ว 6 ราย ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลรวม 33 ราย ในจำนวนนี้อยู่ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา 13 ราย อาการสาหัสอยู่ไอซียู 2 ราย เนื่องจากบาดเจ็บทางสมอง เพราะไม่ใส่หมวกนิรภัย ส่วนผลการปฏิบัติงานด้านการแพทย์พบว่าได้ตามมาตรฐาน สามารถออกปฏิบัติการไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาทีหลังรับแจ้งเหตุได้สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดความสูญเสียให้มีน้อยที่สุด และให้ประชาชนเดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหลังฉลองปีใหม่ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในแถบปริมณฑลทั้ง 4 ภาค จัดเตรียมกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมรับอุบัติเหตุช่วงขากลับอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งจุดเตือน 3 จุด ในเส้นทางหลัก เนื่องจากเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งช่วงขากลับ จุดที่ 1. ถนนพหลโยธิน ช่วงกม.74 อ.หนองแค จุดที่ 2. ถนนสายเอเชีย ช่วงต่างระดับบางปะหันถึงอ.มหาราช และจุดที่ 3. ทางหลวง 340 สายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ช่วงอำเภอลาดบัวหลวง โดยมีรถของตำรวจทางหลวงเปิดสัญญาณไฟแจ้งเตือนให้ระมัดระวัง
                          นายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ นอกจากเมาสุรา ขับรถเร็ว แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือคนขับหลับใน ผลของการง่วงจะทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง สมองตื้อ ตัดสินใจผิดพลาด ใจลอยไม่มีสมาธิ การสั่งการของสมองไปยังกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันจึงแตะเบรกได้ช้ากว่าปกติ มีผลวิจัยจากต่างประเทศระบุว่าคนที่ง่วงแล้วขับไม่ต่างกับคนเมาแล้วขับ เพราะพบว่าคนที่อดนอนติดต่อกัน 18 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลงเท่ากับคนที่มีระดับแอลกอฮอล์ ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ไม่ดื่ม 2 เท่าตัว และถ้านาน 24 ชั่วโมง จะเท่ากับมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ความสามารถขับรถลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุ จะเพิ่มเป็น 6 เท่าตัว
                          "สัญญาณเตือนของอาการง่วงขณะขับรถ มี 8 ประการดังนี้ 1. หาวบ่อยและหาวต่อเนื่อง 2. ใจลอยไม่มีสมาธิ 3. รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิดกระวนกระวาย 4. จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาเมื่อ 2-3กิโลเมตรที่ผ่านมา 5. รู้สึกหนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6. รู้สึกมึน หนักศีรษะ 7. ขับรถส่ายไปมา หรือออกนอกเส้นทาง 8. มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร"
                          ดังนั้น ก่อนเดินทางต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม นอนพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง หาเพื่อนร่วมทางพูดคุย ผลัดกันขับรถ หยุดพักรถทุกๆ 150 กิโลเมตร หรือทุก 2 ชั่วโมง แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเหนื่อย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ยาที่ทำให้ง่วงซึม เมื่อรู้สึกง่วง ล้า อย่าฝืนขับ ให้เปลี่ยนคนขับ หรือแวะจอดรถในที่ปลอดภัยและงีบหลับประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยได้