ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำท่วมโลก ...เรื่องของเรือโนอา  (อ่าน 3504 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
น้ำท่วมโลก ...เรื่องของเรือโนอา
« เมื่อ: 29 ตุลาคม 2010, 00:19:13 »
เรือโนอาในหนังสือ  hoy  rory   บอกไว้ว่า   มาจร์  เทอร์รี่  คือผู้ออกเเบบ เเละลงทุนสร้างมหาสาร  ไม่มีใครรู้ว่า  มาจร์  เทอร์รี่  ลงทุนเท่าไหร่ เรือโนอาสร้างเมื่อ  ปี 1780 ในขนาดนั้น  เรือโนอาเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก   

เเต่เมื่อปี 1796 ก็เกิดเหตุการล่มกลางทะเล เเละใน ปี 1823  เรือที่ทำลายสถิติคือเรือ " ไททานิค "

เรือโนอาห์ไม่ได้มีตำนานแบบไททานิค แต่เป็นเรื่องเล่าปรัมปรามานานแล้วว่า หลังจากที่ลูกหลาน
ของอดัมและอีฟ เกิดขึ้นมามากมายในโลกใบนี้ โลกปะปนไปด้วยคนดีและคนชั่ว ซึ่งพระเจ้าเห็นว่าถึงเวลาล้างบางคนชั่วด้วยการสร้างน้ำท่วมใหญ่ แต่ก่อนจะลงมือกระทำการดังกล่าวก็ได้ออกเสาะหาคนดี ซึ่งก็ได้เจอเข้ากับกับนายโนอาห์ ที่เป็นคนดีและมีอายุยืนยาวถึง 500 ปี

พระเจ้าบอกกับโนอาห์ว่าจะทำให้เกิดน้ำท่วมโลกครั้ง ใหญ่ ซึ่งจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง แต่จะยกเว้นโนอาห์ และครอบครัวของเขาเอาไว้ โดยแนะนำให้โนอาห์สร้างเรือที่สามารถบรรทุกครอบครัวของเขา และสัตว์ต่างๆเอาไว้ได้ โนอาห์ได้ทำตามคำแนะนำของพระเจ้า โดยสร้างเรือขึ้นมาเมื่อ 2465 ก่อนคริสตกาล โดยเรือโนอาห์ยาว 450 ฟุต หนัก 4,100 ตัน

เมื่อสร้างเรือเสร็จ โนอาห์ก็พาภรรยา ลูกชายทั้ง 3 คน และสะใภ้ พร้อมด้วยเจ้าสัตว์น้อยใหญ่อย่างละหนึ่งคู่ อาทิ หมา แมว นก ช้าง เป็นต้น ขึ้นไปอยู่บนเรือจากนั้นพระเจ้าก็จัดการปิดประตูเรือให้

แล้วฝนก็เริ่มตกติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 40 วัน 40 คืน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกจมอยู่ใต้น้ำ มีแต่เพียงเรือของโนอาห์เท่านั้นที่ปลอดภัยและลอยอยู่เหนือผิวน้ำ

สุด ท้ายเมื่อฝนหยุดตกเรือของโนอาห์ก็ลอยไปเกยตื้นอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ขณะนั้นทุกหนทุกแห่งยังคงเต็มไปด้วยน้ำ โนอาห์และพวกพ้องภายในเรือจึงยังออกไปไหนไม่ได้ และแล้วพระเจ้าก็บันดาลให้เกิดลมพัดทำให้น้ำค่อยๆแห้ง

ทางฝ่ายโนอาห์ นั้นก็ส่งนกพิราบออกไปสังเกตลาดเลาว่าสมควรจะออกไปจากเรือได้หรือยัง ในครั้งแรกนกพิราบบินออกไปแล้วก็บินกลับมา เพราะทุกหนทุกแห่งยังเต็มไปด้วยน้ำ ครั้งที่สองโนอาห์ก็ส่งนกพิราบออกไปสำรวจอีก ปรากฏว่าเจ้านกน้อยกลับมาพร้อมกับกิ่งไม้เล็กๆ แสดงว่าน้ำเริ่มลดลงแล้ว

ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ เจ้านกพิราบก็ถูกส่งออกไปอีกครั้ง และคราวนี้มันก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ทำให้โนอาห์แน่ใจว่าเขาและพวกพ้องสามารถออกจากเรือได้แล้ว สำหรับระยะเวลาที่เรือโนอาห์ลอยลำอยู่บนผิวน้ำก็คือประมาณ 1 ปีกับหนึ่งเดือนกว่าๆ

เพื่อเป็นการขอบคุณต่อพระเจ้าที่รักษาชีวิตพวกเขาไว้จากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกครั้งนั้น เขาได้สร้างป้ายบูชาหินเพื่อขอบคุณพระองค์

พระเจ้าได้ให้สัญญากับโนอาห์ว่าจะไม่ทำให้น้ำท่วมโลกอีก จะมีแต่สายรุ้งพาดผ่านอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งสายรุ้งนี้จะเป็นเครื่องเตือนความจำในสัญญาของพระองค์


ใน ความพยายามค้นหาตำแหน่งของเรือ Noah ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีการอ้างหลักฐานการเห็นซากเรือหลายครั้งเช่น เมื่อ 700 ปีก่อนนี้ หนังสือชื่อ Travels of Sir John Mandeville ที่เล่าว่ามีนักบวชคนหนึ่งเก็บเศษไม้ได้จากยอดเขา Ararat แต่ก็ไม่มีใคร ณ วันนี้รู้ว่า Sir John ในหนังสือนั้นคือใคร และมีตัวตนหรือไม่ และเมื่อ 200 ปีก่อนนี้ ความสนใจเกี่ยวกับเรือ Noah ได้บังเกิดอีกเมื่อวารสาร The New Eden รายงานว่า นักบินชาวรัสเซียคนหนึ่งชื่อ Vladimir Roskovitsky ขณะบินสำรวจผ่านยอดเขา Ararat เขาได้เห็นซากเรือขนาดใหญ่บนเขาลูกนั้น แต่ก็ไม่มีการติดตามไปดู จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2460 แม่ทัพรัสเซียท่านหนึ่งได้ส่งทหาร 150 คน ขึ้นไปดูซากเรือเพื่อนำรายงานไปบังคมทูลให้จักรพรรดิซาร์ (czar) ทรงทราบ แต่ได้เกิดรัฐประหาร คณะปฏิวัติ Bolshevik จึงได้ทำลายเอกสารรายงานหมด เพื่อไม่ให้ใครเชื่อคัมภีร์ไบเบิลอีกต่อไป

ในปี พ.ศ. 2498 F. Navarra นักผจญภัยชาวฝรั่งเศสกับลูกชายได้เดินทางขึ้นยอดเขา Ararat และได้นำไม้โอ๊กแผ่นหนึ่งกลับลงมา ในหนังสือชื่อ Noah 's Ark : I Touched It เขาเล่าว่า เขาต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจของตุรกีเพื่อนำซากไม้ที่ยาว 2 เมตรออกนอกประเทศ ถึงแม้หนังสือเล่มนั้นจะมีภาพของสองพ่อลูกบนภูเขา แต่ก็หามีภาพของเรือไม่ และเมื่อ Navarra ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุของวัตถุโบราณวัดอายุของไม้เขาได้ข้อสรุปว่า ไม้นั้นมีอายุตั้งแต่ 4,000-6,000 ปี ซึ่งก็ตรงกับคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า โลกถือกำเนิดเมื่อ 6,008 ปีก่อนนี้ และเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อนจริง

แต่ การวัดอายุของไม้ในเวลาต่อมา 7 ครั้ง โดยใช้เทคโนโลยีคาร์บอน-14 ได้ข้อมูลว่า ไม้ของ Navarra มีอายุเพียง 1,214-1,384 ปีเท่านั้นเอง

ตราบเท่าทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นแม่นมั่นว่า เรือ Noah มีจริง ความโกลาหล การแอบอ้างต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่คนหลายคนเชื่อว่า ไบเบิลเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่บันทึกเหตุการณ์จริง แต่จริงไบเบิลเป็นเอกสารศีลธรรมที่พยายามสื่อสารให้คนอ่านรู้ว่า พระเจ้ามีจริง และทุกคนควรมีจริยธรรม และอยู่ในศีลในธรรม มิฉะนั้นก็จะถูกพระเจ้าลงโทษ

www.ipst.ac.th