18 พ.ย. 55 นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า คณะผู้บริหารขององค์การอนามัยโลก ประกอบด้วยนายแพทย์จอห์น มาร์ติน ที่ปรึกษาด้านการประเมินผลธรรมาภิบาลระบบสุขภาพ องค์การอนามัยโลก แพทย์หญิงมัวรีน เบอร์มิงแฮม ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และนายแพทย์นินา อัสการิ สำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้เข้าพบและร่วมหารือเกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการด้านยาของประเทศไทย โดยไทยเป็น 1 ใน 36 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาระบบธรรมภิบาลระบบสุขภาพขององค์การอนามัยโลก เพื่อการกระจายยาอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงยาดีมีคุณภาพในการรักษาพยาบาล ผลการดำเนินงานของประเทศไทยที่ผ่านมานับว่าประสบผลสำเร็จ เป็นประเทศที่เป็นตัวอย่างที่ดี องค์การอนามัยโลกได้ให้ความสนใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาศึกษาวิธีการดำเนินการ เพื่อนำไปเผยแพร่แก่ประเทศอื่นๆ
นพ.ประดิษฐกล่าวว่าสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการยามาจาก 2 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ 1. การบริหารระบบโดยการออกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ (Top Down) เป็นกรอบมาตรฐานปฏิบัติแนวเดียวกันทั่วประเทศอย่างชัดเจน เช่น การออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารบ้านเมืองที่ดี พระราชบัญญัติป้องกันการคอรัปชั่น กฎเกณฑ์การซื้อจัดยาตามระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคระกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นต้น และ 2. ยุทธศาสตร์จากล่างขึ้นบน (Bottom Up) ปลูกฝังและเสริมสร้างจริยธรรมในกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข มีการดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส เช่น ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านยาของอย. และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีรายงานราคายาที่จัดซื้อทุกชนิดจากทุกบริษัททั่วประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยว่า เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีระบบนี้
"ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายในการบริหารจัดการด้านยาของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ ลดปัญหาการใช้ยาฟุ่มเฟือย โดยตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบต่างๆ โดยเฉพาะการจัดทำเกณฑ์จริยธรรมวิชาชีพด้านสุขภาพร่วมกัน เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์เรื่องธรรมาภิบาลและการป้องกันการคอรัปชั่นในระบบสุขภาพของประเทศ"
นพ.ประดิษฐ กล่าวต่อไปว่า ผู้แทนองค์การอนามัยโลกได้กล่าวเชิญให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย พบแพทย์หญิงมากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เพื่ออภิปรายการดำเนินงานของประเทศไทย ในระหว่างการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกในเดือนพฤษภาคม 2556 เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และความสำเร็จให้แก่ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก ซึ่งมีกว่า 190 ประเทศ ได้นำไปขยายผลใช้ในประเทศอื่นๆ ในการพัฒนาระบบธรรมาภิบาลของระบบสุขภาพในระดับภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกอย่างเต็มที่
คมชัดลึก
