ผู้เขียน หัวข้อ: ข้าราชการไม่เป็นกลาง ล้างผลาญบ้านเมือง (ปราโมทย์ นาครทรรพ)  (อ่าน 1899 ครั้ง)

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด

.."Well the Prime Minister has had a very difficult time, I am sure.What I say is " Thank God for the Civil Service""

 "ก็ ท่านนายกรัฐมนตรีเพิ่งผ่านเวลาที่ลำบากยากยิ่งมาหยกๆ ข้าพเจ้าเข้าใจ ข้าพเจ้าจึงได้พูดว่า "ขอบคุณพระเจ้า ที่เรายังมีระบบข้าราชการอยู่"" (28 กรกฎาคม 1945)

 คำกล่าวของ George VI กษัตริย์อังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ (1895-1952)
...

พระราชบิดาของพระนางเจ้าอลิซาเบธ ปัจจุบันกษัตริย์ของอังกฤษ (1926 ครองราชย์ 1952 ครองราชย์นานที่สุดรองจากในหลวง) มิได้ทรงเตรียมตัวเป็นกษัตริย์ หากความรักบันลือโลกทำให้เชษฐาของพระองค์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 สละราชสมบัติไปแต่งงานกับซิมป์สันหญิงหม้ายอเมริกัน

 รัชสมัยของพระองค์ประสบความยุ่งยากที่สุดในประวัติศาสตร์ จนอังกฤษเกือบจะย่อยยับในสงครามโลกครั้งที่ 2

 แต่พระองค์ทรงแสดงความเด็ดเดี่ยวจับมือกับนายกรัฐมนตรีของพระองค์ คือ วินซตัน เชิชชิล (1874-1965 นายก 1940-5, 1951-5) ปลุกขวัญกำลังใจคนอังกฤษทั้งชาติให้ลุกขึ้นสู้กับฮิดเลอร์เยอรมันนี จนประสบชัยชนะ

 จอร์จ 6 เป็นศูนย์รวมใจชาวอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแท้จริง

 เป็นธรรมดาที่ลึกๆ พระองค์เสียพระทัย ที่นายกรัฐบาลยามสงครามของพระองค์ คือเชิชชิล ต้องพ่ายแพ้เลือกตั้งแก่พรรคแรงงาน นำโดยรองนายกของตนเอง คือแอตลี

 การเลือกตั้งเสรีที่บริสุทธิ์ครั้งนั้น แสดงความลึกซึ้งของคนอังกฤษที่ไม่ยอมเลือกวีรบุรุษสงครามอย่างเชิชชิลกลับมาเป็นนายก เพราะเกรงจะเหลิงอำนาจ จึงพากันเลือกแอตลีอย่างถล่มทลายถึง393 ที่นั่งเกินกว่าเสียงกึ่งหนึ่งถึง 147 ที่นั่ง

 ในวันที่ 26 กรกฎาคม 1945 เแอตลีไปกราบบังคมทูลว่าเขาชนะเลือกตั้ง พระเจ้าจอร์จ ที่ 6 ทรงอ้ำอึ้ง แทนที่จะแสดงความยินดีกลับตรัสว่า"ข้าพเจ้ารู้แล้ว จากวิทยุ"ข่าวหกโมง"" และในสองวันต่อมา ก็ตรัสถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของพระองค์ ดังที่คัดมาข้างต้น

 ผู้เขียนเลือกเล่าเรื่องนี้เพื่อย้ำ 2 อย่าง 1. นักการเมืองโสเภณีโกหกและไว้ใจไม่ได้อย่างที่เรแกน,ออร์เวล และเดอโกลว่า มีมากเป็นพิเศษในเมืองไทย แถมคดโกงคอร์รัปชั่นและขายชาติเข้าไปอีกด้วย และ 2. ชีวิตของชาวอังกฤษต่างกับชาวไทย เพราะเขาไม่ต้องพึ่งนักการเมือง เนื่องจากระบบราชการเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของบ้านเมืองและราษฎรได้

 Civil Serviceหรือราชการประจำอังกฤษประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ประจำชำนาญวิชาชีพต่างๆ ที่คนไทยเรียกตามฝรั่งว่า เทคโนแครต ในกระทรวงทบวงกรมหรือหน่วยงานที่ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน เป็นข้าราชการหรือคนใช้ของพระเจ้าแผ่นดิน(Servant of the Crown) แต่ทำหน้าที่รับใช้ประชาชน

 ข้าราชการต่างกับการเมือง ซึ่งมาแล้วก็ไป เอาแน่ไม่ได้ ข้าราชการมั่นคงอยู่ได้จนเกษียณ มีจารีตและกฎหมายบังคับให้ต้องเป็นกลางในทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่รับใช้พรรคการเมือง และไม่ออฟซ็ต์ออกหน้า(Anoymity) กล่าวคือไม่จุ้นจ้าน ตอบโต้อวดโม้ โฆษณาตนเองกับประชาชน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรี

 ข้าราชการระดับสูงของอังกฤษ 170 คนกินเงินเดือนสูงกว่านายกรัฐมนตรี

 ราชการจึงเป็นอาชีพที่มั่นคงมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องก้มหัวให้นักการเมือง เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไปยุ่งกับเรื่องเลื่อนยศ,ปลด หรือไล่ออก มิได้ นั่นเป็นอำนาจของคณะกรรมการ รัฐมนตรีทำได้อย่างเดียวคือ ย้ายเท่านั้น

 ของเรา ตั้งแต่รัฐบาลพรรคชาติไทยเป็นต้นมา ข้าราชการตกเป็นทาสนักการเมืองทีละนิด จนบัดนี้ถอนตัวไม่ขึ้น เคยเห็นภาพปลัดกระทรวงยอมกราบเท้ารัฐมนตรีที่มาจากอดีตสจ.ผู้รับเหมา

 ศัพท์วิบัติ"ล้วงลูก"เกิดขึ้นยุคบรรหาร แปลว่ารัฐมนตรีล้วงลูกเข้าไปควบคุมการเลื่อนยศปลดย้ายและค้าขายตำแหน่งข้าราชการใหญ่น้อย รวมทั้งการใช้งบประมาณ

 บรรหาร เจ้าวาทะกรรม "เป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง"ได้ชื่อว่า "จอมล้วงลูก คนที่ 1" เขาประกาศยอมแพ้ "จอมล้วงลูกคนที่ 2" คือทักษิณ เร็วๆนี้เขายอมรับ"จอมล้วงลูกคนที่ 3 "คือ เนวิน ว่า เป็นที่สุดแห่งที่สุดของการล้วงลูก

 นักการเมืองสร้างศัพท์การเมืองวิบัติอีกคำหนึ่ง คือ"สมบัติผลัดดันชม" แปลว่า ทีใครก็ทีมัน เมื่อถึงคราวได้อำนาจ ต้องกอบโกยให้เต็มที่เพื่อคืนทุนและตุนกำไร เผื่อเลือกตั้งคราวหน้า โดยใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือ

 บัดนี้ คำดังกล่าวระบาดลงไปสู่การปกครองท้องถิ่นซึ่งมาจากการเลือกตั้งถึง หนึ่งแสนห้าหมื่นคน ตำแหน่งต่างๆตั้งแต่นักการภารโรงถึงราชการระดับต่างๆ แม้นจะมีการสอบเข้าก็ตาม มีอัตราซื้อขายตั้งแต่ 3 หมื่นบาทขึ้นไปถึง 3 แสนบาท เป็นเรื่องธรรมดา

 การจัดซื้อ จัดหาและจ้างเหมาประมูลงาน จะต้องเจอเบี้ยใบ้รายทาง ตั้งแต่เสมียนขึ้นไปจนถึงรัฐมนตรี งบประมาณจากภาษีอากร 100 บาทจะถึงประชาชนสัก 50 บาท ก็ทั้งยาก

 ใครๆก็อยากให้คนของตนคุมกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ชงงบประมาณมหาศาล

 เรื่องการแต่งตั้งฉาวโฉ่ของมหาดไทยอย่าไปโทษเนวินเลย เขาเล่าเรียนเติบโตมาในวัฒนธรรม "ล้วงลูก" และ "สมบัติผลัดกันชม"

 เราต้องโทษรัฐบาล ที่ไม่ปกป้องข้าราชการดีๆที่มีมาตรฐานและคุณธรรม ปล่อยให้ข้าราชการที่วิ่งเต้นไม่เป็นกลาง มาล้างผลาญบ้านเมือง

 ในหลวงทรงสาปแช่งว่า "โกงแม้แต่เพียงหนึ่งบาท ก็ขอให้มีอันเป็นไป"


 บ้านเมืองจึงมีอันเป็นไปอยู่ทุกวันนี้ เพราะข้าราชการโกงทั้งแผ่นดิน

(แนวหน้า 28/9/2010)